Categories
ความรู้ทั่วไป

Passive Income

Passive Income

Passive Income คืออะไร

Passive Income คือ รายได้ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้เวลาและแรงงานมากนักในการสร้างรายได้ เปรียบเสมือนการวางระบบให้เงินทำงานแทนเรา แม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงาน ก็ยังมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ง่ายๆ คือ เงินทำงานให้เราโดยที่เราไม่ต้องไปนั่งทำงานประจำทุกวันนั่นเอง Passive Income เป็นแนวคิดที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว แม้ว่าจะต้องใช้เวลาและความพยายามในช่วงแรก แต่เมื่อระบบทำงานแล้ว ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้เราอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างของ Passive Income
– ค่าเช่า: ซื้ออสังหาริมทรัพย์มาปล่อยเช่า
– ดอกเบี้ย: ฝากเงิน หรือลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผล
– ค่าลิขสิทธิ์: เขียนหนังสือ, ทำเพลง, สร้างแอป แล้วขายลิขสิทธิ์
– รายได้จากเว็บไซต์: สร้างเว็บไซต์แล้วทำเงินจากโฆษณา หรือการขายสินค้าออนไลน์

รู้ไหม Passive Income เริ่มเป็นที่นิยมเมื่อไหร่ ?

แนวคิดของ Passive Income มีมานานแล้ว แต่ความนิยมอย่างแพร่หลายเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก
– เทคโนโลยี: ทำให้การสร้าง Passive Income ง่ายขึ้น เช่น การสร้างเว็บไซต์, การขายสินค้าออนไลน์
– ความต้องการอิสรภาพ: คนรุ่นใหม่ต้องการมีอิสระทางการเงินมากขึ้น
– การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงาน: ทำให้คนหันมาหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม

การสร้าง Passive Income

หากเรามีความรู้ทางการเงินและรู้จักการวางแผนเราสามารถสร้างPassive Incomeให้เท่ากับกับเงินเดือนของเราได้ ในการทำงานช่วงแรกๆเรามีเงินเดือนอยู่ที่30,000บาทต่อเดือนให้เราจำไว้เสมอว่าถ้าเรามีความรู้ด้านการเงินมากพอเราจะสามารถสร้าง Passive Incomeให้เท่ากับกับเงินเดือน30,000บาทของเราได้
โดยมีวิธีการดังนี้ เอาเงินเดือนของเราที่มีแบ่งเป็น2ส่วน คือ
1. เงินเก็บ
2. เงินใช้
นำเงินในส่วนที่แบ่งเก็บไปลงทุนในสินทรัพย์เช่น หุ้น หรือ กองทุนหุ้น ทยอยลงทุนไปทุกๆเดือนเพราะในทุกๆปี สินทรัพย์ เหล่านี้จะมีการเงินปันผลกลับมาให้เราเรื่อยๆซึ่งในช่วงแรกๆเงินปันผลอาจจะยังน้อยแต่ถ้าเราทำแบบนี้ต่อเนื่องไปหลายๆปีเงินปันผลจะเยอะขึ้นเรื่อยๆจนวันหนึ่งเงินปันผลจะมากพอให้เราได้ใช้จ่ายโดยที่เราอาจจะไม่ต้องต้องทำงานเลยก็ได้ ซึ่งวิธีการนี้เราจะเรียกว่า Passive Income
วิธีการอาจจะดูง่ายแต่ในระหว่างทางเราเองก็ต้องมีความรู้ทางการเงินสูงในระดับหนึ่งต้องค่อยศึกษาความรู้ด้านการเงินอยู่เรื่อยๆ

เครื่องมือที่มักใช้ทำ Passive income

เครื่องมือหลักๆ ที่นิยมใช้สร้าง Passive Income ได้แก่:
1. เว็บไซต์และบล็อก
* สร้างเนื้อหาคุณภาพ: เขียนบทความ, รีวิว, หรือสอนสิ่งที่คุณถนัด
สร้างรายได้จาก
โฆษณา Google Adsense, Affiliate Marketing
ขายสินค้า/บริการ: ของคุณเอง หรือของคนอื่น (dropshipping)
สร้างคอร์สออนไลน์: แบ่งปันความรู้ของคุณ
2. ช่อง YouTube
* สร้างวิดีโอ: สอน, รีวิว, บันเทิง
สร้างรายได้จาก:
โฆษณา: Google Adsense
สปอนเซอร์: จากแบรนด์สินค้า
ขายสินค้า/บริการ: ของคุณเอง หรือของคนอื่น
3. อีบุ๊กและคอร์สออนไลน์
* สร้างผลิตภัณฑ์: เขียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์, สร้างคอร์สสอนออนไลน์
* จำหน่าย: ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Udemy, Coursera
4. แอปพลิเคชัน
* พัฒนาแอป: เกม, เครื่องมือ, หรือแอปเพื่อแก้ปัญหา
สร้างรายได้จาก:
ขายแอป: ใน App Store หรือ Google Play Store
โฆษณา: ในแอป
ซื้อในแอป: สินค้าเสริม
5. การลงทุน
* หุ้น: ซื้อหุ้นของบริษัทที่มั่นคง
* กองทุน: ลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ
* อสังหาริมทรัพย์: เช่าอสังหาริมทรัพย์
* คริปโตเคอร์เรนซี: ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
6. สร้างและขายสินค้า
* สินค้าดิจิทัล: ภาพ, เพลง, วิดีโอ, ธีมเว็บไซต์
* สินค้าทางกายภาพ: ผลิตภัณฑ์ทำมือ, เสื้อผ้า
* จำหน่าย: ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Etsy, Amazon

Passive income ยุคดิจิตอล

ในโลกดิจิทัลที่รวดเร็วและทันสมัยในปัจจุบัน รายได้แบบพาสซีฟกลายเป็นคำที่หลายคนสนใจสำหรับผู้ที่มองหาความอิสระทางการเงินและความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล รายได้แบบ Passive income เสนอวิธีการทำเงินโดยใช้ความพยายามต่อเนื่องเพียงเล็กน้อย สิ่งที่น่าดึงดูดใจของรายได้แบบ Passive income คือการสามารถสร้างรายได้ในขณะที่คุณนอนหลับ ท่องเที่ยว หรือทำตามความฝันอื่นๆ ในยุคอินเทอร์เน็ต โอกาสมากมายในการสร้างรายได้แบบ Passive income เช่น หลักสูตรออนไลน์ การตลาดพันธมิตร และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยการกระจายแหล่งรายได้ ผู้คนสามารถบรรลุความมั่นคงและอิสระทางการเงินที่มากขึ้น ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสมและความพยายามในช่วงแรก รายได้แบบ Passive income สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ในการแสวงหาความมั่นคงและการเติบโตทางการเงิน”
ทำไมต้องมี Passive Income?
– ความมั่นคงทางการเงิน: ช่วยให้เรามีรายได้หลายช่องทาง ไม่ต้องพึ่งพารายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว ทำให้ชีวิตมีความมั่นคงมากขึ้น
– อิสระทางเวลา: เมื่อมี Passive Income เราจะมีเวลาว่างมากขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ไม่ต้องผูกติดอยู่กับงานประจำ
– เป้าหมายในระยะยาว: ช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว เช่น การเกษียณอายุอย่างมีความสุข การลงทุนในสิ่งที่เราชอบ หรือการสร้างธุรกิจส่วนตัว
– รับมือกับภาวะเศรษฐกิจ: ในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การมี Passive Income จะช่วยให้เรารอดพ้นจากความเสี่ยงทางการเงินได้มากขึ้น

ทำไมเราจึงต้องมี Passive Income

Passive Income เป็นเหมือนการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับตัวเอง ช่วยให้เรามีอิสระทางการเงินและเวลา สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาทางเพิ่มรายได้ หรือสร้างความมั่นคงในชีวิตระยะยาว การสร้าง Passive Income อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
ทุกคมมีโอกาศสร้าง Passive Income
ทุกคนมีโอกาสสร้าง passive income ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีเงินทุนมากหรือน้อย หรือมีเวลาว่างมากน้อยแค่ไหน สิ่งสำคัญคือการเลือกวิธีสร้าง passive income ที่เหมาะสมกับตัวเองและมีความรู้ความสามารถ
การเริ่มต้นการสร้าง Passive Income
– ลงทุน: หุ้น, กองทุน, อสังหาริมทรัพย์, หรือแม้แต่ crypto
– สร้างสรรค์ผลงาน: เขียน ebook, ทำเพลง, ถ่ายภาพ, ออกแบบ
– ขายของออนไลน์: ผลิตภัณฑ์ handmade, dropshipping
– ให้เช่า: ที่พัก, รถยนต์, เครื่องมือ
– สร้างคอร์สออนไลน์: สอนสิ่งที่คุณถนัด
* ศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุนในอะไรสักอย่าง ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียด เริ่มต้นเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะตั้งแต่แรก สิ่งที่สำคัญ อดทน ผลตอบแทนจาก passive income อาจไม่เห็นผลทันที และ ปรับตัวให้ได้ในทุกสถานการณ์เพราะตลาดเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราเองต้องพร้อมปรับตัว

Categories
การลงทุน ธุรกิจ

ขยายธุรกิจ อย่างไรกำไรตั้งแต่เริ่ม

ขยายธุรกิจ อย่างไรกำไรตั้งแต่เริ่ม

ขยายธุรกิจ ชื่อมันก็ตรงตัวอยู่แล้วว่ามันคือการทำให้ธุรกิจเราเติมโตมากยิ่งขึ้น ซึ่งมันอาจหมายถึงการทำธุรกิจใหม่ด้วย ก็เหมือนการจัด พอร์ตฟอริโอ Portfolio ให้กับธุรกิจของเราเพื่อขยาย Passive Income ให้กับพอร์ตของเรา

 

การขยายธุรกิจ ก็ไม่ต่างจากหลักการของ ดอกเบี้ยทบต้น สักเท่าไหรซึ่งท่านสามารหาอ่านหลักการของมันได้จากลิ้งเลย มันคือ การเอากำไรที่ได้มาสร้างผลกำไรใหม่ ให้เติบโตขึ้นไป หากเข้าใจหลักการของมันดีแล้ว มันจะช่วยให้คุณได้เติมโต แบบก้าวกระโดดได้เลย

ขยายธุรกิจ อย่างไรกำไรตั้งแต่เริ่ม goo invest

ต้องบอกก่อนว่า บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ของ ADMIN ที่ใช้ในการบริหารธุรกิจ หากผิดพลาดอย่างไรต้องขอคำแนะนำจากทุกท่านด้วย อย่างที่ได้เกรินไว้ในตอนต้น ว่าหลักการขยายธุรกิจ มันก็เช่นเดียวกันกับหลักการ ดอกเบี้ยทบต้น มันเป็นการนำ กำไรที่เกิดขึ้นมา พัฒนาต่อยอด เพื่อให้เกิดผลกำไรใหม่ เป็นการสร้างอัตราเร่ง ให้พอร์ตธุรกิจของคุณให้เติบโตได้ไวยิ่งขึ้น ใน บทความนี้ยังไม่ขอพูดถึงความเสี่ยง ในการลงทุนใดๆ ซึ่งมันก็เป็นปัจจัยหนึ่งของ การประเมิณธุรกิจด้วย แต่เพียงอยากให้เข้าใจหลักการ ของการขยายตัวทางธุรกิจ ของคุณเท่านั้น

” ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่หรือมีธุรกิจอยู่แล้วเราเชื่อว่าคุณจะได้อะไรดีๆกลับไปจากบทความนี้แน่นอนเมื่อคุณกำลังมองหาธุรกิจอะไรเพิ่มหรือหาธุรกิจใหม่ให้กับตัวคุณเอง “

หลักการ ขยายธุรกิจ หรือ เริ่มต้นธุรกิจ

  1. มองหาความชำนาญในตัวคุณ ถ้าหากไม่รู้จะต้องเริ่มจากตรงลองใช้ความชำนาญที่คุณมีเช่น
    • ความสามารถด้านดนตรีอาจสามารถเปิดสอนดนตรีได้
    • ความสามารถด้านภาษาสามารถเปิดสอนภาษาได้
    • มีทักษะในการพูดสามารถรับงานวิทยากรได้
  2. หาธุรกิจทรัพยากรที่คุณมี ลองนำสิ่งของที่คุณมีมาประยุกค์ใช้ดู อาจจะเริ่มต้นจากงาน DIY ง่ายๆ สำหรับผู้เริ่มต้นใหม่ แต่สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจอยู่แล้ว สามารถนำผลผลิตที่มีมาต่อยอด แต่ด้วยหลักการนี้จะเป็นการนำของ ที่มีมาเพิ่มมูลค่านั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นคุณอาจจะมีธุรกิจร้านกาแฟ และมีกากกาแฟเหลือใช้จำนวนมากที่ถูกทิ้งไปอาจนำกากกาแฟเหล่านี้มาเพิ่มมูลค่าซึ่งหากคุณได้ลองศึกษาดูกากกาแฟมีการนำมาแปรรูปทำเป็นสินค้าได้หลายหลายซึ่งเป็นการหาทรัพยากรที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าเพิ่มได้ง่ายๆ
  3. ธุรกิจลดต้นทุนจากธุรกิจ ถ้าเข้าใจมันเราบอกเลยว่าจะเป็นการขยายธุรกิจเช่นนี้ กำไรตั้งแต่เริ่ม ธุรกิจแล้ว มันคือ การลดต้นทุนของธุรกิจ ของคุณลงนั่นเอง แต่สิ่งที่มันมากกว่าการลดต้นทุนมันขึ้นการขยายธุรกิจของคุณไปด้วยในตัว แต่การจะเลือกว่าจะเริ่มธุรกิจอะไรที่จะช่วย ลดต้นทุนธุรกิจ ของคุณแล้วยังได้กำไรอีกต่าง หากนั้นต้องรู้จักธุรกิจของคุณเองเป็นอย่างดีเสียก่อน ในการลดต้นทุนอาจเป็นการลดต้นทุนด้านวัตถุดิบ หรือ บริการก็ได้ ผมของลองยกตัวอย่างธุรกิจเดิมคือ ธุรกิจร้านกาแฟ ธุรกิจใหม่ที่เราจะเริ่มต้นขยายธุรกิจของเราออกไปต้องดูว่า สินค้า หรือ บริการ ใดที่ถูกใช้มากที่สุดในธุรกิจของคุณ ในธุรกิจตัวอย่างนี้สิ่งที่ถูกใช้มากที่สุดคือ เมล็ดกาแฟ หากมีการใช้มากพอคุณอาจ ขยายธุรกิจร้านกาแฟของคุณด้วยการ ผลิตเมล็ดกาแฟ เพราะกำไรแรกคือเมล็ดที่คุณใช้ขายในร้านนั้นจะมีต้นทุนที่ต่ำลง และยังได้กำไรจากการขาย เมล็ดกาแฟ ไปด้วยอีกต่อหนึ่ง
  4. ศึกษาแนวโน้มธุรกิจ ค่านิยม อีกอย่างที่คุณไม่ควรละทิ้งมันคือการศึกษาความต้องการของตลาดอยู่เสอ เพราะการทำธรุกิจที่มีความต้องการซื้อมากย่อมช่วยให้คุณคืนทุนได้ไวยิ่งขึ้น แต่การเริ่มต้นธุรกิจที่เป็นแนวโน้มก็ควรวางแผนในอนาคตให้ดีเช่นกันแม้จะได้ทุนคืนไว แต่ก็มีโอกาศที่แนวโน้มธุรกิจจะลดลงในอนคตเช่นกันยิ่งเป็นธุรกิจที่เป็นแนวโน้มระยะสั้น (ธุรกิจกระแส) ด้วยแล้วต้องยิ่งระวังให้มากเพราะหากธุรกิจของคุณไม่มีจุดแข็งมาพออาจเกิดเสียหายได้ในอนาคตเช่นกัน
Share Facebook
Share Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ