LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 15 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 15 ตุลาคม 2564

ONEE ขายหุ้นไอพีโอ 7.50-8.50 บาท ให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก

 

หุ้น ONEE กำหนดราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ช่วงราคาที่ 7.50-8.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งต้องจองซื้อราคา 8.50 บาทต่อหุ้น โดยช่วงราคาที่นำมาใช้ทำการสำรวจความต้องการซื้อหุ้น(Book Building) จากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ คิดเป็นราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E Ratio) ที่ 20.5-23.2 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง(ตั้งแต่ 1 ก.ค.63-30 มิ.ย.64) อย่างไรก็ตามได้เทียบเคียงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์พบว่ามีจำนวน 2 บริษัทที่มีลักษณะประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน ซึ่งมีระดับ P/E อยู่ที่ 32.9-75.1 เท่า

โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย เร็วภายในเวลา 12.00 น.ของวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ผ่านเว็บไซต์ของช่องวัน และเว็บไซต์ของสำนักงานคุณกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกช่วงต้นเดือน พ.ย.64

ซึ่งการจองซื้อหุ้น ONEE สำหรับบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์, ผู้มีอุปการคุณของบริษัท, บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัท และพนักงานบริษัท ช่วงวันที่ 20-21 ต.ค.และวันที่ 25-26 ต.ค.64และสำหรับนักลงทุนสถาบัน และนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ช่วงวันที่ 28-29 ต.ค.64 และวันที่ 1 พ.ย.64

 นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ONEE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) หมวดธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ มีแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 496,252,500 หุ้น ประกอบด้วย

1.หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย ONEE ไม่เกิน 476,250,000 หุ้น

2.หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซีเนริโอ จำกัด ไม่เกิน 20,002,500 หุ้น

รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.84% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 3,722-4,128 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ที่ 17,859.4-20,240.6 ล้านบาท

แยกสัดส่วนการเสนอขายหุ้นทั้งหมดออกเป็น

  • บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ประมาณ 108,500,000 หุ้น สัดส่วน 21.9% 2.นักลงทุนสถาบันและ/หรือนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ(Book Building) ประมาณ 297,752,500 หุ้น สัดส่วน 60%
  • ผู้อุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 36,500,000 หุ้น สัดส่วน 7.4% 4.บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทไม่เกิน 25,000,000 หุ้น สัดส่วน 5% และ 5.พนักงานของบริษัทประมาณไม่เกิน 28,500,000 หุ้น สัดส่วน 5.7%

โดยบริษัทมีแผนที่จะเรียกจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูลค่าหุ้นเพื่อล้างผลขาดทุนสะสมภายหลังขายหุ้นไอพีโอทันที หรือสามารถจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติเรื่องดังกล่าวภายในไตรมาส 4/64 สำหรับราคาหุ้น ONEE ปรับตัวต่ำกว่าราคาจองคงคาดเดายาก เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในอนาคตจะเกิดเกิดเหตุการณ์รุนแรงกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ดังนั้นอยากให้นักลงทุนต้องมองโอกาสการเติบโตของ ONEE ในการสร้างรายได้ในอนาคต และมองที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ทั้งนี้สำหรับรายได้ 6 เดือนแรกปีนี้ 2,782.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.78% เทียบจากช่วงเดี่ยวกันปีก่อนโดยเป้าหมายรายได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี โดยช่องทางโทรทัศน์(TV) จะมีสัดส่วนที่ 40-45% จากเดิม 48% ช่องทางออนไลน์จะมีสัดส่วนที่ 25-28% จากเดิม 21% ช่องทางตลาดต่างประเทศ จะมีสัดส่วนที่ 7-10% จากเดิม 5% และช่องอื่นๆ จะมีสัดส่วนที่ 27% จากเดิม 12-25%

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

 

โลตัสลุยขาย “ใบกระท่อมสด” สนองเทรน หลังปลอดล็อค

“โลตัส”  สนองเทรนใบกระท่อมสด หลังภาครัฐปลดล็อกออกจากบัญชีสารเสพติดประเภท 5 วางเป็น “สินค้าใหม่” บนเชลลฟท์ผักแปรรูป ให้ประชาชนเลือกซื้อได้อย่างสะดวกในราคาที่ย่อมเยา

“โลตัส” ห้างค้าปลีกขนาดใหญี่ที่ครองใจคนไทยในเรื่องของสินค้าที่ถูก ภายใต้การบริหารของบริษัทสยามแม็คโคร ได้นำใบกระท่อมสด มาวางจำหน่ายในบางสาขาแล้ว บนเชลฟท์ผักและผลไม้แปรรูป เป็นแบรนด์ ของ”ทอมส์ ท่อม” (TOM’S TOM) ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายโดย บริษัท บลูเจย์ จำกัด วางจำหน่ายบนเชลฟท์ผักและผลไม้แปรรูป โดยมีป้ายกำกับสินค้าระบุว่าเป็น “สินค้าใหม่” จำหน่ายราคาชิ้นละ 99 บาท จากราคาปกติ 120 บาท/แพ็ก (80 กรัม)

สำหรับใบกระท่อมสด นอกจากปกติจะนิยมนำมาเคี้ยวกินน้ำแล้ว ยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นำไปปั่นผสมกับเครื่องดื่มหรือน้ำปั่น  ต้มน้ำดื่ม รวมถึงการทำเป็นเมนูชุบแป้งทอด ซึ่งเมนูนี้จะได้รับความนิยมมากในประเทศมาเลเซีย โดยรับประทานคู่กับกาแฟหรือชา เนื่องจากพืชกระท่อมเป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากมีสรรพคุณทางยา สามารถลดอาการปวด ทำให้รู้สึกชา กดความรู้สึกเมื่อยล้า และช่วยให้กระปรี้กระเปร่า

ทั้งนี้หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ประกาศ ปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2564ที่ผ่านมา สามารถปลูก ซื้อ ขาย ได้อย่างเสรี รวมถึงมีกระแสการนำใบกระท่อมมาทำเป็นอาหารเริ่มที่หลากหลายเมนู แต่ก็ยังมีข้อกำหนด เช่น ห้ามจำหน่ายให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือสตรีมีครรภ์ ห้ามจำหน่ายในวัด และโรงเรียน เป็นต้น

 

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรเผย "กระท่อม" สร้างรายได้ 12,000 ต่อไร่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เกษตรกรที่สนใจลงทุนปลูกต้นกระท่อมใหม่ คงต้องมีการวางแผนเพื่อตัดสินใจในการปลูกอย่างรอบคอบ เพราะยังขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุปสงค์ในระยะแรก ซึ่งคงต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ร่วมกับเงื่อนไขหลายประการ ที่สำคัญคือ เงินลงทุนในการเริ่มปลูก เงินทุนหมุนเวียนระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิต ระยะเวลาคืนทุน และความเสี่ยงของราคาขายที่จะได้รับ

ซึ่งระยะแรกภาพรวมธุรกิจกระท่อมต้องขึ้นอยู่กับอุปสงค์เป็นสำคัญภายใต้อุปทานที่มีจำกัด จึงถือว่าเป็นช่วงทดสอบตลาดผู้บริโภคว่าจะให้การตอบรับกับสินค้ากระท่อมได้ในระดับใด ซึ่งคงต้องรอดูผลตอบรับไปอีกสักระยะหนึ่ง

โดยผู้มีผลผลิตกระท่อมในมือจะได้รับประโยชน์ผ่านการขายใบกระท่อมสดที่มีราคาค่อนข้างสูงราว 250-350 บาทต่อกิโลกรัม คาดว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2564 (ก.ย.-ธ.ค.) รายได้เกษตรกรอาจอยู่ที่ราว 9,000-12,000 บาทต่อไร่ต่อเดือน ซึ่งเป็นเพียงการประเมินตัวเลขปัจจุบันในเบื้องต้น

ทั้งนี้ระยะข้างหน้าไม่สามารถใช้ตัวเลขดังกล่าวเป็นเครื่องชี้วัดอ้างอิงได้ เพราะรายได้เกษตรกรจะขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบเป็นสำคัญ

 

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ

 

 

 

 

กระแสไม้ด่างฟีเวอร์ ปลุกกระแสบอนสี สร้างรายได้ 20ล้านบาทต่อเดือน

จากกระแสที่กำลังได้รับความนิยมของไม้ด่างจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือบอนสี เพราะ มองว่าเป็นศิลปะ ทำให้ราคาของบอนสีมีราคาที่สูงทำให้ออเดอร์การสั่งดอกไม้ลดลงไปอย่างมาก จึงได้มองหาธุรกิจเสริมที่จะเข้ามาช่วยทดแทนรายได้ที่หายไปจากการจำหน่ายดอกไม้

จังหวัดเชียงใหม่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งผลิตบอนสีที่เพาะพันธุ์ภายในประเทศส่งขายทั่วไทย ล่าสุดมีผู้ประกอบการนำเข้าดอกไม้ ได้ทดลองสั่งบอนสีจากจีนเข้ามาสร้างสีสัน และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่นิยมเลี้ยงบอนสีในประเทศไทย  ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนทำให้ตลาดบอนสีคึกคักเป็นอย่างมาก

               ปัจจุบันกระแสบอนสีกำลังได้รับความนิยมมาก ทำให้ราคาบอนสีในไทยปรับราคาขึ้นตามกระแสความนิยม ลักษณะของบอนสีเหมือนงานศิลปะ มีลวดลายสีสันที่ไม่ซ้ำกัน สีที่กำลังได้รับความนิยม เน้นไปทางสีแดง สีสันสดใสจะจำหน่ายได้ง่าย ส่วนต้นที่มีใบสีขาว จะโตช้า เนื่องจากการสังเคราะห์แสงทำได้ไม่ดีนัก

สำหรับราคาบอนสีถ้าเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่หายาก ราคาสูงถึง 100,000 – 200,000 บาท บางต้นถ้าฟอร์มสวยราคาจะสูงไปมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับพึงพอใจของผู้ซื้อ

ผู้ประกอบการนำเข้าไม้ดอกและไม้ใบ ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ณวิสาร์ มูลทา บอกว่า ก่อนหน้านี้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับไม้ด่าง ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นไปสูง ขณะนี้ก็ยังมีกลุ่มที่สนใจไม้ด่างทำการซื้อขายกันอยู่ และในช่วงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้ออเดอร์การสั่งดอกไม้ลดลงไปอย่างมาก จึงได้มองหาธุรกิจเสริมที่จะเข้ามาช่วยทดแทนรายได้ที่หายไปจากการจำหน่ายดอกไม้  จึงได้วางแผนที่จะนำบอนสีจากจีนและ ฮอล์แลนด์เข้ามา ทำตลาดในประเทศไทย โดยเน้นจำหน่ายแบบยกกล่อง ราคาประมาณ 3,500-5,500 บาท มีประมาณ 20 ต้น ส่งจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อที่ อ.ภูเรือ จ.เลย และ ตลาดไม้ดอกไม้ประดับคลอง 15 อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายไม้ดอก ไม้ใบขนาดใหญ่

นอกจากนั้นยังเปิดขายให้กับรายย่อยที่ต้องการนำไปจำหน่าย หรือนำไปเลี้ยง แบบยกกล่อง ในเพจเฟซบุ๊ก “In Love Caladium” ทั้งนี้ในแต่ละเดือน ได้นำเข้าบอนสีมาประมาณ 10 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท

ทั้งนี้บอนสีมีความนิยมแพร่หลาย ไม่ได้นิยมเฉพาะในประเทศไทย แต่นิยมไปทั่วตลาดในประเทศเอเชีย โดยเฉพาะที่ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ กัมพูชา ซึ่งการนำเข้าบอนสีจะเริ่มหยุดเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และจะเริ่มกลับมานำเข้าได้ให้ในช่วงฤดูฝนของปีหน้า

 

ขอบคุณ เนชั่น

 

 

 

5. ผู้ว่าภูเก็ต เดินหน้ายุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ ทดแทนรายได้ท่องเที่ยว

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตพยายามควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดและฟื้นฟูเศรษฐกิจไปพร้อมกันใช้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นบอร์ดในการจัดการออกมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภูเก็ต ต้องเดินต่อไปข้างหน้ามีเป้าหมายพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2565 ในวิสัยทัศน์ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรมบริการในระดับนานาชาติ และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมุ่งสู่จังหวัดที่พัฒนาแล้วภายในปี 2579

สำหรับการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวในไฮซีซั่นนี้ เมื่อระดับประเทศได้ผ่อนคลายลง มั่นใจว่าจะมีคนเข้ามามากขึ้นกว่าปัจจุบันเครื่องบินมามากขึ้น คนมามากขึ้นในประเทศจะเป็นผลบวกการฟื้นเศรษฐกิจ ในฐานะต้องรับผิดชอบตรงนี้ ต้องเตรียมการอย่างไม่ประมาท สถานการณ์ รอบข้างยังมี

ซึ่งภูเก็ตมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มากขึ้น ไม่แพร่เชื้อ ถ้ารักษาความเชื่อมั่นไปได้ตลอดเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ได้เน้นกลุ่ม 608เป็นวาระจังหวัดบูรณาการดูแลให้มากขึ้น เอาหมู่บ้านชุมชนเป็นตัวตั้งกลุ่มอสม.ที่เข้าถึงต้องเข้าไปดูแลค้นหากลุ่ม608 เป็นจุดแตกหักในระบบสาธารณสุขของภูเก็ต ทางรพ.สต.ต้องยกระดับมาตรฐานดูแลประชาชนมากขึ้นถ้ารพ.สต.ดูแลได้จะดูแลนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

สำหรับสมาร์ทซิตี้ ภูเก็ต มีระบบการฉีดวัคซีนที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับที่อื่นสามารถวางระบบการฉีดได้วันละ 15,000คน นำระบบเทคโนโลยีของกระทรวงดีอีเอสที่เข้ามาทำให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากที่ต่างๆไปยังศูนย์ควบคุมอย่างเป็นระบบมากขึ้น ในด้านเมดิคอลฮับ จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เสนอเป็นเจ้าภาพจัดงานEXPO ในปี 2028 อยู่ในขั้นตอนหารือกับทีเส็บถ้าจัดได้เป็นธีมสุขภาพต้องเตรียมการพอสมควรจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในแบบสุขภาพหรือwellness เชื่อมโยงเรื่องไมซ์ ( Mice )ถ้า จัดงานEXPOได้ มาเพื่อกิจกรรมเสริมรายได้ให้ภูเก็ตต่อไปนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะพูดว่า Work from Phuket และจะส่งเสริมมารีน่าฮับให้เป็นจุดเด่นมากขึ้น นำความมั่งคั่งมาสู่ภูเก็ต เรื่องทูน่าฮับ ภาคการประมงกับธุรกิจกำลังหารือกัน อยากให้มาช่วยกันคิดเราต้องอยู่กับโควิดให้ได้และเดินหน้าต่อไปได้ มีผู้รู้ได้คาดการณ์ว่าประมาณกลางปีหน้าปัญหาโควิดน่าจะเป็นปกติไปแต่กว่าจะถึงในช่วงนั้นเราจะต้องเดินต่อไปข้างหน้าให้ภูเก็ตกลับมาแข็งแรงสดใสยั่งยืน

โดยผ่านภูเก็ตรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวเพียงเสาเดียว เมื่อเสาพังลงมา จึงต้องเพิ่มให้มีหลายเสา หลายประเด็นอยู่ในยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด เศรษฐกิจฐานรากและการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อาทิ ประมงมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สำคัญ ใหัประมงพื้นบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น การทำเกษตรในพื้นที่แคบ ปลูกผักคอนโด ปลูกเห็ดทำแบบฟิวชั่นฟาร์ม พืชเศรษฐกิจ เช่น มะพร้าว ทุเรียน เป็นต้น จะแปรรูปได้มาก ให้หน่วยงานไปคิดวางแผนขึ้นมาภูเก็ตยังมีโรงเรียนนานาชาติ ระดับประถมและมัธยม จะต่อยอดให้คนมาอยู่นานขึ้นเศรษฐกิจขยายตัวได้มากขึ้นและไม่ทอดทิ้งเด็กที่ลำบาก ในเรื่องกีฬาจะทำสปอร์ตทัวริสซึ่ม นำการแข่งขันระดับโลกประเภทวอลเล่ย์บอล รักบี้ มวย เข้ามาจัดที่ภูเก็ตจะทำให้เป็นเมืองการกีฬาที่สำคัญ

รวมถึงเชื่อมั่นว่าถ้าทำอย่างเป็นระบบเราจะทำการตลาดท่องเที่ยวในอนาคตเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญสร้างความมั่นใจว่าวิกฤตที่ตั้งรับจะเป็นเชิงรุกสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวภูเก็ตอยู่ในวิสัยดูแลกันได้จะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ทุกภาคส่วนร่วมกันเชื่อมั่นว่าเราเดินไปได้

ในส่วนการทำหนังสือขอเรื่องเงินเยียวยาประกันสังคม ไปยังส่วนกลาง สภาพัฒน์ กำลังพิจารณา และทางจังหวัดไดัทำหนังสือขอทราบคำตอบตามไปแล้วรวมทั้งทำหนังสือถึงส.ส.ภูเก็ต ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย เพื่อจะได้มีการเยียวยาผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เดือดร้อนกันต่อไป

ทั้งนี้จากข้อมูล ปี 2562 ภูเก็ตมีรายได้การท่องเที่ยว 442,891 ล้านบาท นักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านคน ในปี 2563 เริ่มมีการติดเชื้อในประเทศไทย นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตลดลง เหลือ 4 ล้านคน รายได้การท่องเที่ยว ประมาณ 2แสนล้านบาท ปี 2564 เดือนมกราคมถึงมิถุนายน นักท่องเที่ยว กว่า4แสนคน รายได้ 4,905 ล้านบาท จากนั้นเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน นักท่องเที่ยว จำนวน 70,229 คน แยกเป็นนักท่องเที่ยวแซนด์บอกซ์ 46,423 คน รายได้ 2,147 ล้านบาท ยังไม่ถึงสิ้นปี 2564 มีรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท”

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ