Categories
Technical Analysis การลงทุน

Pivot Point คืออะไร ใช้งานอย่างไร

Pivot Point คืออะไร ใช้งานอย่างไร

Pivot Points คือราคากลางที่ นักลงทุน นักเกร็งกำไร และ นักเทรด ให้การยอมรับและนำมาใช้เป็น ค่าราคากลางเพื่อวางแผนการเทรดในวันถัดไปโดย จะนำค่าราคาดังกล่าวมาสร้างเป็น แนวรับ แนวต้าน ของแต่ละวัน โดยการคำนวนนั้นจะใช้ ราคาสูงสุดของวันก่อนหน้า ราคาต่ำสุดของวันก่อนหน้า และ ราคาปิดของวันก่อนหน้า มาคำนวนโดยจะมี สูตรดังนี้

Download โปรแกรมเทรดฟรี

ขอรับ ลิ้ง Download Pivot Indicator

สูตรคำนวน Pivot Point

Pivot Point = [High + Low + Close] / 3

แนวต้าน1 ( R1 )= (2 x Pivot ) – Low
แนวต้าน2 ( R2 ) = (Pivot – แนวรับ 1) + แนวต้าน 1
แนวต้าน3 ( R3 ) = (Pivot – แนวรับ 2) + แนวต้าน 2

แนวรับ1 ( S1 ) = (2 x Pivot ) – High
แนวรับ2 ( S2 ) = Pivot  – (แนวต้าน 1 – แนวรับ 1)
แนวรับ3 ( S3 ) = Pivot  – (แนวต้าน 2 – แนวรับ 2)

Pivot point Goo Invest Trade

นับว่าเป็น อินดิเคเตอร์ ที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะ เทรดเดอร์ ที่เทรดแบบ Price Action เพราะเป็นเครื่องมือที่คำนวนหา แนวรับ แนวต้าน ให้ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ เป็นเพียงการคาดการณ์ เท่านั้น การจะใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรใช้เครื่องมือหรือการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเป็นการยืนยันสัญญาณการกลับตัว หรือ หาแนวโน้มหลัก เพื่อประกอบ การวิเคราะห์ด้วย

เครื่อเมือที่เหมาะกับ การใช้งานประกอบ การยืนยัน การกลับตัว เช่น

Stochastic เป็น Indicator ที่ค่อนข้างไวกับการเปลี่ยนแปลงของราคาการเข้าที่เหมาะสมควรเข้าประกอบกับการ Overbought หรือ Oversold

Relative Strength Index RSI เหมาะกับการหา จุดกับตัวของคลื่น ซึ่งจะให้สัญญาณ ที่ช้ากว่า Stochastic แต่สัญญาณการกลับตัว ของ RSI นั้นค่อนข้างจะให้ความแม่นยำกว่า Stochastic จะบอกถึงการพักตัวในระยะสั้นๆเท่านั้น

เครื่อเมือที่เหมาะกับ การใช้งานประกอบ การยืนยัน แนวโน้ม เช่น

Moving Average เป็น Indicator ประเภทบอกแนวโน้มที่ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในกลุ่ม เทรดเดอร์ ซึ่งสิ่งสำคัญในการเริ่มต้น การวิเคราะห์ นั้นคงดีไม่พ้นเรื่องการหาแนวโน้ม เพื่อวางแผนการเทรด 

Trend line เป็นเครื่องมือประเภท Price Action ที่ไม่มีใครไม่รู้จักแนว ซึ่งสามารถ นำมาประกอบการวิเคราะห์ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

MACD Indicator ที่เป็นประเภท Index หรือ ดัชนี ที่วัดการแกว่งของตลาด ได้อีกด้วย แต่ Indicator ตัวนี้จะนิยมใช้สำหรับหา แนวโน้มตลาด โดยมีค่ากลางที่ 0 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเครื่องมือ การวิเคราะห์ ที่สามารถนำมาใช้ประกอบกับ Pivot Point ได้ท่านยังสามารถ ลงทะเบียน เข้าเรียนเครื่องมือเหล่านี้ได้ฟรีกับเราได้ แต่ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์อีกมาก ที่มีให้เลือกใช้ การวิเคราะห์มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องศึกษา เพื่อที่จะอยู่รอดในตลาด รวมถึง การบริการจัดการเงิน ที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แม้คุณจะมีกลยุทธ์การเทรด ที่ดีเพียงใด แต่การจัดการเงินไม่ดีสุดท้ายก็สร้างความเสียหายให้ การลงทุนของท่านอยู่ดี 

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

สัญญาณ overbought oversold จาก Indicator ต่างๆ

สัญญาณ Overbought Oversold จาก Indicator ต่างๆ

สัญญาณ Overbought Oversold นั้นบอกนั้นสภาวะตลาดที่ ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มากเกินไปและ อาจเกิดการพักตัว หรือกลับตัวได้ โดยจะมีเครื่องมืออินดิเคเตอร์ หลายตัวที่จะช่วยหา สัญญาณ ดังกล่าวได้ เพื่อป้องกัน และช่วยไม่ให้ท่านเข้าซื้อหรือในช่วงที่ได้เปรียบ และสามารถนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์การเทรดของท่านได้

Overbought คือ โซนที่มีปริมาณในการซื้อมากจนเกินไป และอาจทำให้มีแรงขายเข้ามาจำนวนมากที่จะเข้ามาในเร็วๆนี้อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงว่า ราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในไม่ช้า

Oversold คือ โซนที่มีปริมาณในการขายมากจนเกินไป และอาจทำให้มีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมากที่จะเข้ามาเร็วๆนี้ อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงว่า ราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในไม่ช้า

Indicator ที่นิยมใช้หา สัญญาณ Overbought Oversold

Relative strength index RSI

RSI indicator Relative Strength Index Overbought Oversold Goo Invest สัญญาณ Overbought Oversold

RSI Relative Strength Index คือ การวัดอัตราส่วนของ ” ขาขึ้น ” เปรียบเทียบกับราคา ” ขาลง ” ในช่วงเวลาหนึ่ง ว่า มีการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของราคามากกว่ากันในช่วงเวลาหนึ่ง โดยจะแสดงผลออกมาเป็น ดัชนี Index 0-100 เปรียบเทียบว่า ในช่วงเวลาหนึ่ง ของขาขึ้นกับขาลงว่าแนวโน้มใดแข็งแกร่งกว่ากัน จึงตั้งชื่อว่า “Relative Strength”

 

สัญญาณ Overbought เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวลง หรือ เป็นจุดขาย โดยการอ่านสัญญาณ Overbought ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 70 หรือสูงกว่า

สัญญาณ Oversold เกิดขึ้นเมื่อมีการขายมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวขึ้น หรือ เป็นจุดซื้อ โดยการอ่านสัญญาณ Oversold ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 30 หรือต่ำกว่า

Bollonger band

สัญญาณ Overbought Oversold Bollinger Bands Goo Invest Trade

Bollinger Bands เป็น Indicator หนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงการ การเทรดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น Futures ทองคำ น้ำมัน หรือ แม้แต่ Forex เนื่องจากมีประโยชน์หลากหลายและสามารถพลิกแพลงเทคนิคให้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980s เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงของโลก 

จุดประสงค์หลักของมันมีแนวคิดหลักคือการวัด “ความผันผวน” ของตลาด ซึ่งนิยมจัดให้เป็นเครื่องมือ “Technical Analysis” ในกลุ่ม Trend หรือใช้เพื่อเทรดในตลาดที่มีแนวโน้ม แต่ในขณะเดียวกันมันยังสามารถหาก Overbought และ Oversold ได้อีกด้วย โดยการสร้าง “Band” หรือกรอบราคาขึ้นมาอีก 2 เส้น ซึ่งช่วยหาจุดเข้าออกให้นักเทรดไปด้วยในเวลาเดียวกัน

Upper Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการซื้อที่มากเกิน ไป Overbought มีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

Lower Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการขายที่มากเกินไป Oversold มีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

Stochastic

Stochastic Oscillator Overbought Oversold goo invest สัญญาณ Overbought Oversold

Stochastic Oscillator เป็น indicator เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาด ที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุน หรือเก็งกำไรในระยะสั้น สามารถจับเคลื่อนไหว หรือการแกว่งตาม momentum ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่เหมาะในช่วงสภาวะตลาดที่มีแนวโน้ม

Stochastic ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane. เมื่อปี 1950 และเป็นหนึ่งใน Indicator ที่ได้รับนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งสามารถใช้งานได้ดีทั้งในตลาด Forex หุ้น รวมถึงสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น ทองคำ น้ำมัน โดยนิยมนำไปใช้ในการหาจุดกลับตัว และยังสามารถบอกภาวะการ ซื้อ หรือ ขายที่มากไป Overbought  Oversold

Overbought ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Overbought คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการซื้อที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Overbought ของ RSI จะอยู่ที่ 70 – 100 แต่ Stochastic จะอยู่ที่ระดับ 80 – 100 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการซื้อ มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงมาได้สูง 

Oversold ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Oversold คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการขายที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Oversold ของ RSI จะอยู่ที่ 0 – 30 แต่ Stochastic จะอยู่ที่ระดับ 0 – 20 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการขาย มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นมาได้สูง

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

Bollinger Bands

Bollinger Bands

Bollinger Bands เป็น Indicator หนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงการ การเทรดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น Futures ทองคำ น้ำมัน หรือ แม้แต่ Forex เนื่องจากมีประโยชน์หลากหลายและสามารถพลิกแพลงเทคนิคให้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980s เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงของโลก 

จุดประสงค์หลักของมันมีแนวคิดหลักคือการวัด “ความผันผวน” ของตลาด ซึ่งนิยมจัดให้เป็นเครื่องมือ “Technical Analysis” ในกลุ่ม Trend หรือใช้เพื่อเทรดในตลาดที่มีแนวโน้ม แต่ในขณะเดียวกันมันยังสามารถหาก Overbought และ Oversold ได้อีกด้วย โดยการสร้าง “Band” หรือกรอบราคาขึ้นมาอีก 2 เส้น ซึ่งช่วยหาจุดเข้าออกให้นักเทรดไปด้วยในเวลาเดียวกัน โดยส่วนประกอบของ Bolinger Band จะประกอบไปด้วยเส้นทั้งหมด 3 เส้นคือ

  1. เส้น Moving Average period20 เป็นค่ากลาง
  2. เส้น Upper Band
  3. เส้น Lower Band
bollinger Bands Goo invest trade

สูตรการคำนวณ

สำหรับการคำนวณ Bollinger Band นั้น สามารถสร้างได้ด้วยสูตรง่าย ๆ แบบ Excel หรือการคำนวณด้วยโปรแกรม MT4 โดยเราต้องเห็นภาพของหลักการก่อน ดังนี้

 

BOLU=MA(TP,n)+m∗σ[TP,n]
BOLD=MA(TP,n)−m∗σ[TP,n]

BOLU คือสูตรของ Upper Bollinger Band
BOLD คือสูตรของ Lower Bollinger Band
MA=Moving average เส้นค่าเฉลี่ย
TP (typical price) ค่าราคาวันปัจุบัน =(High+Low+Close)÷3
n = ค่า period ของ MA (ปรกติ Bollinger Band จะใช้ค่า 20)
m = standard deviations ( ค่าที่ใช้ทั่วไปคือ 2 )
σ[TP,n]=Standard Deviation ค่าที่สร้างขึ้นมาเป็นกรอบระยะห่าง

การใช้งาน Bollinger bands

1. ดูแนวโน้มตลาด

Bollinger Bands Trend Goo Invest Trade
Bollinger Bands up trend Goo invest trade

Bollinger Bands แม้จะนิยมใช้ในการดูจังหวะ Overbought หรือ Oversold แต่ค่าพื้นฐานของ Bollinger Bands นั้นถูกสร้างขึ้นมาจาก MA หรือ Moving Average ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้งานกันอย่างมากในการหาแนวโน้ม และ เส้น MA ก็ได้ถูกใส่ลองมาในเครื่องมือ Bollinger Band อีกด้วยนั่นคือเส้นตรงกลางของ Bolling Band 

 

กลยุทธ์

สามารถใช้กลยุทธ์พื้นฐานการหาแนวโน้มของ MA ในการเข้าออเดอร์ได้เลยเมื่อเข้าออเดอร์ได้แล้วสามารถปิดออเดอร์ทำกำไรบริเวณ Upper Band หรือ Lower Band ได้เช่น

  • แนวโน้มขาขึ้นให้เข้า Buy หรือ Long ที่บริเวณ MA และปิดออเดอร์ที่ Upper Band
  • แนวโน้มขาลงให้เข้า Sell หรือ Short ที่บริเวณ MA และปิดออเดอร์ที่ lower Band
 

2. Overbought Oversold

สัญญาณ Overbought Oversold Bollinger Bands Goo Invest Trade

Overbought บอกถึงสภาวะการซื้อมากเกินไป และ Oversold บอกถึงสภาวะการขายมากเกินไป หากราคาขึ้นไปบริเวณ Upper Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการซื้อที่มากเกินไปมีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า และ หากราคาขึ้นไปบริเวณ Lower Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการขายที่มากเกินไปมีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

 

 

 กลยุทธ์
  • เข้าออเดอร์ Sell หรือ Short บริเวณ Upper Band  อาจใช้สัญญาณจาก กราฟแท่งเทียน เป็นตัวช่วยยืนยันจังหวะ การเกิดสัญญาณกลับตัวที่ปิดสูงกว่า Upper Band จะเป็นสัญญาณที่ดีกว่า การที่ราคาปิดต่ำกว่า Upper Band
  • เข้าออเดอร์ Buy หรือ Long บริเวณ Lower Band  อาจใช้สัญญาณจาก กราฟแท่งเทียน เป็นตัวช่วยยืนยันจังหวะ การเกิดสัญญาณกลับตัวที่ปิดตำกว่า Lower Band จะเป็นสัญญาณที่ดีกว่า การที่ราคาปิดสูงกว่า Lower Band

3. ใช้เป็น แนวรับ แนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน Bollinger Bands Goo Invest Trade

เมื่อตลาดอยู่ในช่วงแนวโน้มที่เป็น Sideway สามารถใช้ Lower Band และ Upper Band เป็นแนวรับและแนวต้านได้ ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าในช่วงที่ Sideway เส้น Upper Band และ Lower Band จะบีบเข้าหากันและเคลื่อนไหวไปในแนวระนาบหรือยังไม่มีการขึ้นลงที่ขัดเจน โดยให้เส้น Upper Band = ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และ  Lower Band = ทำหน้าที่เป็นแนวรับ.

 

กลยุทธ์

  • เข้าออเดอร์บริเวณที่เป็นแนวรับแนวต้านหรือบริเวณเส้น Upper Band หรือ Lower Band อาจใช้สัญญาณจาก กราฟแท่งเทียน เป็นตัวช่วยยืนยันจังหวะ การเข้าออเดอร์โดยเข้า Sell หรือ Short บริเวณ แนวต้าน และ เข้า Buy หรือ Long บริเวณ แนวรับ
  • Breakeout หรือการที่ราคาวิ่งหลุดแนวต้านขึ้นไป หรือ ราคาวิ่งหลุดแนวรับลงมาเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มักใช้กับบริเวณ แนวรับ แนวต้าน เข้าออเดอร์โดยเข้า Sell หรือ Short เมื่อราคาวิ่งหลุดแนวรับลงมาเป็นการ Follow trend ขาลง หรือ เข้า buy หรือ Long เมื่อราคาวิ่งหลุดแนวต้านขึ้นมาเป็นการ Follow trend ขาขึ้น แล้วจึงใช้ เส้น MA หรือ Trend Line ช่วยหาแนวโน้ม

4. วัดความผันผวนของตลาด

Volume Bollinger Band Goo Invest Trade

Bollinger Bands สามารถบอกเราให้ทราบถึงความผันผวนและปริมาณการซื้อขายของตลาดว่า สถานะของตลาดเป็นยังไง มีการซื้อที่มากน้อยเพียงใดโดยจะแสดงออกโดยระยะห่างของเส้น Upper Band และ Lower Band หรืออยู่ในช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย โดยให้ประเมิณจากระยะหากของเส้น Upper Band และ Lower Band ถ้าหากเส้นมีลักษณะ บีบ ชิดเข้าหากัน เป็นช่วงแคบ นั้นหมายถึงตลาดมีปริมาณซื้อขายน้อย แต่ถ้าเส้นแยกออกห่างออกจากกัน แล้วอยู่ห่างๆ กันยิ่งมากเมื่อไหร่ นั้นหมายถึง ยิ่งมีปริมาณซื้อขายที่มากขึ้นเท่านั้น 

 

กลยุทธ์

  •  หากอยู่ในช่วงที่ Upper Band และ Lower Band บีบตัวเข้าหากกันหรืออยู่ในช่วงที่แคบแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ที่เหมือนกับ Sideway โดยทำกำไรในระยะสั้น
  • หากอยู่ในช่วงที่ Upper Band และ Lower Band ออกห่างจากกัน แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ ที่เล่นตามแนวโน้มจะปลอดภัยกว่า หรือให้เข้าตอนตลาดพักตัวที่เส้น MA ซึ่งหมายถึงเส้นกลาง ของ Bollinger Band ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานในการเล่นกับแนวโน้มตามหลักการ MA
Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

Stochastic Oscillator

Stochastic Oscillator

Stochastic Oscillator เป็น indicator ที่เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาด ที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุน หรือเก็งกำไรในระยะสั้น สามารถจับเคลื่อนไหว หรือการแกว่งตาม momentum ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่เหมาะในช่วงสภาวะตลาดที่มีแนวโน้ม

Stochastic ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane. เมื่อปี 1950 และเป็นหนึ่งใน Indicator ที่ได้รับนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งสามารถใช้งานได้ดีทั้งในตลาด Forex หุ้น รวมถึงสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น ทองคำ น้ำมัน โดยนิยมนำไปใช้ในการหาจุดกลับตัวของและยังสามารถบอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป Overbought  Oversold

ส่วนประกอบหลักในการใช้งาน

Stochastic Oscillator Goo Invest

Stochastic เป็น อินดิเคเตอร์ ที่เป็น ดัชนี หรือ Index ที่เป็นการชี้วัดการเคลื่อนที่ของตลาดโดยจะมีค่าต่ำสุดคือ 0 และสูงสุด 100 และจะมีเส้น Stochastic ที่เรียกกันว่าเส้น %K และมีเส้นค่าเฉลี่ยอีเส้นเป็นเส้น Signal หรือเส้น %D โดยเส้น %K หรือเส้น Stochastic จะมีสูตรดังนี้

%K = 100*(ราคาปิดวันนี้-ราคาต่ำสุด) / (ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด)

การใช้งาน Stochastic Oscillator

1. Overbought Oversold

Stochastic Oscillator Overbought Oversold goo invest สัญญาณ Overbought Oversold

Overbought ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Overbought คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการซื้อที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Overbought ของ RSI จะอยู่ที่ 70 – 100 แต่ STO จะอยู่ที่ระดับ 80 – 100 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการซื้อ มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงมาได้สูง 

 

Oversold ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Oversold คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการขายที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Oversold ของ RSI จะอยู่ที่ 0 – 30 แต่ STO จะอยู่ที่ระดับ 0 – 20 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการขาย มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นมาได้สูง

 

2. การ Cross กันของเส้น %K และ %D

Stochastic Oscillator Signal Goo Invest

สัญญาณ Overbought และ Oversold อย่างเดียวอาจจะยังไม่ใช่สัญญาณเข้า ซื้อ ขาย ที่ดีนักอย่างที่ได้เกรินไปตั้งแต่ช่วงแรกว่า Stochastic เป็น Indicator ที่สามารถทำงานได้ดี ในช่วงตลาด  Sideway เพื่อป้องกันไม่ให้เราเข้าซื้อหรือขาย ที่เร็วเกินไปหลังจากเกิดสัญญาณ Overbought Oversold แล้วจึงให้เราเตรียมตัวการพักตัวเท่านั้น และให้การ Cross เป็นสัญญาณเข้าจะดีกว่า

เส้น %D ตัดเส้น %K ลงหลังจากที่ราคาเข้าไปอยู่ใน ZONE Overbought ให้ถือเป็นสัญญาณการขาย

เส้น %D ตัดเส้น %K ขึ้นหลังจากที่ราคาเข้าไปอยู่ใน ZONE Oversold ให้ถือเป็นสัญญาณการซื้อ

3. Stochastic Oscillator Divergence

RSI indicator Relative Strength Index Divergence type Goo Invest

สัญญาณ Divergence คือความขัดแย้งกัน ระหว่างราคากับการเคลื่อนไหวของ Sto โดยปรกติแล้วราคากับดัชนีจะต้องแกว่งไปในทิศทางเดียวกันแต่จะมีความปิดปรกติในช่วงบางเวลาที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคาและ Sto ซึ่งจะเรียกความขัดแย้งนี้ว่า Divergence

 

ความขัดแย้ง ในสภาวะขาขึ้นว่า Bearish Divergence

ความขัดแย้ง ในสภาวะขาลงว่า Bullish Divergence

Stochastic Oscillator Bearish Divergence goo invest
Stochastic Oscillator Bullish Divergence goo invest
Share Facebook
Share Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน ธุรกิจ

MACD Indicator

MACD Indicator

MACD ( นิยมอ่านชื่อย่อกัน 2 อย่างคือ M-A-C-D หรือ Mac-Dee ) ย่อมาจาก Moving Average Convergence Divergence เป็น Indicator ที่ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการการลงทุน เพื่อใช้เป็นตัวชี้วัดและใช้สำหรับวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ซึ่งเป็นจุดเด่นของ MACD ไม่ว่าจะเป็น หุ้น CFD Forex ทองคำ น้ำมัน พันธบัตร หรือสินทรัพย์ใดๆ สำหรับนักเทรดนักวิเคราะห์จะไม่รู้จัก MACD คงเป็นเรื่องแปลก โดยเฉพาะ Trend Following และ Momentum trading ต้องรู้จักมันอย่างแน่นอน โดยถูกคิดค้นโดย Gerald Appeal ในยุค 1970s ซึ่งการทำงานของ MACD จะมีพื้นฐานมาจากการคำนวณค่าเฉลี่ยของ 2 ค่าที่นำมาเปรียบเทียบกัน

MACD Moving Average Convergence Divergence indicator Goo invest

Histogram ที่มา ของ MACD Indicator LV.1

MACD โดยถูกคิดค้นโดย Gerald Appeal ในยุค 1970s ซึ่งการทำงานของ MACD จะมีพื้นฐานมาจากการคำนวณความสัมพันธ์ของค่าเฉลี่ย 2 ค่า ที่นำมาเปรียบเทียบกันแบบ “Exponential Moving Average” (EMA) Gerald Appel ได้อธิบายไว้ว่า ” เราจะใช้เส้นค่าเฉลี่ยธรรมดา (SMA) ก็ได้ แต่ใช้ เส้นค่าเฉลี่ย EMA จะดูเทรนของราคาได้ดีกว่า  “

โดยการนำค่าเฉลี่ย 26 วัน และค่าเฉลี่ย 12 วัน มาแสดงออกมาในรูป Histogram โดยแต่ละแท่ง Histogram คือค่าความสัมพันธ์ด้านความต่างของค่าราคาที่ต่างกันหรือเรียกง่ายๆว่าคือค่าระยะห่าง

การสร้าง Histogram แต่ละแท่งจะมีค่ากลางเป็น 0

เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย EMA12 อยู่เหนือกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA26 การสร้าง Histogram จะมีค่าเป็นบวก

เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย EMA12 อยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA26 การสร้าง Histogram จะมีค่าเป็นลบ

หลังจากนั้น  Gerald Appeal ได้เพิ่มค่า  EMA9 เพื่อใช้เป็นเส้นสัญญาณ หรือ Signal โดยเส้น Signal นี้จะแสดงบน Histogram 

การใช้งาน MACD Indicator เบื้องต้น LV.1

MACD Moving Average Convergence Divergence histogram indicator Goo invest

สำหรับท่านที่กำลังศึกษาการวิเคราะห์กราฟเทคนิคและกำลังสนใจ MACD ในการใช้เป็นตัวช่วยวิเคราะห์ สามารถ ทดลองใช้จริง ได้ โดยมีการอ่านสัญญาณดังนี้

  • เมื่อค่า Histogram อยู่เหนือ 0 และ EMA9 แนวโน้มราคาถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้นและสำหรับใครที่รอจังหวะเข้าซื้อตามในช่วงขาขึ้นสามารถใช้เส้น Signal LIne เป็นตัวกำหนดจัวหวะในการเข้าซื้อซึ่งหาก Histogram ตัด EMA9 ขึ้นถือว่าเป็นช่วงที่เป็นแนวโน้มขึ้นแข็งแรง และยังสามารถเข้าซื้อตามและถือกำไรต่อไป
  • เมื่อค่า Histogram อยู่เหนือ 0 แต่ต่ำกว่า EMA9 หากท่านพบสัญญาณเช่นนี้ไม่แนะนำให้เข้าออเดอร์ Buy เพิ่มแต่ควรขายกำไรบางส่วนออกเพราะสัญญาณเช่นนี้กำลังหมายถึงการพักตัวของรอบแนวโน้มขาขึ้น
  • เมื่อค่า Histogram อยู่ต่ำ 0 และ EMA9 แนวโน้มราคาถือว่าอยู่ในช่วงขาลงและสำหรับใครที่รอจังหวะปิดทำกำไรหรือ Sell ตามในช่วงขาลงสามารถใช้เส้น Signal LIne เป็นตัวกำหนดจัวหวะในการเข้า Sell ซึ่งหาก Histogram ตัด EMA9 ลงถือว่าเป็นช่วงที่เป็นแนวโน้มลงแข็งแรง และยังสามารถเข้า Sell ตามและถือกำไรต่อไป
  • เมื่อค่า Histogram อยู่เหนือ 0 แต่สูงกว่า EMA9 หากท่านพบสัญญาณเช่นนี้ไม่แนะนำให้เข้าออเดอร์ Sell เพิ่มแต่ควรขายกำไรบางส่วนออกเพราะสัญญาณเช่นนี้กำลังหมายถึงการพักตัวของรอบแนวโน้มขาลง

Convergence & Divergence MACD Indicator LV.2

MACD Moving Average Convergence Divergence histogram indicator Goo invest

Convergence หมายถึงการไปในทิศทางเดียวกันระหว่างกราฟราคาและตัวค่าแนวโน้มสัญญาณของ MACD Indicator ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับใครที่เล่นตามแน้วโน้มแต่สำหรับใครที่ชอบเล่นแนวเกร็งกำไรระยะสั้นที่หาจุดกลับตัวยังไม่ถือเป็นสัญญาณเข้าซื้อและต้องระวังการเข้าออเดอร์เป็นอย่างมาก

Divergence มันคือความขัดแย้งกันระหว่าง MACD Indicator กับกราฟราคา มักเป็นที่นิยมใช้ในการหาจุดกลับตัวของราคาแต่ก็ใช่ว่าจะกลับตัวเป็นขาลงในทันทีมันอาจเป็นการกลับตัวเพื่อพักฐานในระยะสั้นเท่านั้น หากในต้องการทำกำไรจากการทำกำไรระยะสั้นจากสัญญาณ Divergence ก็ต้องติดตามสัญญาณอย่างใกล้ชิดเพราะสัญญาณนี้จะเกิดขึ้นในทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มหลัก โดยจะรู้จักกันในชื่อ Bullish Divergence และ Bearish Divergence

MACD Moving Average Convergence Divergence histogram indicator bullish bearish Goo invest

Bullish Divergence คำว่า Bullish หรือหลายคนเรียกมันว่า ตลาดกระทิง มักนำมาเรียกแทนตลาดในสภาวะขาขึ้น การเกิด Bullish Divergence ใน MACD จึงเป็นสัญญาณการกลับตัว จากสภาวะขาลง หรือ  Bearish เพื่อเข้าสู่สภาวะขาขึ้น หรือ Bullish มันจึงได้ชื่อ Bullish Divergence 

สัญญาณนี้จะเกิดขึ้นในช่วงสภาะวะขาลงที่ทำ Low ลดต่ำลงมาเรื่อยๆ ( Lower Low= LL ) แต่ MACD กลับไม่ทำ Low ที่ลงไปด้วยกลับมี Low ที่สูงขึ้นกลายเป็นสัญญาณ Bullish Divergence ซึ่งหมายถึง ราคาที่กำลังอยู่ในสภาวะขาลงอาจมีการกลับหรือพักตัวในอีกไม่นาน

MACD Moving Average Convergence Divergence histogram indicator bullish bearish Goo invest

Bearish Divergence คำว่า Bearish หรือหลายคนเรียกมันว่า ตลาดหมี มักนำมาเรียกแทนตลาดในสภาวะขาลง การเกิด Bearish Divergence ใน MACD จึงเป็นสัญญาณการกลับตัว จากสภาวะขาขึ้น หรือ  Bullish เพื่อเข้าสู่สภาวะขาลงหรือ Bearish มันจึงได้ชื่อ Bearish Divergence 

สัญญาณนี้จะเกิดขึ้นในช่วงสภาะวะขาขึ้นที่ทำ High สูงมาเรื่อยๆ ( Higher High = HH ) แต่ MACD กลับไม่ทำ High ที่สูงขึ้นไปด้วยกลับมี high ที่ต่ำลงกลายเป็นสัญญาณ Bearish Divergence ซึ่งหมายถึง ราคาที่กำลังอยู่ในสภาวะขาขึ้นอาจมีการกลับหรือพักตัวในอีกไม่นาน

Share Facebook
Share Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน ธุรกิจ

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย เคลื่อนที่ เป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิค Indicator ที่ใช้ วิเคราะห์แนวโน้ม หรือทิศทางของตลาด โดยแบ่งได้ 3 ประเภทคือ Simple Moving Average (SMA), Exponential Moving Average (EMA), Weighted Moving Average แต่เป็นที่นิยมใช้ของนักลงทุน 2 ประเภทคือ Simple Moving Average (SMA) และ Exponential Moving Average (EMA) การใส่เครื่องมือ ลงในโปรแกรมก็ไม่ยาก

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย SMA EMA goo invest

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เป็นเครื่องมือที่มีจุดเด่น ในการหาแนวโน้มตลาด Trend เหมาะมากสำหรับ นักเทรดสาย Trend Following และยังช่วย ให้อ่านกราฟได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำราคา มาแปลงค่า เป็นเส้น Moving Average ทำให้ อ่าน หรือ วิเคราะห์ ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังนำมาอ้างอิง เป็นจุด เข้า – ออก ได้อีกด้วย ค่า Period ที่นิยมใช้ คือ 5 10 15 20 50 75 100 และ 200 สาเหตุ ที่นิยมใช้ค่าต่างๆ ที่แนะนำ เพราะมีการอ้างอิง ตามรอบปฏิทิน ดังนี้

5 วัน แทน 1 สัปดาห์ 

20 วัน แทน 1 เดือน 

75 วัน แทน 1 ไตรมาส 

200 วัน แทน 1 ปี

เมื่อ นักเทรด ส่วนใหญ่ใช้ค่าตามที่ได้แนะนำไปแล้วนี้ ท่านก็ไม่จำเป็น จะต้องไปดัดแปลงค่าใดๆ หรือ หาค่าใหม่ๆ เพราะมันไม่มีประโยชน์ การเคลื่อนไหวของราคา นั้นเกิดขึ้นจากการซื้อขาย ของนักลงทุน นั่นหมายถึง เมื่อทุกคนใช้ค่าการใช้งานเหล่านี้ เป็นการตัดสินใจ ก็หมายความว่า มันย่อมส่งผลต่อ การตัดสินใจ กับคนซื้อขายอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

 

แบ่งตามระยะการเทรดได้ดังนี้

ระยะสั้นใช้ค่า 5 – 20

ระยะกลางใช้ค่า 50 – 100

ระยะยาวค่า 200

 

การเทรดระยะสั้นมีข้อดีข้อเสียที่ต่างกันเช่น

เทรดระยะสั้น จะเห็นจุดกลับตัวได้ไวกว่า ระยะยาว

เทรดระยะยาว จะปรับตัวได้ช้ากว่า ระยะสั้น และ มีสัญญาณที่ช้ากว่า

เทรดระยะสั้น จะเจอสัญญาณหลอกมากกว่า ระยะยาว

หลักการใช้งาน Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย SMA EMA ใช้งานอย่างไร goo invest

หลักในการอ่านแนวโน้มแบบ เชิงเดี่ยว การวิเคราะห์แบบเชิงเดี่ยวคือใช้เส้นค่าเฉลี่ยค่าใดค่าหนึ่งอ้างอิงกับราคา

  • หากราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย ให้น้ำหนักเป็น แนวโน้มขาขึ้น
  • หากราคาอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย ให้น้ำหนักเป็น แนวโน้มขาลง

ยิ่งค่า Period ของเส้นเฉลี่ย ที่ใช้อ้างอิง มีค่ามากเท่าไหรยิ่งเป็นแนวโน้มที่ใหญ่ และ แข็งแรงมากขึ้น นั่นหมายถึง กินเวลาเป็นอาทิตย์ หรือ เดือนในเส้นแนวโน้มนั้น แต่ข้อเสียคือ ยิ่งใช้ค่า Period ยิ่งสูงเท่าไหร สัญญาณในการเปลี่ยน แนวโน้มก็จะยิ่งช้าไปด้วย ลองใช้ ปรับค่าการใช้งานด้วยตัวเอง เพื่อหาเทคนิคที่เหมาะสมให้ตัวคุณเอง

 

ท่านสามารถทำการซื้อขายไป กับ แนวโน้ม แนะว่าไม่ควรไปเข้าสวนกับแนวโน้ม แต่ให้หา จังหวะเข้า บริเวณที่กราฟลงมาใกล้ หรือทดสอบแนวโน้ม เมื่อกราฟทดสอบเส้นค่า Period ใดราคามักจะกลับมาทดสอบค่า Period เดิมบ่อยครั้ง โดยให้ท่านสังเกตุ การทดสอบ และ ใช้เส้นค่าเฉลี่ยนั้น เป็นจุดตัดขาดทุน

หลักการอ่านแนวโน้มที่ค่า Period มากกว่าหนึ่งค่าโดยอ้างอิงจากการเรียงตัว

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย SMA EMA golden cross goo invest
  •  หากค่า Period น้อย เรียงตัวอยู่สูงกว่าค่า Period มากถือว่าเป็น แนวโน้มขาขึ้น โดยสังเกตุ จุดตัด การเปลี่ยนแนวโน้ม โดยมักเรียกกันว่า Golden Cross

 

Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย SMA EMA Death cross goo invest
  •  หากค่า Period น้อยเรียงตัวอยู่ต่ำกว่าค่า Period มากถือว่าเป็น แนวโน้มขาลง โดยสังเกตุ จุดตัดการเปลี่ยนแนวโน้ม โดยมักเรียกกันว่า Death Cross
Moving Average เส้นค่าเฉลี่ย SMA EMA Sideway goo invest
  • หาก Moving Average เส้นค่าเฉลี่ยแต่ละค่า ไม่มีการเรียงตัวชัดเจน แต่กลับสลับขึ้นลงไปมา รวมถึง แนวโน้มแต่ละเส้น วิ่งเป็นแนวนอน ให้ถือว่าตั้งอยู่ในช่วง Sideway
Share Facebook
Share Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ