Categories
Technical Analysis การลงทุน

สัญญาณ overbought oversold จาก Indicator ต่างๆ

สัญญาณ Overbought Oversold จาก Indicator ต่างๆ

สัญญาณ Overbought Oversold นั้นบอกนั้นสภาวะตลาดที่ ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มากเกินไปและ อาจเกิดการพักตัว หรือกลับตัวได้ โดยจะมีเครื่องมืออินดิเคเตอร์ หลายตัวที่จะช่วยหา สัญญาณ ดังกล่าวได้ เพื่อป้องกัน และช่วยไม่ให้ท่านเข้าซื้อหรือในช่วงที่ได้เปรียบ และสามารถนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์การเทรดของท่านได้

Overbought คือ โซนที่มีปริมาณในการซื้อมากจนเกินไป และอาจทำให้มีแรงขายเข้ามาจำนวนมากที่จะเข้ามาในเร็วๆนี้อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงว่า ราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในไม่ช้า

Oversold คือ โซนที่มีปริมาณในการขายมากจนเกินไป และอาจทำให้มีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมากที่จะเข้ามาเร็วๆนี้ อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงว่า ราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในไม่ช้า

Indicator ที่นิยมใช้หา สัญญาณ Overbought Oversold

Relative strength index RSI

RSI indicator Relative Strength Index Overbought Oversold Goo Invest สัญญาณ Overbought Oversold

RSI Relative Strength Index คือ การวัดอัตราส่วนของ ” ขาขึ้น ” เปรียบเทียบกับราคา ” ขาลง ” ในช่วงเวลาหนึ่ง ว่า มีการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของราคามากกว่ากันในช่วงเวลาหนึ่ง โดยจะแสดงผลออกมาเป็น ดัชนี Index 0-100 เปรียบเทียบว่า ในช่วงเวลาหนึ่ง ของขาขึ้นกับขาลงว่าแนวโน้มใดแข็งแกร่งกว่ากัน จึงตั้งชื่อว่า “Relative Strength”

 

สัญญาณ Overbought เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวลง หรือ เป็นจุดขาย โดยการอ่านสัญญาณ Overbought ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 70 หรือสูงกว่า

สัญญาณ Oversold เกิดขึ้นเมื่อมีการขายมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวขึ้น หรือ เป็นจุดซื้อ โดยการอ่านสัญญาณ Oversold ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 30 หรือต่ำกว่า

Bollonger band

สัญญาณ Overbought Oversold Bollinger Bands Goo Invest Trade

Bollinger Bands เป็น Indicator หนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงการ การเทรดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น Futures ทองคำ น้ำมัน หรือ แม้แต่ Forex เนื่องจากมีประโยชน์หลากหลายและสามารถพลิกแพลงเทคนิคให้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980s เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงของโลก 

จุดประสงค์หลักของมันมีแนวคิดหลักคือการวัด “ความผันผวน” ของตลาด ซึ่งนิยมจัดให้เป็นเครื่องมือ “Technical Analysis” ในกลุ่ม Trend หรือใช้เพื่อเทรดในตลาดที่มีแนวโน้ม แต่ในขณะเดียวกันมันยังสามารถหาก Overbought และ Oversold ได้อีกด้วย โดยการสร้าง “Band” หรือกรอบราคาขึ้นมาอีก 2 เส้น ซึ่งช่วยหาจุดเข้าออกให้นักเทรดไปด้วยในเวลาเดียวกัน

Upper Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการซื้อที่มากเกิน ไป Overbought มีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

Lower Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการขายที่มากเกินไป Oversold มีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

Stochastic

Stochastic Oscillator Overbought Oversold goo invest สัญญาณ Overbought Oversold

Stochastic Oscillator เป็น indicator เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาด ที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุน หรือเก็งกำไรในระยะสั้น สามารถจับเคลื่อนไหว หรือการแกว่งตาม momentum ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่เหมาะในช่วงสภาวะตลาดที่มีแนวโน้ม

Stochastic ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane. เมื่อปี 1950 และเป็นหนึ่งใน Indicator ที่ได้รับนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งสามารถใช้งานได้ดีทั้งในตลาด Forex หุ้น รวมถึงสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น ทองคำ น้ำมัน โดยนิยมนำไปใช้ในการหาจุดกลับตัว และยังสามารถบอกภาวะการ ซื้อ หรือ ขายที่มากไป Overbought  Oversold

Overbought ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Overbought คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการซื้อที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Overbought ของ RSI จะอยู่ที่ 70 – 100 แต่ Stochastic จะอยู่ที่ระดับ 80 – 100 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการซื้อ มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงมาได้สูง 

Oversold ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Oversold คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการขายที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Oversold ของ RSI จะอยู่ที่ 0 – 30 แต่ Stochastic จะอยู่ที่ระดับ 0 – 20 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการขาย มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นมาได้สูง

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

Bollinger Bands

Bollinger Bands

Bollinger Bands เป็น Indicator หนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงการ การเทรดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น Futures ทองคำ น้ำมัน หรือ แม้แต่ Forex เนื่องจากมีประโยชน์หลากหลายและสามารถพลิกแพลงเทคนิคให้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980s เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงของโลก 

จุดประสงค์หลักของมันมีแนวคิดหลักคือการวัด “ความผันผวน” ของตลาด ซึ่งนิยมจัดให้เป็นเครื่องมือ “Technical Analysis” ในกลุ่ม Trend หรือใช้เพื่อเทรดในตลาดที่มีแนวโน้ม แต่ในขณะเดียวกันมันยังสามารถหาก Overbought และ Oversold ได้อีกด้วย โดยการสร้าง “Band” หรือกรอบราคาขึ้นมาอีก 2 เส้น ซึ่งช่วยหาจุดเข้าออกให้นักเทรดไปด้วยในเวลาเดียวกัน โดยส่วนประกอบของ Bolinger Band จะประกอบไปด้วยเส้นทั้งหมด 3 เส้นคือ

  1. เส้น Moving Average period20 เป็นค่ากลาง
  2. เส้น Upper Band
  3. เส้น Lower Band
bollinger Bands Goo invest trade

สูตรการคำนวณ

สำหรับการคำนวณ Bollinger Band นั้น สามารถสร้างได้ด้วยสูตรง่าย ๆ แบบ Excel หรือการคำนวณด้วยโปรแกรม MT4 โดยเราต้องเห็นภาพของหลักการก่อน ดังนี้

 

BOLU=MA(TP,n)+m∗σ[TP,n]
BOLD=MA(TP,n)−m∗σ[TP,n]

BOLU คือสูตรของ Upper Bollinger Band
BOLD คือสูตรของ Lower Bollinger Band
MA=Moving average เส้นค่าเฉลี่ย
TP (typical price) ค่าราคาวันปัจุบัน =(High+Low+Close)÷3
n = ค่า period ของ MA (ปรกติ Bollinger Band จะใช้ค่า 20)
m = standard deviations ( ค่าที่ใช้ทั่วไปคือ 2 )
σ[TP,n]=Standard Deviation ค่าที่สร้างขึ้นมาเป็นกรอบระยะห่าง

การใช้งาน Bollinger bands

1. ดูแนวโน้มตลาด

Bollinger Bands Trend Goo Invest Trade
Bollinger Bands up trend Goo invest trade

Bollinger Bands แม้จะนิยมใช้ในการดูจังหวะ Overbought หรือ Oversold แต่ค่าพื้นฐานของ Bollinger Bands นั้นถูกสร้างขึ้นมาจาก MA หรือ Moving Average ซึ่งเป็นที่ยอมรับและใช้งานกันอย่างมากในการหาแนวโน้ม และ เส้น MA ก็ได้ถูกใส่ลองมาในเครื่องมือ Bollinger Band อีกด้วยนั่นคือเส้นตรงกลางของ Bolling Band 

 

กลยุทธ์

สามารถใช้กลยุทธ์พื้นฐานการหาแนวโน้มของ MA ในการเข้าออเดอร์ได้เลยเมื่อเข้าออเดอร์ได้แล้วสามารถปิดออเดอร์ทำกำไรบริเวณ Upper Band หรือ Lower Band ได้เช่น

  • แนวโน้มขาขึ้นให้เข้า Buy หรือ Long ที่บริเวณ MA และปิดออเดอร์ที่ Upper Band
  • แนวโน้มขาลงให้เข้า Sell หรือ Short ที่บริเวณ MA และปิดออเดอร์ที่ lower Band
 

2. Overbought Oversold

สัญญาณ Overbought Oversold Bollinger Bands Goo Invest Trade

Overbought บอกถึงสภาวะการซื้อมากเกินไป และ Oversold บอกถึงสภาวะการขายมากเกินไป หากราคาขึ้นไปบริเวณ Upper Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการซื้อที่มากเกินไปมีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า และ หากราคาขึ้นไปบริเวณ Lower Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการขายที่มากเกินไปมีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

 

 

 กลยุทธ์
  • เข้าออเดอร์ Sell หรือ Short บริเวณ Upper Band  อาจใช้สัญญาณจาก กราฟแท่งเทียน เป็นตัวช่วยยืนยันจังหวะ การเกิดสัญญาณกลับตัวที่ปิดสูงกว่า Upper Band จะเป็นสัญญาณที่ดีกว่า การที่ราคาปิดต่ำกว่า Upper Band
  • เข้าออเดอร์ Buy หรือ Long บริเวณ Lower Band  อาจใช้สัญญาณจาก กราฟแท่งเทียน เป็นตัวช่วยยืนยันจังหวะ การเกิดสัญญาณกลับตัวที่ปิดตำกว่า Lower Band จะเป็นสัญญาณที่ดีกว่า การที่ราคาปิดสูงกว่า Lower Band

3. ใช้เป็น แนวรับ แนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน Bollinger Bands Goo Invest Trade

เมื่อตลาดอยู่ในช่วงแนวโน้มที่เป็น Sideway สามารถใช้ Lower Band และ Upper Band เป็นแนวรับและแนวต้านได้ ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าในช่วงที่ Sideway เส้น Upper Band และ Lower Band จะบีบเข้าหากันและเคลื่อนไหวไปในแนวระนาบหรือยังไม่มีการขึ้นลงที่ขัดเจน โดยให้เส้น Upper Band = ทำหน้าที่เป็นแนวต้าน และ  Lower Band = ทำหน้าที่เป็นแนวรับ.

 

กลยุทธ์

  • เข้าออเดอร์บริเวณที่เป็นแนวรับแนวต้านหรือบริเวณเส้น Upper Band หรือ Lower Band อาจใช้สัญญาณจาก กราฟแท่งเทียน เป็นตัวช่วยยืนยันจังหวะ การเข้าออเดอร์โดยเข้า Sell หรือ Short บริเวณ แนวต้าน และ เข้า Buy หรือ Long บริเวณ แนวรับ
  • Breakeout หรือการที่ราคาวิ่งหลุดแนวต้านขึ้นไป หรือ ราคาวิ่งหลุดแนวรับลงมาเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่มักใช้กับบริเวณ แนวรับ แนวต้าน เข้าออเดอร์โดยเข้า Sell หรือ Short เมื่อราคาวิ่งหลุดแนวรับลงมาเป็นการ Follow trend ขาลง หรือ เข้า buy หรือ Long เมื่อราคาวิ่งหลุดแนวต้านขึ้นมาเป็นการ Follow trend ขาขึ้น แล้วจึงใช้ เส้น MA หรือ Trend Line ช่วยหาแนวโน้ม

4. วัดความผันผวนของตลาด

Volume Bollinger Band Goo Invest Trade

Bollinger Bands สามารถบอกเราให้ทราบถึงความผันผวนและปริมาณการซื้อขายของตลาดว่า สถานะของตลาดเป็นยังไง มีการซื้อที่มากน้อยเพียงใดโดยจะแสดงออกโดยระยะห่างของเส้น Upper Band และ Lower Band หรืออยู่ในช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายน้อย โดยให้ประเมิณจากระยะหากของเส้น Upper Band และ Lower Band ถ้าหากเส้นมีลักษณะ บีบ ชิดเข้าหากัน เป็นช่วงแคบ นั้นหมายถึงตลาดมีปริมาณซื้อขายน้อย แต่ถ้าเส้นแยกออกห่างออกจากกัน แล้วอยู่ห่างๆ กันยิ่งมากเมื่อไหร่ นั้นหมายถึง ยิ่งมีปริมาณซื้อขายที่มากขึ้นเท่านั้น 

 

กลยุทธ์

  •  หากอยู่ในช่วงที่ Upper Band และ Lower Band บีบตัวเข้าหากกันหรืออยู่ในช่วงที่แคบแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ที่เหมือนกับ Sideway โดยทำกำไรในระยะสั้น
  • หากอยู่ในช่วงที่ Upper Band และ Lower Band ออกห่างจากกัน แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ ที่เล่นตามแนวโน้มจะปลอดภัยกว่า หรือให้เข้าตอนตลาดพักตัวที่เส้น MA ซึ่งหมายถึงเส้นกลาง ของ Bollinger Band ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานในการเล่นกับแนวโน้มตามหลักการ MA
Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

Stochastic Oscillator

Stochastic Oscillator

Stochastic Oscillator เป็น indicator ที่เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาด ที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุน หรือเก็งกำไรในระยะสั้น สามารถจับเคลื่อนไหว หรือการแกว่งตาม momentum ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่เหมาะในช่วงสภาวะตลาดที่มีแนวโน้ม

Stochastic ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane. เมื่อปี 1950 และเป็นหนึ่งใน Indicator ที่ได้รับนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งสามารถใช้งานได้ดีทั้งในตลาด Forex หุ้น รวมถึงสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น ทองคำ น้ำมัน โดยนิยมนำไปใช้ในการหาจุดกลับตัวของและยังสามารถบอกภาวะการซื้อหรือขายที่มากไป Overbought  Oversold

ส่วนประกอบหลักในการใช้งาน

Stochastic Oscillator Goo Invest

Stochastic เป็น อินดิเคเตอร์ ที่เป็น ดัชนี หรือ Index ที่เป็นการชี้วัดการเคลื่อนที่ของตลาดโดยจะมีค่าต่ำสุดคือ 0 และสูงสุด 100 และจะมีเส้น Stochastic ที่เรียกกันว่าเส้น %K และมีเส้นค่าเฉลี่ยอีเส้นเป็นเส้น Signal หรือเส้น %D โดยเส้น %K หรือเส้น Stochastic จะมีสูตรดังนี้

%K = 100*(ราคาปิดวันนี้-ราคาต่ำสุด) / (ราคาสูงสุด-ราคาต่ำสุด)

การใช้งาน Stochastic Oscillator

1. Overbought Oversold

Stochastic Oscillator Overbought Oversold goo invest สัญญาณ Overbought Oversold

Overbought ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Overbought คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการซื้อที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Overbought ของ RSI จะอยู่ที่ 70 – 100 แต่ STO จะอยู่ที่ระดับ 80 – 100 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการซื้อ มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงมาได้สูง 

 

Oversold ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Oversold คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการขายที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Oversold ของ RSI จะอยู่ที่ 0 – 30 แต่ STO จะอยู่ที่ระดับ 0 – 20 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการขาย มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นมาได้สูง

 

2. การ Cross กันของเส้น %K และ %D

Stochastic Oscillator Signal Goo Invest

สัญญาณ Overbought และ Oversold อย่างเดียวอาจจะยังไม่ใช่สัญญาณเข้า ซื้อ ขาย ที่ดีนักอย่างที่ได้เกรินไปตั้งแต่ช่วงแรกว่า Stochastic เป็น Indicator ที่สามารถทำงานได้ดี ในช่วงตลาด  Sideway เพื่อป้องกันไม่ให้เราเข้าซื้อหรือขาย ที่เร็วเกินไปหลังจากเกิดสัญญาณ Overbought Oversold แล้วจึงให้เราเตรียมตัวการพักตัวเท่านั้น และให้การ Cross เป็นสัญญาณเข้าจะดีกว่า

เส้น %D ตัดเส้น %K ลงหลังจากที่ราคาเข้าไปอยู่ใน ZONE Overbought ให้ถือเป็นสัญญาณการขาย

เส้น %D ตัดเส้น %K ขึ้นหลังจากที่ราคาเข้าไปอยู่ใน ZONE Oversold ให้ถือเป็นสัญญาณการซื้อ

3. Stochastic Oscillator Divergence

RSI indicator Relative Strength Index Divergence type Goo Invest

สัญญาณ Divergence คือความขัดแย้งกัน ระหว่างราคากับการเคลื่อนไหวของ Sto โดยปรกติแล้วราคากับดัชนีจะต้องแกว่งไปในทิศทางเดียวกันแต่จะมีความปิดปรกติในช่วงบางเวลาที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างราคาและ Sto ซึ่งจะเรียกความขัดแย้งนี้ว่า Divergence

 

ความขัดแย้ง ในสภาวะขาขึ้นว่า Bearish Divergence

ความขัดแย้ง ในสภาวะขาลงว่า Bullish Divergence

Stochastic Oscillator Bearish Divergence goo invest
Stochastic Oscillator Bullish Divergence goo invest
Share Facebook
Share Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

RSI indicator Relative Strength Index

RSI Indicator

RSI  Relative Strength Index พัฒนาโดย J.Welles Wilder โดยมีการพัฒนามาจาก ค่าความสัมพันธ์สัมพัทธ์เริ่มต้น หรือ RS เป็น Indicator ที่จัดว่าอยู่ในกลุ่ม Oscillator ที่เทรดเดอร์สาย Technical Analysis นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง ประสิทธิภาพของมันเป็นที่ยอมรับในวงการเทรดทั่วโลก โดย RSI จัดอยู่ในหมวด Indicator ประเภท Momentum ที่เป็นดัชนีชี้ความแข็งแรง และการแกว่งของราคา หลายคนจะรู้จัก RSI มีดีเพียงแค่ ในช่วงตลาด Sidewat โดยไว้ใช้สำหรับดู Overbought  Oversold เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยหา Divergence หรือจะใช้วัดการแกว่งของตลาดตอนมี แนวโน้ม ได้อีกด้วย และมันเป็นประโยชน์อย่างมากในการเทรดสำหรับเทรดเดอร์

สูตรการคำนวณ RSI

การคำนวณของ  RSRelative Strength Index คือ การวัดอัตราส่วนของ ” ขาขึ้น ” เปรียบเทียบกับราคา ” ขาลง ” ในช่วงเวลาหนึ่ง ว่า มีการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของราคามากกว่ากันในช่วงเวลาหนึ่ง โดยจะแสดงผลออกมาเป็น ดัชนี Index 0-100 เปรียบเทียบว่า ในช่วงเวลาหนึ่ง ของขาขึ้นกับขาลงว่าแนวโน้มใดแข็งแกร่งกว่ากัน จึงตั้งชื่อว่า “Relative Strength” 

ก่อนที่จะคำนวณสูตร RSI ได้ เราต้องได้ รู้จักค่า RS ก่อน ค่า RS คือค่าความสัมพันธ์สัมพัทธ์ โดยได้มาจากการคำนวณ ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 14 วัน ที่ราคาปิด ซึ่งจะแยกเป็นการนับจากเฉลี่ยย้อนหลัง ของวันที่ขึ้น กับค่าเฉลี่ยของวันที่ลง

 

สูตร RS = ค่าเฉลี่ยวันขึ้น 14วันย้อนหลัง/ค่าเฉลี่ยวันลง 14วันย้อนหลัง

 

ตัวเศษ : ค่าเฉลี่ยย้อนหลังของวันที่ขึ้น (14 วัน ย้อนหลัง มีขึ้นกี่วัน ก็ใช้ค่านั้นมาคำนวณ)
ตัวส่วน : ค่าเฉลี่ยย้อนหลังของวันที่ลง (14 วัน ย้อนหลัง มีลงกี่วัน ก็ใช้ค่านั้นมาคำนวณ)

จากสูตร RS J.Welles Wilder  ได้พัฒนามาเป็น สูตรสำหรับตัวบ่งชี้ RSI ค่า RSI ที่แท้จริง จะอยู่ในรูปของดัชนี Oscillator ซึ่ง RSI Formula ของการแปลงเป็นดัชนี จะมีสูตรดังนี้

สูตร RSI = 100 – (100 /1 + RS)

การใช้งาน RSI Indicator

RSI indicator Relative Strength Index Goo Invest

ก่อนจะได้รู้จักการใช้งาน  RSI  Relative Strength Index เราต้องรู้จักส่วนประกอบต่างๆของมันเสียก่อน และหากท่านยังไม่มีโปรแกรม กราฟ MT4 สามารถ โหลดฟรีที่นี่ ซึ่งที่ได้แนะนำไปจะเป็นส่วนประกอบหลัก ที่นำมาใช้ในการอ่านค่าแก่

  •  เส้น RSI
  • เส้นระดับราคา 30
  • เส้นระดับราคา 70
ซึ่ง 3 ส่วนประกอบนี้ จะเป็นส่วนประกอบหลักที่จะใช้ อ่านสัญญาณที่จะได้เกิดขึ้นดังต่อไปนี้

1. สัญญาณ Overbought และ Oversold

RSI indicator Relative Strength Index Overbought Oversold Goo Invest สัญญาณ Overbought Oversold

Overbought บ่งบอกถึงสภาวะตลาด ที่มีการซื้อมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวลง หรือ เป็นจุดขาย โดยการอ่านสัญญาณ Overbought ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 70 หรือสูงกว่า

Oversold บ่งบอกถึงสภาวะตลาด ที่มีการขายมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวขึ้น หรือ เป็นจุดซื้อ โดยการอ่านสัญญาณ Oversold ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 30 หรือต่ำกว่า

2. สัญญาณ Divergence

RSI indicator Relative Strength Index Divergence type Goo Invest

สัญญาณ Divergence คือความขัดแย้งกัน ระหว่างราคากับการเคลื่อนไหวของค่า RSI เกิดขึ้นทั้งในสภาวะขาขึ้น และ สภาวะขาลง 

 

ความขัดแย้ง ในสภาวะขาขึ้นว่า Bearish Divergence

ความขัดแย้ง ในสภาวะขาลงว่า Bullish Divergence

RSI indicator Relative Strength Index Bearish Divergence Goo Invest

การอ่าน Trend หรือ แนวโน้ม ด้วย RSI Indicator

RSI indicator Relative Strength Index การอ่านแน้วโน้ม Trend Goo Invest

ใช่คุณฟังไม่ผิด แน่นอน หลายคนอาจไม่ทราบ หรือ ว่า RSI Relative Strength Index สามารถช่วยอ่าน แนวโน้มตลาดได้ ไม่ใช่แค่ อินดิเคเตอร์ Trend อย่าง MACD TRENDLINE หรือ MA อาจฟังดูแปลก เพราะหลายคน อาจทราบเพียงว่า RSI ใช้ช่วยหา  Overbought และ Oversold แต่ RSI มันสามารถทำได้ดีกว่านั้น อย่างที่ทราบกันดีว่า RSI นั้นเป็น Indicator ที่มีไว้จับการแกว่าง ของตลาด หรือ Momentum ดังนั้นการที่ Momentum แกว่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มันจึงเกิดเป็นแนวโน้มเกิดขึ้น โดยการอ่านนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน

  • แนวโน้ม ขาขึ้นค่าของ RSI จะไม่ลงต่ำกว่า ค่า RSI 30 และจะแกว่งไปในทิศทาง Overbought อย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณ แนวโน้มขาขึ้น
  • แนวโน้ม ขาลงค่าของ RSI จะไม่ขึ้นสูงกว่า ค่า RSI 70 และจะแกว่งไปในทิศทาง Oversold อย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณ แนวโน้มขาลง
Share Facebook
Share Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ