
ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 22 ธันวาคม 2564
หุ้นวันนี้
DITTO (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 18.70 บาท ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้โตต่อเนื่อง 20-30% ในปี 64-65 ไตรมาส4/64 เก็งงบสวยหลังเริ่มรับรู้รายได้จากงานใหม่ของกรมที่ดินและธนาคารกรุงไทย , ลุ้นงาน Document management พ่วง Cyber Security รับการ Transform องค์กรที่จะเป็น Trend หลักของปี 65 Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2021-2022 ที่ 157 ลบ. และ 226 ลบ. +37%YoY, +44%YoY ตามลำดับ
BAM (เมย์แบงก์ฯ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 24.20 บาท คาดกำไรปี 65-66 เติบโตเฉลี่ย 32% ทั้งยอดเก็บเงินสดในระดับ 13-14%YoY ทั้งเป็นผลมาจากการปรับกลยุทธ์การเร่งโอนที่ดีต่อเนื่อง ,แนวโน้มอุปสงค์และสภาพคล่องลูกหนี้ที่ดีขึ้น %ROE คาดฟื้นจากจุดต่ำสุด 5% เป็น 7% ในปีหน้า ขณะที่ปัจจุบันเทรด PE เพียง 21 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มฯ
TKS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” เป้า 22 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/64 โดดเด่นตามส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX ที่สูงขึ้นจาก High Season รวมถึงได้ประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการช้อปดีมีคืนต้นปี 2565 ซึ่งคาดกลุ่มขายสินค้า IT จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นหนุนยอดขายให้ปรับเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน SYNEX ปรับขึ้นแรงและเกือบเต็มมูลค่าเทียบกับราคาเป้าหมาย เรามอง TKS น่าสนใจกว่าจาก Discount ปัจจุบันที่สูงเกือบ 40% และเทรด 2022PER เพียง 13 เท่า
ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ราคาทองวันนี้ ขยับลง 50 บาท
ราคาทองคำวันที่ 22 ธ.ค. 64 ปรับราคาลง 50 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดวานนี้ (21 ธ.ค.) โดยราคาทองรูปพรรณขยับมาอยู่ที่บาทละ 29,100 บาท อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เมื่อเวลา 09.28 น.ที่ผ่านมา
ทองคำแท่งมีราคารับซื้อในประเทศอยู่ที่บาทละ 28,500 บาท ขายออก 28,600 บาท ตามประกาศครั้งล่าสุด ด้านราคาทองรูปพรรณ รับซื้ออยู่ที่บาทละ 27,985.36 บาท ขายออกที่ราคา 29,100 บาท ส่วนราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 1,790.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สรุปราคาทองคำ วันที่ 22 ธ.ค. 64 ประกาศครั้งที่ 1
ทองแท่ง
• รับซื้อ บาทละ 28,500 บาท
• ขายออก บาทละ 28,600 บาท
ทองรูปพรรณ
• รับซื้อ บาทละ 27,985.36 บาท
• ขายออก บาทละ 29,100 บาท
ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท 33.675 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีแนวโน้มผันผวน แต่เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจไม่รุนแรงอย่างที่คิด เพราะถึงจะมีความกังวลการระบาดของโอมิครอนในประเทศแต่ภาพดังกล่าวก็ได้อยู่ในการประเมินเบื้องต้นของทั้ง กนง. และ นักลงทุนต่างชาติพอสมควร โดยเฉพาะในฝั่งนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังไม่ได้เทขายบอนด์ระยะสั้นอย่างรุนแรงสะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติอาจไม่ได้คาดหวังว่า สถานการณ์การระบาดจะเลวร้ายมาก จนเงินบาทอ่อนค่าจากระดับปัจจุบันไปมาก ทั้งนี้ ถ้อยแถลงของ กนง. ในวันนี้ต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ รวมถึงประมาณการเศรษฐกิจใหม่จะมีส่วนที่ช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ หาก กนง. มีมุมมองที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจมากขึ้น
หากเงินบาทอ่อนค่าลง ก็อาจเผชิญแนวต้านสำคัญใกล้ระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์ก่อน แต่ สัญญาณในเชิงเทคนิคัลยังคงสนับสนุนแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในระยะสั้น ทำให้เรามองว่า เงินบาทจะไม่อ่อนค่ารุนแรง หากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้เทขายสินทรัพย์ไทยอย่างหนัก ส่วนแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์
ผู้เล่นในตลาดการเงินเริ่มทยอยเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะฝั่งผู้เล่นที่ต่างรอจังหวะการปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อเพิ่มสถานะถือครอง (Buy on Dip) หนุนให้ราคาหุ้นโดยรวมต่างรีบาวด์ขึ้น
หลังจากที่ย่อตัวลงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคฯ ส่งผลให้ในฝั่งสหรัฐฯ ดัชนี Nasdaq ปิดตลาด +2.40% และดัชนี S&P500 ก็ปรับตัวขึ้น +1.78% เช่นเดียวกันกับฝั่งยุโรป ดัชนี STOXX50 ของยุโรป ก็รีบาวด์ขึ้นราว +1.65% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ และ หุ้นกลุ่ม Cyclical/Reopening theme เช่นกัน ASML +3.6%, Adyen +2.4%, Santander +2.1%
ส่วนทางด้านฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นที่เริ่มกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นและเชื่อว่า เฟดจะเดินหน้าใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพิ่มเติมทำให้บอนด์ยีลด์10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 1.46% ซึ่งในระยะยาว เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ตามแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก
ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักตามการทยอยเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ซึ่งล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ทรงตัวใกล้ระดับ 96.49 จุด อนึ่ง แนวโน้มเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัว sideways แต่บอนด์ยีลด์ 10ปี ปรับตัวสูงขึ้น ก็กดดันให้ ราคาทองคำ ย่อตัวลง ใกล้ระดับ 1,785 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเราคงมองว่า แนวโน้มนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟด รวมถึง ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดจะกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อแรงได้ยาก (อาจพอลุ้นการรีบาวด์ได้บ้าง) และ Upsides ของราคาทองคำเริ่มจำกัด
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอจับตาผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยเรามองว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะหนุนให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50%
กนง. อาจมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจมากขึ้น แต่อาจจะเน้นย้ำว่าการเติบโตเศรษฐกิจคือปัจจัยสำคัญที่มีน้ำหนักต่อนโยบายการเงินมากกว่าเงินเฟ้อ
ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบประมาณ 33.65-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังเปิดตลาดช่วงเช้านี้ (22 ธ.ค.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวันทำการก่อนหน้าที่ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยแม้เงินบาทน่าจะปรับตัวในกรอบแคบๆ ระหว่างรอติดตามสัญญาณและมุมมองเกี่ยวกับนโยบายการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยในช่วงบ่ายวันนี้ แต่อาจมีจังหวะการขยับแข็งค่าเล็กน้อย ตามทิศทางของสกุลเงิน/ตลาดหุ้นในเอเชีย ตามบรรยากาศตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสรรคในการผลักดันมาตรการหนุนเศรษฐกิจวงเงิน 1.75 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ของปธน. โจ ไบเดน (ซึ่งจะเน้นใช้จ่ายด้านสวัสดิการและแก้ไขปัญหาโลกร้อน)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ คาดไว้ที่ 33.55-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยติดตามจะอยู่ที่ผลการประชุมกนง. ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ สถานการณ์โควิด-19 และการรับมือกับสายพันธุ์โอมิครอน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2564 (final) และยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. 64
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
ราคาบิตคอยน์ ขยับขึ้น 4.47%
ราคาบิตคอยน์วันนี้ 22 ธ.ค.64 ขยับขึ้น +4.47% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน โดยมีราคา 48,989.70 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,649,973.10 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 27.12 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อ 6.57 น. ของวันนี้ ราคาเหรียญดิจิทัลคริปโตฯ อื่นๆ Ethereum ขยับขึ้น 2.1% Binance Coin ขยับขึ้น 1.13% และ Dogecoin ดีดขึ้น 9.04% ในช่วง 24 ชั่วโมง
1. Bitcoin (BTC) ราคา 48,989.70 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.47%
2. Ethereum (ETH) ราคา 4,021.61 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.10%
3. Binance Coin (BNB) ราคา 529.19 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.13%
4. Tether (USDT) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%
5. Solana (SOL) ราคา 180.26 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.72%
6. Polkadot (DOT) ราคา 25.21 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.83%
7. Cardano (ADA) ราคา 1.28 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.62%
8. USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.02%
9. Terra (LUNA) ราคา 87.52 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +7.06%
10. Avalanche (AVAX) ราคา 123.54 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +9.04%
หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 560.54
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,492.70 จุด เพิ่มขึ้น 560.54 จุด หรือ +1.60%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,649.23 จุด เพิ่มขึ้น 81.21 จุด หรือ +1.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,341.09 จุด เพิ่มขึ้น 360.14 จุด หรือ +2.40%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กกลับมาคึกคักอีกครั้ง นักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของประธานาธิบดีไบเดน ที่ต่อชาวอเมริกันเมื่อคืนนี้(21 ธ.ค.64)ว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่กลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เหมือนกับที่เคยทำในเดือนมี.ค. 2563 พร้อมกับขอความร่วมมือให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิต
ประธานาธิบดีไบเดนได้อนุมัติการแจกชุดตรวจโควิด-19 แบบ rapid test ฟรีจำนวน 500 ล้านชุดให้แก่ประชาชน เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 และจะจัดส่งบุคลากรทางการแพทย์ของรัฐบาลกลางไปยังโรงพยาบาลที่กำลังเผชิญปัญหาในการรับมือกับผู้ป่วยจำนวนมากในช่วงฤดูหนาวนี้
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(ซีดีซี) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ขณะนี้โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐแล้ว โดยคิดเป็นสัดส่วน 73% ของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดในสหรัฐ ขณะที่สัดส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาลดลงเหลือเพียง 27% เท่านั้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นจากแรงช้อนซื้อ หลังราคาหุ้นร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มเรือสำราญพุ่งขึ้นจากแรงช้อนซื้อเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 3.7%
หุ้นไนกี้ เพิ่มขึ้น 6.2% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบการเงินที่สิ้นสุดในวันที่ 30 พ.ย. 2564 โดยระบุว่าบริษัทมีกำไรต่อหุ้น 83 เซนต์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 78 เซนต์ของช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นแตะ 1.136 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.124 หมื่นล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย.จากเฟดชิคาโก, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2564, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด