LOGO Goo Invest
Categories
Gold Analysis การลงทุน ข่าวหุ้น ธุรกิจ

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 25-29 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 25-29 กันยายน 2566

   

/ไม่มีคาดการณ์หรือคาดการณ์ไม่ส่งผลต่อราคา

/คาดการณ์บวกทอง

/คาดการณ์ลบทอง

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 25 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 25 กันยายน 2566

เดิม 85.7 / คาด 85.1

เดิม -44 / คาด -33

เดิม -14.9 / คาด -10.3

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 26 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 26 กันยายน 2566

เดิม -1.2% / คาด 0.2%

เดิม 0.3% / คาด 0.5%

เดิม 106.1 / คาด 105.5

เดิม 714K / คาด 699K

เดิม -7 / คาด -6

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 27 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 27 กันยายน 2566

เดิม -25.5 / คาด -25.8

เดิม -0.4% / คาด -1.1%

เดิม 1.3% / คาด 1.2%

เดิม 0.4% / คาด 0.1%

เดิม -5.2% / คาด -0.5%

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 28 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 28 กันยายน 2566

เดิม 0.3 / คาด 0.3 (+- ทอง)

เดิม 2.6% / คาด 3.5%

เดิม 2.1% / คาด 2.2%

เดิม 201K / คาด 214K

เดิม 2.0% / คาด 2.0% (+- ทอง)

เดิม 0.9% / คาด -1.1%

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 29 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 29 กันยายน 2566

เดิม -0.6% / คาด 0.6%

เดิม -0.8% / คาด 0.5%

เดิม -10.8B / คาด -14.5%

เดิม 0.2 / คาด 0.2 (+- ทอง)

เดิม 3.4% / คาด 3.2%

เดิม 0.3% / คาด -0.4%

เดิม 1.0% / คาด -0.3%

เดิม 18K / คาด 15K

เดิม -0.5% / คาด 0.2

เดิม 49K / คาด 48K

เดิม 1.4B / คาด 1.5B

เดิม 5.3% / คาด 4.8%

เดิม 5.2% / คาด 4.5%

เดิม 0.3% / คาด -0.1%

เดิม 0.2% / คาด 0.2% (+- ทอง)

เดิม -90.9B / คาด -91.2B

เดิม 0.2% / คาด 0.4%

เดิม 0.8% / คาด 0.5%

เดิม -0.2% / คาด -0.1%

เดิม 48.7 / คาด 47.5

เดิม 67.7 / คาด 67.7 (+- ทอง)

Categories
Gold Analysis Technical Analysis

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 25-29 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 25-29 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 29 กันยายน 2566

Pivot-Point-29-กันยายน-2566-gooinvest

 

Pivot Point

29 กันยายน 2566 1867.87

S1 1854.26, S2 1843.92, S3 1830.31

R1 1902.16, R2 1891.82, R3 1902.16

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 29 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันที่ 29 กันยายน 2566

ภาพ Day ยังคงรอเป็นแนวโน้มทิศทางขาลง แนะนำหาจังหวะเข้า Sell แนวต้านบริเวณ 1880 แนวรับถัดไป 1850

ภาพ 4H แนวโน้มยังคงเป็นขาลงรอสัญญาณการยกตัว แนะนำหาจังหวะเข้า Sell ที่บริเวณ 1870-1880 แนวรับถัดไป 1850

ภาพ H1 แนวโน้มยังคงเป็นขาลงที่แข็งแรง แต่เกิดสัญญาณแท่งเทียนกลับตัวในช่วงท้ายก่อนปิดตลาดเมื่อวานอาจเกิดการพักฐานระยะสั้นแนวต้านบริเวณ 1870-1880 หากไม่สามารถกลับตัวขึ้นมาได้ยังคงมองเป้าถัดไปที่ 1850

แนวโน้มของดอลลาร์ ส่งสัญญาณกลับตัวอาจเกิดการพักฐานระยะสั้น แนวรับที่ 104 ติดตามเป้าหมายถัดไปที่ 108

สามารถติดตามวีดีโอการวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Youtube Goo Invest Trade

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 28 กันยายน 2566

Pivot-Point-28-กันยายน-2566-gooinvest

 

Pivot Point

28 กันยายน 2566 1888.28

S1 1872.77, S2 1864.17, S3 1848.66

R1 1896.88, R2 1912.39, R3 1920.99

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 28 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันที่ 28 กันยายน 2566

ภาพ Day ยังคงเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องโดยเคลื่อนตัวตามกรอบ Sideway Down ยังไม่มีการส่งสัญญานกลับตัวใดๆที่ชัดเจน หลังลงทดสอบกรอบแนวรับที่ 1870 ยังคงติดตามมองเป้าหมายถัดไปด้านล่างที่บริเวณ 1850

ภาพ 4H แนวโน้มยังคงเป็นขาลง รอสัญญาณการยกตัว และแนะนำหาจังหวะเข้า Sell ที่บริเวณ 1885

ภาพ H1 ไม่มีการส่งสัญญานกลับตัวขึ้นที่ชัดเจนยังคงเป็นช่วงที่ควรจะหลีกเลี่ยง แนวต้านที่บริเวณ 1885

แนวโน้มของดอลลาร์ ตอนนี้ราคาทดสอบที่ 106.3 แนวรับที่ 104 ติดตามเป้าหมายถัดไปที่ 108

สามารถติดตามวีดีโอการวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Youtube Goo Invest Trade

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 27 กันยายน 2566

Pivot-Point-27-กันยายน-2566-gooinvest

 

Pivot Point

27 กันยายน 2566 1907.03

S1 1895.92, S2 1889.55, S3 1878.44

R1 1913.40, R2 1924.51, R3 1930.88

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 27 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันที่ 27 กันยายน 2566

ภาพ Day ยังคงเคลื่นตัวตามกรอบ Sideway Down ยังคงติดตามมองกรอบเป้าหมายด้านล่างที่บริเวณ 1870 เป็นเป้าหมายแรก ภาพ Day

ภาพ 4H แนวโน้มกลับมาเป็นขาลง แนะนำหาจังหวะเข้า Sell ที่บริเวณ 1915

ภาพ H1 ยังคงเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับ H1 แนะนำหาจังหวะเข้า Sell ที่บริเวณ 1907-1910 ต้านถัดไปที่ 1915

แนวโน้มของดอลลาร์ ดอลลาร์แข็งตัวตอนนี้ราคาทดสอบที่ 105.9 แนวรับที่ 104 แนวต้านที่ 106 ถ้าหลุดแนวต้านขึ้นไป ติดตามเป้าหมายที่ 108 ถ้าหากกลับตัวหลุด 104 ลงมายังมองเป้าหมายแรกที่ 100 เป้าหมายถัดไปที่ 98

สามารถติดตามวีดีโอการวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Youtube Goo Invest Trade

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 26 กันยายน 2566

Pivot-Point-26-กันยายน-2566-gooinvest

 

Pivot Point

26 กันยายน 2566 1919.80

S1 1912.55, S2 1907.77, S3 1900.52

R1 1924.58, R2 1931.83, R3 1936.61

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 26 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันที่ 26 กันยายน 2566

ภาพ Day ยังคงรอการส่งสัญญานการปรับตัวขึ้นมา สำหรับภาพ Day ตอนนี้มองว่าเป็นการพักฐาน ยังคง Sideway Down ถ้าหากยังไม่สามารถเคลื่อนตัวทะลุผ่าน 1950 ขึ้นไปได้ ติดตามมองกรอบเป้าหมายด้านล่างที่บริเวณ 1870

ภาพ 4H แนวรับบริเวณ 1915-1910 แนวต้านบริเวณ 1930 ถ้าหากยังไม่สามารถเคลื่อนตัวทะลุผ่านแนวรับลงมาได้ มองเป้าหมายการส่งสัญญาณการกลับตัวที่บริเวณ 1930

ภาพ H1 ยังคงเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องไม่มีการส่งสัญญานกลับตัวขึ้นที่ชัดเจนยังคงเป็นช่วงที่ควรจะหลีกเลี่ยง สำหรับ H1 แนะนำหาจังหวะเข้า Sell รอสัญญาณการยกตัวกลับขึ้นมาที่บริเวณ 1922-1920

แนวโน้มของดอลลาร์ ยังคงเคลื่อนตัวในรูปแบบ Sideway ไม่มีการส่งสัญญานกลับตัว แนวต้านที่ 106 ถ้าหลุดแนวต้านขึ้นไป ติดตามเป้าหมายที่ 108 แนวรับที่ 104 ถ้าหากกลับตัวหลุด 104 ลงมายังมองเป้าหมายแรกที่ 100 เป้าหมายถัดไปที่ 98

สามารถติดตามวีดีโอการวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Youtube Goo Invest Trade

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 25 กันยายน 2566

Pivot-Point-25-กันยายน-2566-gooinvest

 

Pivot Point

25 กันยายน 2566 1923.47

S1 1917.96, S2 1910.75, S3 1905.24

R1 1930.68, R2 1936.19, R3 1943.40

บทวิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 25 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันที่ 25 กันยายน 2566

ภาพ Day ยังคง Sideway Down ยังไม่มีการส่งสัญญานใดๆที่ชัดเจนการปรับตัวขึ้นมายังคงมองว่าเป็นการพักฐาน ยังติดตามมองจุดเปลี่ยน Trend สำคัญบริเวณ 1950 ถ้าหากสามารถกลับตัวขึ้นไปได้ มีโอกาสที่ Day จะเปลี่ยน Trend เป็นขาขึ้น ถ้าหากยังไม่สามารถเคลื่อนตัวทะลุผ่าน 1950 ขึ้นไปได้ ติดตามมองกรอบเป้าหมายด้านล่างที่บริเวณ 1870-1850

ภาพ 4H ยังคงเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเคลื่อนตัวในรูปแบบ Sideway up ถ้าหากสามารถกลับตัวได้ มองเป้าหมายแนวรับที่บริเวณ 1950-1960 แต่ยังคงมีโอกาศ sideway ในกรอบเล็ก 1930-1910 เพื่อลุ้นให้ Week นี้ปิดโดจิ

ภาพ H1 ยังคงเป็นขาลง แนวรับ 1910 ถ้าหากสามารถเคลื่อนตัวทะลุผ่าน 1930 ขึ้นไปได้ ติดตามมองกรอบเป้าหมายที่บริเวณ 1950-1960

แนวโน้มของดอลลาร์ ยังคงเคลื่อนตัวในรูปแบบ Sideway แนวต้านที่106 แนวรับที่ 104 ถ้าหากกลับตัวหลุด 104 ลงมายังมองเป้าหมายแรกที่ 100 เป้าหมายถัดไปที่ 98

สามารถติดตามวีดีโอการวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Youtube Goo Invest Trade

บทวิเคราะห์ราคาทองคำรายสัปดาห์วันที่ 25-29 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ราคาทองคำรายสัปดาห์วันที่ 25-29 กันยายน 2566

ภาพเดือน ยังมีแนวโน้มการเคลื่อนตัวในรูปแบบ ขาขึ้น มีแนวรับ 1850 แนวต้าน 2080 และเป้าหมายที่ 2300 แต่ยังอยู่ในช่วงย่อตัวตามแนวโน้มจังหวะเข้าควรรอให้ภาพ Week และ Day กลับตัวขึ้นหลัง Sideway Down ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

ภาพ Week ภาพรวมยังมีแนวโน้ม Sideway Down ไม่มีการส่งสัญญานกลับตัวขึ้นที่ชัดเจนการปรับตัวขึ้นมายังคงมองว่าเป็นการพักฐานตามกรอบราคาเท่านั้น ถ้าหากสามารถกลับตัวขึ้นไปได้ ติดตามมองเป้าหมายที่บริเวณ 2150 เป็นเป้าหมายสำหรับ Week

ภาพ Day ยังคงเป็นขาลงอย่างต่อเนื่องโดยเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ Sideway จุดเปลี่ยน Trend บริเวณ 1950 ถ้าหากราคาไม่สามารถเคลื่อนตัวทะลุผ่านแนวรับขึ้นไปได้ ติดตามมองกรอบเป้าหมายด้านล่างที่บริเวณ 1870-1850 แต่ถ้าหากราคาสามารถกลับตัวขึ้นไปได้มองเป้าหมาย ที่บริเวณ 2150

TF 4H ตอนนี้แนวโน้มการเคลื่อนตัวยังเป็นขาขึ้น มีแนวต้าน 1950 แนวรับ 1910

สามารถติดตามวีดีโอการวิเคราะห์ได้ที่ช่อง Youtube Goo Invest Trade                               

Categories
Gold Analysis การลงทุน ข่าวหุ้น ธุรกิจ

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 18-22 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 18-22 กันยายน 2566

   

/ไม่มีคาดการณ์หรือคาดการณ์ไม่ส่งผลต่อราคา

/คาดการณ์บวกทอง

/คาดการณ์ลบทอง

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 18 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 18 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 19 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 19 กันยายน 2566

เดิม 195.9B / คาด 116.5B

เดิม 35.8B / คาด 30.2B

เดิม 5.3% / คาด 5.3% (+- ทอง)

เดิม 5.3% / คาด 5.3% (+- ทอง)

เดิม 1.44M / คาด 1.45M

เดิม 1.45M / คาด 1.44M

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 20 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 20 กันยายน 2566

เดิม -1.1% / คาด 0.1% 

เดิม 6.8% / คาด  7.1%

เดิม 6.9% / คาด  6.8%

เดิม -0.4% / คาด 0.2%

เดิม 0.1% / คาด 0.2%

เดิม 9.0% / คาด 9.3%

เดิม 1.7% / คาด 1.5%

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 21 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 21 กันยายน 2566

เดิม 5.50% / คาด 5.50% (+- ทอง)

เดิม 3.5B / คาด 9.8B

เดิม 8-0-1 / คาด 8-0-1 (+- ทอง)

เดิม 5.25% / คาด 5.50%

เดิม 220K / คาด 222K

เดิม 12.0 / คาด -0.4

เดิม -219B / คาด -220B

เดิม -16 / คาด -17

เดิม 4.07M / คาด 4.10M

เดิม -0.4% / คาด -0.4% (+- ทอง)

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 22 กันยายน 2566

ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจวันที่ 22 กันยายน 2566

เดิม -25 / คาด -26

เดิม -1.2% / คาด 0.5%

เดิม 46.0 / คาด 46.3

เดิม 46.0 / คาด 46.0 (+- ทอง)

เดิม 39.1 / คาด 39.5

เดิม 47.3 / คาด 47.2

เดิม 43.5 / คาด 44.0

เดิม 47.9 / คาด 47.7

เดิม 43.0 / คาด 43.5

เดิม 49.5 / คาด 49.1

เดิม -15 / คาด -18

เดิม 47.9 / คาด 47.9 (+- ทอง)

เดิม 50.5 / คาด 50.8

Categories
ความรู้ทั่วไป

3 อันดับความเก่าแก่ของ indicator

3 อันดับความเก่าแก่ของ indicator

Indicator (อินดิเคเตอร์) คือ เครื่องมือชี้วัด เครื่องมือช่วยวิเคราะห์แนวโน้มสภาพตลาด Up-Trend, Down-Trend, Sideways ด้วยเงื่อนไข, สูตรการคำนวณต่าง ๆ ซึ่งผู้เทรดจะใช้ Indicator ในการช่วยตัดสินใจว่าราคาจะขึ้นหรือลง indicator มีอยู่เป็นจำนวนมาก และแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่หนึ่งอย่างที่นักเทรดต้องสิ่งที่ต้องรู้ไว้ก็คือไม่มี Indicator ใดที่แม่นยำ และแน่นอน 100% เนื่องจาก Indicator เหล่านั้น มาจากการคำนวณตามสูตรคณิตศาสตร์ จึงอาจมีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด บทความนี้เราจึงมาจัดอันดับ indicator ที่เก่าแก่และน่าสนใจมากที่สุด

Moving Average Indicator (MA)

1. Fibonacci Indicator ฟิโบนักชี

Leonardo Pisano Bogollo นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี ผู้แนะนำลำดับฟีโบนักชี กลยุทธ์แบบคณิตศาสตร์ ลำดับของตัวเลข เป็นการตั้งราคาเป้าหมายจากแนวรับและแนวต้าน โดยให้ค่าตัวเลข แบบ Basic โดยตัวเลขเหล่านี้มีวิธีคิด คือ นำตัวเลขตัวหน้า 2 ตัวมาบวกกัน ก็จะได้ตัวเลขปัจจุบันและเพิ่มไปเรื่อยๆ จนเรียกได้ว่ามีค่าเป็นอนันต์ เช่น (0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233 … ) นี้คือการควบคุมด้านเวลา และราคา1วิธีของกลยุทธ์การซื้อขาย Forex เป็นอิดิเคเตอร์ตัวหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถูกคิดค้นเมื่อทศวรรษที่ 13

Fibonacci Indicator ฟิโบนักชี

2. Moving Average Indicator (MA)

Moving Average การหาค่าเฉลี่ยของราคา หรือ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เครื่องมือทางเทคนิคสำหรับการคำนวณค่าเฉลี่ย (Average) ของราคาใน ตลาดหุ้น, ตลาด Forex เป็นการคำนวณค่าเฉลี่ยของราคาหุ้น ซึ่งวิธีนี้เป็น INDICATOR ที่ทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุด โดยใช้ข้อมูลของราคาหุ้นย้อนหลังตามที่ระยะเวลาที่เรากำหนด เช่น ระยะเวลาย้อนหลัง 5 วัน เราจะใช้ราคาหุ้น 5 วันย้อนหลังนับจากวันปัจจุบัน มาคำนวณด้วยสูตรของค่าเฉลี่ย หรือ ถ้าสนใจระยะเวลาย้อนหลัง 10 วัน ก็หมายความว่าเราจะใช้ราคาหุ้น 10 วันย้อนหลังนับจากวันปัจจุบัน มาคำนวณด้วยสูตรค่าเฉลี่ยที่เราสนใจ MOVING AVERAGE มีหลายประเภท ขึ้นกับวิธีการคำนวณค่าเฉลี่ยทุกประเภทจะใช้หลักการเดียวกัน คือ การหาค่าเฉลี่ยของราคา แล้วนำมาวาดเป็นกราฟเส้น แต่ สิ่งที่แตกต่างกันของ Moving Average แต่ละประเภท คือ การให้น้ำหนักของข้อมูลแต่ละตัวที่แตกต่างกันก่อนนำมาคำนวณค่าเฉลี่ย

Moving Average Indicator (MA)

3. Ichimoku Indicator อิชิโมกุ

อิชิโมกุ ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปลายทศวรรษ 1950 โดนนาย Goishi Hosoda เป็นนักข่าวชาวญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญในตลาดการเงิน เขาใช้เวลา 30 ปีในการพัฒนาเทคนิคต่างๆ ก่อนที่จะปล่อยออกมาให้แก่ผู้คนใช้จริง  Ichimoku คือ การวิเคราะห์กราฟราคา ที่มีความหลากหลาย อย่างแนวรับ-แนวต้าน หรือยืนยันทิศทางของราคา ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่ “ญี่ปุ่น” เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค นั่นก็คือ “กราฟแท่งเทียนญี่ปุ่น”เราสามารถเข้าใช้ อิชิโมกุ ได้โดยเข้าไปที่ โปรแกรม MetaTrader 4 หรือโปรแกรม MetaTrader 5 เข้ามาที่แท็บเมนู Insert > Indicators > Trend > Ichimoku Kinko Hyo แล้วกดตกลง (อิชิโมกุ) มีเครื่องมือย่อยอยู่ 5 อย่าง ได้แก่
1. Tenkan Sen (เท็นกัง เซ็น) เส้นสีแดงคือเส้นเฉลี่ยค่าคณิตหรือเส้น SMA โดยมีค่าเท่ากับ 9
2. Kijun Sen (คิจุน เซ็น) เส้นสีน้ำเงินคือเส้นเฉลี่ยค่าคณิตหรือเส้น SMA โดยมีค่าเท่ากับ 26
3. Senkou Span A (เซ็นโคว สแปน เอ) ก้อนเมฆสีชมพูหากก้อนเมฆเป็นสีชมพู หมายความว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง
4. Senkou Span B (เซ็นโคว สแปน บี) ก้อนเมฆสีส้มถ้าหากก้อนเมฆเป็นสีส้ม หมายความว่าราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
5. Chinkou Span (ชินโคว สแปน) เส้นสีเขียวถ้าหากเส้นสีเขียวห่างกราฟราคามาก แนวโน้วนั้นก็จะแข็งแรง หากเส้นสีเขียวติดกราฟราคาหมายความว่าแนวโน้มนั้นไม่แข็งแรงหรือราคาอยู่ในแนวโน้ม Sideway

Ichimoku Indicator อิชิโมกุ

นี้คือ3อันดับ Indicator ที่น่าสนใจที่สุด ในการใช้หลักการ แนวรับ แนวต้าน หรือการประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิคของแต่ละบุคคล ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อนักเทรดทุกท่าน อย่าลืมหา Indicator ที่ตรงกับสไตล์การเทรดของทุกท่านนะครับ และยังมี อินดิเคเตอร์ ที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะ เทรดเดอร์ ที่เทรดแบบ Price Action

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
ความรู้ทั่วไป

10 นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

10 นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

ในยุคที่เศรษฐกิจแบบนี้เชื่อว่าหลายๆ คนอยากที่จะประสบความสำเร็จ ในชีวิต คงเริ่มรู้สึกท้อ เพราะผลกระทบที่ได้รับมาจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ซึ้งแม้ว่าในตอนนี้ การแพร่ระบาด จะน้อยลง แต่ก็ทำให้พฤติกรรม การใช้ชีวิตของหลายๆ คนเปลี่ยนแปลงไป มีคนหลายกลุ่ม และ ธุรกิจบางประเภท ที่กำลังจะเติบโต แล้วต้องหยุดตัวลง ในบทความนี้ เราจึงอยากสร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกท่าน มีแนวคิดใหม่ๆ หรือ หลักการ ที่จะประความสำเร็จ จาก 10 นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

10นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก

คนที่ 1 Benjamin Graham (เบนจามิน แกรม)

Benjamin Graham (เบนจามิน แกรม)

เบนจามิน แกรม หรือ เบน เกรแฮม เกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ.1894 เป็นนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ อาจารย์ ชาวอเมริกันที่เกิดในอังกฤษ เป็นสุดยอดนักลงทุน ระดับตำนานของโลก เรียกได้ว่าเป็น บิดา” ของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ การลงทุนตามมูลค่า ถึงขนาดว่า สุดยอดนักลงทุนอย่าง วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ยังต้องเรียก เบน เกรแฮม ว่าอาจารย์ เบน เกรแฮม เป็นเจ้าของ หนังสือ “The Intelligent Investor ” และ “Security Analysis” ทั้งสองเล่มนี้ นับว่าเป็นที่ยอมรับอย่างสูง ในแวดวงการลงทุน แนวคิดหลักๆ ทางการลงทุน ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ของ เบน เกรแฮม คือ “การวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้วยเหตุผล แทนการใช้อารมณ์ หลีกเลี่ยงการเก็งกำไร”

benjamin Graham

คนที่ 2 Warren Edward Buffett (วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์)

Warren Edward Buffett (วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์)

วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์ หรือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ 1930 ที่เมือง โอมาฮา รัฐเนแบรสกา ประเทศ สหรัฐอเมริกา วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็น CEO ของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ เป็นสุดยอดนักลงทุนระดับโลก ได้รับการยกย่องว่า เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก แนวคิดหลักๆทางการลงทุน ที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เร็ว ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ คือ”กลัวเมื่อคนอื่นกล้า และ กล้าเมื่อคนอื่นกลัว”

Warren Edward Buffett

คนที่ 3 Philip A. Fisher (ฟิลลิป เอ ฟิชเชอร์)

Philip A. Fisher (ฟิลลิป เอ ฟิชเชอร์)

ฟิลิป ฟิชเชอร์ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1907 ที่ซานฟรานซิสโก แคลิฟอร์เนีย ฟิลิป ฟิชเชอร์ เป็นนักลงทุนที่ให้ความสนใจ การลงทุนแบบ ปัจจัยพื้นฐานที่เน้นการเติบโต เน้นการลงทุน ในระยะยาว ระดับตำนาน คนหนึ่งของโลก จนได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งการลงทุน แบบเน้นการเติบโตแนวคิดหลักๆ ทางการลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่ทำประสบความสำเร็จ คือ
“ก่อนจะลงทุนในบริษัทใดบริษัทหนึ่ง จะต้องหาข้อมูลให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้รู้จักและเข้าใจบริษัทนั้นอย่างลึกซึ้ง แล้วจึงค่อยตัดสินใจลงทุน”

Philip A. Fisher (ฟิลลิป เอ ฟิชเชอร์)

คนที่ 4 Jesse Livermore (เจสซี่ ลอริสตัน ลิเวอร์มอร์)

Jesse Livermore (เจสซี่ ลอริสตัน ลิเวอร์มอร์)

เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ เกิดที่เมือง Shrewsbury, Massachusetts เขาคือนักค้าหุ้นระดับตำนาน ที่นักเทรดทุกคนต้องรู้จัก เขาเป็นนักลงทุน แบบเน้นเก็งกำไร ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนได้รับฉายาว่า “Boy Plunger” เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ สนใจการลงทุนการค้าหุ้นตั้งแต่เขายังเด็ก เมื่อตอนเขาอายุ 15 เขาได้ลองเก็งกำไรใน Bucket shop (ตลาดหุ้นเถื่อน) ด้วยเงิน $5 นี้คือจุดเริ่มต้น
เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ มีเรื่องราวที่น่าสนใจหลายเรื่อง เขาเคยทำเงินได้มหาศาล จากตลาดหุ้น และ เจ๊งจนหมดตัว อยู่หลายครั้ง เคยทำกำไรได้ 100 ล้านเหรียญ แต่ก็สุดท้ายเหลือแค่ศูนย์ ในเวลาไม่นาน และ ก็กลับมาได้ในหลายๆ ครั้ง สุดท้ายในปี 1940 (อายุ 63) เขาได้ยิงตัวตายที่โรงแรม The Sherry-Netherland ใน Manhattan สิ่งที่เราจะเรียนรู้ได้จาก เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ คือ “ทุกคนไม่ได้เก่งมาแต่เกิด ทุกคนควรใช้พรแสวงในการศึกษาหาความรู้ ทุ่มเททำการบ้าน วางแผนที่ดี มีวินัย ทำให้เรามีแต้มต่อในการแข่งขัน ลองผิดได้ลองถูกได้ จนกว่าเราจะมีความเชี่ยวชาญในแนวทางที่เราถนัด” เพราะเขาเชื่อว่า.“ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์เรา คือ ความเป็นมนุษย์ในตัวเราเอง”

Jesse Livermore (เจสซี่ ลอริสตัน ลิเวอร์มอร์

คนที่ 5 John Bogle (จอห์น ซี. โบเกิล)จอห์น คลิฟตัน)

John Bogle (จอห์น ซี. โบเกิล)จอห์น คลิฟตัน)

” แจ็ค ” โบเกิล เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ในเมือง Montclair รัฐนิวเจอร์ซีย์ ต้นตำรับกองทุนอิงดัชนี (กองทุนอิงดัชนีเป็นกองทุน ที่ผู้จัดการกองทุนพยายามบริหารผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนี ที่ใช้อ้างอิงให้มากที่สุด) เขาเป็นนักลงทุนระดับโลก ที่ได้เปลี่ยนการลงทุนแบบเชิงรุก มาเป็นการลงทุนเชิงรับ หลักการลงทุน แนวคิดหลักๆทางการลงทุนที่ทำประสบความสำเร็จ มีจุดเด่นคือความ “ง่าย” เขาเน้นให้ลงทุนด้วย “สามัญสำนึก” ทำอะไรที่ง่ายๆ ไม่ต้องแปลกพิสดาร จะได้รับผลตอบแทนที่ดี

John Bogle (จอห์น ซี. โบเกิล)

คนที่ 6 Sir John Marks Templeton (เซอร์จอห์น มาร์ค เทมเปิลตัน)

 Sir John Marks Templeton (เซอร์จอห์น มาร์ค เทมเปิลตัน)

เซอร์จอห์น มาร์ค เทมเปิลตัน หรือ จอห์น เทมเปิลตัน เกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1912 เขาถูกขนานนามว่าเป็น”นักลงทุนที่เก่งที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบ”จอห์น เทมเปิลตัน เป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าซึ่งเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ ของ เบนจามิน เกรเฮม แนวคิดหลักๆ ทางการลงทุน ที่ทำประสบความสำเร็จ ของ เซอร์จอห์น เทมเพิลตัน คือ “วัตถุประสงค์หลักในการลงทุนระยะยาว คือการสร้างผลตอบแทนหลังหักภาษีให้สูงที่สุด”

คนที่ 6 Sir John Marks Templeton (เซอร์จอห์น มาร์ค เทมเปิลตัน)

คนที่ 7 William Hunt "Bill" Gross(วิลเลียม ฮันต์ "บิล" กรอส)

 William Hunt “Bill” Gross(วิลเลียม ฮันต์ “บิล” กรอส)

วิลเลียม ฮันต์ “บิล” กรอส หรือ บิล กรอส เกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1944บิล กรอส นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลก เป็นนักลงทุน และ ผู้จัดการกองทุน ชาวอเมริกันเขาได้รับฉายา ว่า “Bond King หรือ ราชาแห่งพันธบัตร”เพราะ การลงทุนในตลาดพันธบัตรของเขา ทำให้เขามีสินทรัพย์รวมกว่า 49,500 ล้านบาท บิล กรอส ให้ความสำคัญ ในการทำงานเป็นอย่างมาก สมาธิ และ การโฟกัส ในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญ “เขาไม่ใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างการทำงานเพื่อให้ความสำคัญกับสมาธิ”

William Hunt "Bill" Gross(วิลเลียม ฮันต์ "บิล" กรอส

คนที่ 8 Carl Icahn (คาร์ล ไอคาห์น)

Carl Icahn (คาร์ล ไอคาห์น)

คาร์ล ไอคาห์น เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479 ที่ ควีนส์ นครนิวยอร์กคาร์ล ไอคาห์น เป็นนักลงทุน ระดับโลกที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัว จากการเป็นนักลงทุน  เขาประสบความสำเร็จ ติดทำเนียบคนรวยระดับโลก และ เป็นผู้มีวิธีการลงทุน ที่ต่างจากผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง หลักการลงทุน ของ คาร์ล ไอคาห์น ที่ว่าแปลก และ ต่างจากผู้อื่นก็คือ เขาจะเอาตัวเองเป็นศัตรูกับประธานบริษัท หรือ บอร์ดบริหาร โดยเน้นว่าตัวเขาเอง เป็นฝ่ายตัวแทน ของผู้ถือหุ้นรายย่อย และ หั่นกิจการนั้น ออกเป็นชิ้นๆ และ นำไปแยกขาย ด้วยหลักการนี้ ทำให้เขาเข้าซื้อกิจการได้หลายๆกิจการ และ สามารถทำกำไรได้มหาศาล

Carl Icahn (คาร์ล ไอคาห์น)

คนที่ 9 Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินช์)

Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินช์)

ปีเตอร์ ลินช์ เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1944 เป็นผู้จัดการกองทุน บริหารกองทุนที่มีชื่อว่ากองทุนมาเจลลัน เรียกได้ว่าเป็นผู้จัดการกองทุนในตำนาน เพราะในเวลา13ปี เขาสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย ทบต้นถึง 29.2% ต่อปี ปีเตอร์ ลินช์มีหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่ชื่อว่า “Beating the Street” มีกฎของการลงทุนในหุ้น 25 ข้อ ที่เป็นแนวทางให้กับนักเทรดได้เ็นอย่างดี แนวคิดหลักๆ ทางการลงทุน ที่ทำประสบความสำเร็จ ของ ปีเตอร์ ลินช์ ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ ในการลงทุนคือ “การทำงานหนัก”

Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินช์)

คนที่ 10 George Soros (จอร์จ โซรอส)

George Soros (จอร์จ โซรอส)

จอร์จ โซรอส เกิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1930 นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายฮังกา เป็นสุดยอดนักลงทุน ระดับโลกอีกหนึ่งคนที่ได้ฉายาว่า “พ่อมดทางการเงิน” ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Soros Fund Management และสถาบัน Open Society Instituteจอร์จ โซรอสมีชื่อเสียงโด่งดังสุดๆ เมื่อปี 1992 จากการเข้าโจมตีค่าเงินปอนด์ จนธนาคารกลางอังกฤษ “ในครั้งนั้น จอร์จ โซรอส ทำเงินได้มากกว่า กว่าพันล้านดอลลาร์ จอร์จ โซรอส บริจาคเงินไปทั่วโลกแล้วถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เขามักบอกกล่าวเสมอว่า “ผมชอบหาเงินให้ได้เยอะๆ ก็เพื่อคืนกลับไปเป็นสาธารณประโยชน์” หลักการในการลงทุน ที่ทำประสบความสำเร็จ ของ จอร์จ โซรอส เขาเชื่อว่า”ราคาได้เคลื่อนที่ ไปถึงจุดสุดของมัน เขาจะเดิมพันในการ วกกลับมาของราคา”

นี้คือ 10 สุดยอดนักลงทุนระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จ ตามแนวคิด และ หลักการ การลงทุนในแบบของแต่ละบุคคล Goo Invest Trade หวังว่าบทความนี้ จะมีประโยชน์ไปช่วยในการลงทุน ของทุกท่านไม่มากก็น้อย ขอบพระคุณครับ

Categories
ความรู้ทั่วไป

รู้หรือไม่ การซื้อขายทองคำ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ Goo Invest Trade

รู้หรือไม่ การซื้อขายทองคำ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร่ ?

คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า? การซื้อขายทองคำครั้งแรกมีความเป็นมายังไง? และการซื้อขายทองคำบนกระดานราคาทองคำเกิดขึ้นเมื่อไหร่? วันนี้ Goo Invest จะมาเล่าให้คุณฟัง

รู้หรือไม่ การซื้อขายทองคำ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อไหร goo invest trade

ในอดีตการซื้อขายทองคำมีประวัติยาวนาน และเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล ประเทศอียิปต์ เป็นแหล่งผลิตและสร้างงานทองคำ (ประเทศที่ถือทองคำมากที่สุดในโลก)

โดยชาวอียิปต์จะใช้ทองคำในการ ‘แลกเปลี่ยน’ สินค้าและบริการ ซึ่งค่าซื้อขายจะถูกกำหนดโดยจำนวน และคุณภาพของทองคำที่ถูกนำมาแลกเปลี่ยน โดยการแลกเปลี่ยนนั้น จะนำทองคำไปตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วมาเทียบกับสิ่งของ เช่น ถุงดิน อาหาร และอื่น ๆ อีกทั้งทองคำถูกใช้เป็นเครื่องประดับ รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความร่ำรวย
แต่เมื่อเวลาผ่านไป จนกระทั่งประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ อาณาจักรอียิปต์ได้เปลี่ยนทองคำให้เป็น ‘สกุลเงิน’ ที่ถูกยอมรับให้เป็นสำหรับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการใช้เหรียญทองถือเป็นสกุลเงินกลาง และได้มาตรฐานทั่วทุกที่ในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนและในเอเชียกลาง อีกทั้งอาณาจักรโรมันก็ขุดทองคำ มาใช้อย่างแพร่หลาย และออกเหรียญทองในนาม “DUCAT” ซึ่งกลายเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมที่สุดในอาณาจักรโรมัน
.
จากนั้นทองคำก็ถูกใช้ไปทั่วโลก แม้ภายหลังแต่ละประเทศได้ออก ‘สกุลเงินเฟียต’ (Fiat Currency) หรือเงินที่ถูกประกาศให้มีมูลค่าโดยธนาคารกลาง หรือรัฐบาล ซึ่งมักจะอยู่ในรูปของธนบัตรและเหรียญ แต่ในปี 1946 ประเทศสหรัฐอเมริกา ก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ กลายเป็นผู้กำหนด “ระบบการเงินของโลก” ให้ทองคำกลายเป็นทรัพยากรสำรองที่สนับสนุนเฟียต ตามข้อตกลง “Bretton Woods System” หรือ “ระบบเบรตตัน วูดส์”
โดยมีข้อตกลงว่าจะให้ทองคำและสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และให้สกุลเงิน ‘ดอลลาร์สหรัฐ’ ผูกกับทองคำเพียง ‘สกุลเดียว’ ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐต่อทองคำ 1 ออนซ์ จากนั้นให้สกุลเงินของประเทศต่าง ๆ มาผูกกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐด้วยค่าคงที่ สามารถนำสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ มาแลกเปลี่ยนเป็นทองคำได้ ส่งผลให้การค้าภายใต้ระบบเบรตตัน วูดส์ และเศรษฐกิจทั่วโลกมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
.
และในปี 1972 เกิดตลาดซื้อขายอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนมาถึงปัจจุบัน คือ Chicago Mercantile Exchange หรือที่รู้จักกันในนาม (CME) ได้เริ่มต้นจัดทำการซื้อขายล่วงหน้า (Future Trading) 7 สกุลเงิน และในปี 1974 ได้เปิดตลาด Commodity Exchange หรือ COMEX ใน New York สำหรับการซื้อขายสัญญาการซื้อทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) บนกระดานครั้งแรก จากนั้นหลังปี 1980 เป็นต้นไป ก็มีแหล่งซื้อขายเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วโลก จนกระทั่งมีการพัฒนาระบบซื้อขายอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดการซื้อขายบนระบบออนไลน์ในที่สุด

Categories
การลงทุน

gold spot มีดีกว่าที่คุณคิด

gold spot

Gold Spot คืออะไร

Gold Spot มีดีกว่าที่คุณคิด ไม่ขายไม่ขาดทุนทำได้จริง หลายคนที่ซื้อขายทองคำแท่งอยู่แล้วอาจได้ยินคำนี้กันจนชิน แต่รู้หรือไม่ หลักการไม่ขายไม่ขาดทุนก็สามารถใช้กับ Gold Spot ได้เช่นกันเมื่อคุณซื้อขายโดยวางเงินค้ำประกันเท่าเท่ามูลค่าทองจริงที่คุณซื้อ อีกทั้งยังมีข้อได้เปรียบอีกมาดมายกว่าการซื้อทองคำแท่ง

ไม่เสียค่าธรรมเนียมข้ามคืน 

แน่นอนว่าทุกคนที่ซื้อขายทองคำรู้กันดีว่าจะต้องเสียค่าการเก็บรักษาหรือมิฉะนั้นจะต้องรับทองกลับบ้านเพื่อมาเก็บเองแต่เมื่อคุณเทรด Gold Spot กับ Goo Invest เรามีโบรคเกอร์ที่เป็นพันธมิตรกับเราโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าบริการการเก็บรักษาหรือค่าค้างคืนอีกต่อไป

ไม่ต้องถูกบังคับขายหรือให้รับทองกลับไปเก็บรักษาเองและการซื้อขาย Gold Spot นั้นยังไม่มีอายุสัญญาให้ต้องบังคับขายเมื่อหมดอายุอีกด้วย นั่นหมายความว่าคุณจะถือครองไปนานเท่าใดก็ได้

 

คอมมิสชั่นต่ำเพียง 5บาท/บาททอง 

อย่างที่ทราบกันดีว่าการซื้อขายทองคำ Gold Spot นั้นซื้อขายกันเป็น Lot แต่คุณเคยเปรียบเทียบค่าส่วนต่างราคารับซื้อขาย หรือไม่ เมื่อคุณลองคำนวนดูแล้วคุณจะพบว่า ค่าส่วนต่างรับซื้อขายหรือ คอมมิสชั่น ที่เราทราบกันดีนั้นจะตกอยู่ที่ 5บาท/1บาททองเท่านั้น นับว่าเป็นคอมมิสชั่นที่ต่ำมากครับ และ ปริมาณการซื้อขั้นต่ำนั้นเริ่มต้นเพียงแค่ 2บาททองเท่านั้น 

มีเงินหลักร้อยก็เริ่มลงทุนได้ หลายคนอยากลงทุนในหลายๆรูปแบบแน่นอนครับว่าต้องใช้ เงินทุนจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว แต่การลงทุนในรูปแบบ Gold Spot นั้น เริ่มต้นแค่เงินเพียง 300-400 บาทก็สามารถลงทุนได้

 Gold Spot อาจจะเป็นการเริ่มต้นในการลงทุนเพราะแค่มีทุนน้อยก็สามารถที่จะลงทุนได้

หรือเป็นจุดเริ่มต้นเรียนรู้ในรูปแบบของการลงทุนครับ หรือหากคุณเป็นนักเทรดทองคำมืออาชีพอยู่แล้ว การที่คุณได้ต้นทุนค่าคอมมิสชั่นที่ต่ำก็นับว่ามีชัยไปกว่าครึ่งอีกทั้งไม่ต้องกังวลเรื่องของค่าการเก็บรักษาทองอีกด้วย

Categories
การลงทุน

Demand Zone & Supply Zone – แนวรับ แนวต้าน คือ อะไร

แนวรับแนวต้าน

Demand Zone & Supply Zone

เชื่อว่าแทบทุกคนต้องคุ้นหูหรือเคยได้ยินคำว่า “แนวรับ-แนวต้าน”  โดยเฉพาะเมื่อเปิดไปดูข่าว หรือเจอวิเคราะห์เรื่องหุ้นต่าง ๆ ก็จะได้ยินคำสองคำนี้แน่นอน มือใหม่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าแนวรับ-แนวต้านที่นักลงทุนพูดกันหมายถึงอะไร และเทคนิคนี้มีความสำคัญอย่างไรกับการเทรด วันนี้ Goo invest จะมาให้คำตอบครับ

 

แนวรับ (Demand Zone)  คือ ระดับราคาที่มีคนต้องการซื้อมากที่บริเวณนั้น แต่ระดับราคานั้นจะอยู่บริเวณที่ต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างมากเมื่อราคาลงมาที่บริเวณดังกล่าว และหากมีการซื้อเข้ามาที่มากเพียงพอก็จะสามารถหยุดหรือรับราคาที่กำลังลงมาได้ นั่นหมายถึงมีแรงซื้อที่มากกว่าแรงขาย ยิ่งมีการทดสอบหรือพยายามจะลงให้ผ่านแนวรับนี้มากเท่าไหรแต่ไม่สามารถลงไปได้จะยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับฝั่งที่เป็นแรงซื้อมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกันมันกลับทำลายความมั่นใจให้กับกลุ่มที่เป็นฝั่งขายด้วยเช่นกัน

แนวต้าน (Supply Zone)  คือ ระดับราคาที่มีคนต้องการขายมากที่บริเวณนั้น แต่ระดับราคานั้นจะอยู่บริเวณที่สูงกว่าราคาในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการขายเข้ามาอย่างมากเมื่อราคาขึ้นมาที่บริเวณดังกล่าว และหากมีการขายเข้ามาที่มากเพียงพอก็จะสามารถหยุด หรือต้านราคาที่กำลังขึ้นมาได้ นั่นหมายถึงมีแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ ยิ่งมีการทดสอบหรือพยายามจะขึ้นให้ผ่านแนวต้านนี้มากเท่าไหร่แต่ไม่สามารถขึ้นไปได้จะยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับฝั่งที่เป็นแรงขายมาก

 

Demand Zone & Supply Zone

 

ขึ้นเท่านั้น กลับกันมันกลับทำลายความมั่นใจให้กับกลุ่มที่เป็นฝั่งซื้อด้วยเช่นกัน

 

สรุปแล้ว แนวรับ แนวต้าน หากจะให้พูดถึงโดยรวม จะเรียกว่า จิตวิทยาการเทรดกันเลยทีเดียว ค่าทั้งสองค่านี้ต่างมีผลอย่างมากต่อการวางแผน หรือการใช้กลยุทธ์ในการเทรดหุ้น ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเป็นจุดที่จะทำให้นักเทรดหรือนักลงทุน ตัดสินใจซื้อหรือขาย ที่บริเวณกล่าว เกิดการต่อสู้กัน ระหว่าง นักเทรด ที่มีมุมมองต่างกัน กระทำการบางอย่างที่บริเวณนี้ ยิ่งเป็น แนวรับแนวต้านสำคัญในระดับ เดือน หรือ ปี แล้วยิ่งมีจำนวน การซื้อขายมากซึ่งหากเกิดความชัดเจนหลังการต่อสู้กันของ นักลงทุน หรือนักเทรดที่เห็นต่างกันในแต่ละระดับราคา ก็จะยิ่งส่งให้ เกิด ปริมาณการซื้อขายตามมาอีกที่ เช่นการทดสอบแนวต้านแล้วไม่ผ่านก็มักจะมีแรงขายตามมาจำนวนมาก หรือหาก สามารถผ่านแนวต้านไปได้ ราคาก็มักจะวิ่งขึ้นไป ไกล และมีปริมาณซื้อตามเข้ามาในตลาดจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งหากเกิดความชัดเจนหลังการต่อสู้กันของ นักลงทุน หรือนักเทรดที่เห็นต่างกันในแต่ละระดับราคา ก็จะยิ่งส่งให้เกิดปริมาณการซื้อขายตามมาอีกที่ เช่นการทดสอบแนวต้านแล้วไม่ผ่านก็มักจะมีแรงขายตามมาจำนวนมาก หรือหาก สามารถผ่านแนวต้านไปได้ ราคาก็มักจะวิ่งขึ้นไป ไกล และมีปริมาณซื้อตามเข้ามาในตลาดจำนวนมากเช่นกันส่วนนักลงทุนท่านใดสนใจในเรื่องทองคำ วิเคราะห์ทองคำ ซื้อขายทองคำ สามารถเปิดบัญชีได้กับเรา Goo Invest อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนเราให้ทำบทความและคลิปวีดีโอดีๆกันต่อไปครับ

Categories
การลงทุน

IB คือ อะไร ทำไมต้อง Gooinvest

IBคืออะไร

IB คืออะไร

IB คืออะไร

ในโลกของการเทรดทุกวันนี้จะได้ยินศัพท์เฉพาะเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะคำว่า IB เป็นชื่อที่หลายคนคุ้นหูและสงสัยไหมว่าย่อมาจากอะไร ยกตัวอย่างโดย IB ในโลกของ Social Network นั้นอาจจะย่อมาจากคำว่า Inbox คือการรับส่งข้อความนั่นเอง แต่รู้หรือไม่ว่าคำว่า IB ในโลกของการเทรดนั้นความหมายแตกต่างจากโลกของของ Social Network อย่างมาก วันนี้ Goo invest จะมาบอกความหมายของของคำว่า IB ว่าคืออะไรและมีประโยชน์หรือข้อดีข้อเสียยังไง

         ในโลกของการเทรด IB ย่อมาจาก Introducing Broker ที่แปลความหมายตรงตัวเลยคือ ผู้แนะนำโบรกเกอร์ หรือพาร์ทเนอร์ของโบรกเกอร์ โดยหน้าที่หลักของ IB ก็คือ แนะนำและเชิญชวนนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีภายใต้ลิงค์ของตนเอง ซึ่งเป็นการตลาดแบบ Affiliate โดยการตลาดแบบนี้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Amazon ก็จะใช้ระบบการตลาดแบบ Affiliate ด้วยเช่นกัน หรือในรูปแบบบริษัทประกันภัยต่างๆ ที่เรียกตัวเองว่า นายหน้าประกันภัย ก็มีระบบแบบเดียวกัน ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็มีหน้าที่หลักที่คล้ายคลึงกัน

การทำงานของ IB

       IB จะมีรายได้มาจากการซื้อขายของเทรดเดอร์ โดยรายได้ค่าคอมมิชชั่นที่ทาง IB จะได้รับขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละโบรกเกอร์ แต่ IB จะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียของกำไรหรือขาดทุดในการเปิดออเดอร์ของเทรดเดอร์ โดยหน้าที่หลักจริงๆแล้วของ IB คืองานบริการ ข้อมูล ข่าวสาร ให้ลูกค้าที่เข้าร่วมสมัครและอยู่ภายใต้การดูแลของ IB นั้นๆ โดยวิธีที่นิยมทำกันก็คือการที่ IB จัดงานสัมมนา สอนเทรด สอนเทคนิค โดยจะมีโบรกเกอร์คอยให้การสนับสนุนในการจัดหรือประชาสัมพันธ์งาน โดยในมุมของเทรดเดอร์ จะมีต้นทุนเท่าเดิม ไม่ได้มีข้อเสียอะไร แต่ถ้าเทรดเดอร์มี IB ที่ดี ก็จะช่วยให้การเทรดของเราราบรื่นมากยิ่งขึ้น มีคนคอยบริการหรือสนับสนุนโดยที่เราไม่ได้มีค่าเสียบริการใดๆเลย

 ทำไมต้องมี IB

       โดยปัจจุบันเทรดเดอร์ทุกคนก็สามารถเทรดเองได้โดยไม่จำเป็นต้องสมัครผ่าน IB ครับ เพียงแต่ว่าสิ่งที่คุณจะได้รับจากการมี IB หรือการเข้าร่วมกับ IB ก็เสมือนกับเรามีสังกัดที่จะคอยดูแลเราอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ได้สิทธิพิเศษ คอร์สเรียนฟรี ส่วนลดในการซื้อคลาสเรียนหรือการวิเคราะห์แนวโน้ม ซิกแนลต่างๆ ที่ทาง IB มอบให้เรา แถมยังได้รู้จักเพื่อนนักเทรดเพิ่มขึ้นและร่วมแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนนักเทรดในกลุ่ม โดยสิ่งที่คุณจะได้รับจากการมี IB นั้นมีข้อดีเยอะมาก ดังนั้น ถ้าหากเป็นผู้เริ่มเทรดแรก ๆ นักเทรดที่ต้องการคนคอยชี้แนะให้คำปรึกษา ก็สามารถใช้บริการ IB ได้ครับ

มาทำความรู้จักกับเรา Goo Invest

       ทำไมต้อง Goo Invest เพราะเราเป็นทีมการตลาดที่มีทักษะด้านการเทรด มาแล้วกว่าสิบปี และยังมีบนวิเคราะห์ ให้สำหรับลูกค้า ที่หาแนวทางในการเทรด และเรายังมีในส่วนของผู้จัดการส่วนตัว ที่จะคอยแก้ไขพอตให้ท่าน เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนอย่างใกล้ชิด และยังมีข่าวอัพเดทสถาณการณ์ต่างๆที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำในทุกๆ 

และยังมีโปรโมชั่นอีกมากมายที่เรา ที่เราสนับสนุนนักเทรด มาเทรดกับเราที่ gooinvest trade 

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ