LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 29 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 29 ตุลาคม 2564

ค่าเงินบาทเช้านี้ 29 ต.ค.64 ยังคงแข็งค่า สหัฐจับตาปัญหาเงินเฟ้อ

    นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่ากรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.30 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ ซึ่งเราคาดว่าผู้เล่นต่างรอคอยที่จะขายทำกำไร หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านแถว 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้เงินบาทอาจเผชิญความผันผวนได้จากแรงขายทำกำไรหุ้นไทยออกมาบ้าง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการลงทุนในไทยไปก่อน จนกว่าจะมองภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจหลังการทยอยเปิดประเทศในเดือนหน้า ได้อย่างชัดเจนก่อน ทำให้โดยรวมฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติยังมีความผันผวน รวมถึงทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามสภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด และการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร ตามมุมมองของตลาดที่เชื่อว่า ECB อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้ในปีหน้า ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ย่อตัวลงใกล้ระดับ 93.35 จุด

    สำหรับแนวต้านสำคัญของเงินบาทยังอยู่ในโซน 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างรอขายเงินดอลลาร์อยู่ ส่วนผู้นำเข้าบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ เงินบาทยังมีแนวรับสำคัญที่โซน 32.90-33.00 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ตลาดการเงินโดยรวมเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อ จากแรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาดีกว่าคาด โดยเฉพาะในฝั่ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่รายงานผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาดนั้น ได้ช่วยหนุนให้ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นราว +1.0%

     โดยทางสหรัฐจับตา ปัญหาเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจได้ รวมถึงเร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามากน้อยเพียงใด ซึ่งหากเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและสินค้าพลังงาน (Core PCE) พุ่งขึ้นมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ที่ระดับ +0.2% จากเดือนก่อนหน้า ก็อาจทำให้ตลาดยังคงกังวลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและคาดหวังว่า เฟดอาจจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินเข้มงวดได้เร็วกว่าคาด และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว ตลาดจะยังคงจับตารายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเราคงมองว่า งบการเงินโดยรวมที่มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่งจะยังสามารถช่วยหนุนให้ตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงได้

   ทั้งนี้ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า ปัญหาเงินเฟ้อจะส่งผลให้บรรดาธนาคารกลางทั่วโลกต่างทยอยใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้บอนด์ยีลด์ ยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ รวมถึงการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ได้ช่วยให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ซึ่งเราคาดว่า ผู้เล่นในตลาดจะทยอยขายทำกำไรทองคำออกมาบ้าง หากราคาทองคำปรับตัว

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

บิตคอยน์วันนี้ 29 ต.ค.64 ปรับขึ้น 4.05%

    ราคาบิตคอยน์วันนี้ 29 ต.ค.61 ปรับตัวสูงขึ้น +4.05% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีราคา 60,619.60 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,011,964.52 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 45.17 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อ 7:42 น. ที่ผ่านมา โดยเหรียญดิจิทัลอื่นๆ Ethereum ดีดขึ้น 9.52% Binance Coin ดีดขึ้น 9.72% และ Dogecoin ดิ่งลง 15.35% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

–  Bitcoin  ราคาอยู่ที่ 60,619.60 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.05%

–  Ethereum  ราคาอยู่ที่ 4,295.19 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +9.52%

–  Binance Coin ราคาอยู่ที่  492.29 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +9.72%

– . Tether  ราคาอยู่ที่  1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.06%

– Cardano ราคาอยู่ที่  02.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.35%

–  USD Coin  ราคาอยู่ที่  1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.01%

– XRP (XRP) ราคาอยู่ที่  1.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +7.11%

–  Polkadot ราคาอยู่ที่  42.12 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.28%

–  Dogecoin ราคาอยู่ที่  ราคา 0.30 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +30.27%

–  SHIBA INU ราคาอยู่ที่  ราคา 0.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -15.35%

   ทั้งนี้ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

หุ้นไทยน่าห่วง หลายบริษัทต่ำกว่าที่คาด

    29 ต.ค.64 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ 29 ต.ค.64 คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในทิศทางที่อ่อนตัวลง ในช่วงรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/64 ขณะเดียวกันก็ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน และแม้งบฯในต่างประเทศจะออกมาดี แต่ก็คาดว่าจะได้รับแรงกดดันจากบริษัทApple และ บริษัทAmazon ทำให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สปรับตัวลง ส่วนงบของกลุ่ม Real Sector ในตลาดบ้านเราออกมาไม่ดี หลายบริษัทออกมาต่ำกว่าคาด ไม่ว่าจะเป็น DTAC, PTTEP เป็นต้น ซึ่งทำให้ Sentiment ตลาดไม่ดี นักลงทุนจึงระวังการลงทุนมากขึ้น 

   รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นด้วย อันเป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น ทำให้นโยบายการเงินในต่างประเทศอาจจะต้องเข้มข้นขึ้น ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ก็เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบคละกัน โดยจะติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดในสัปดาห์หน้าพร้อมให้แนวรับ 1,620-1,615 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ลุงตู่ แนะ 3 ข้อ พลิกอุตสาหกรรม IMT-GT

    สภาพัฒน์ เผยผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย หรือ 13th IMT-GT Summit ซึ่งฝั่งของประเทศไทยมีผู้ร่วมประชุมประกอบด้วย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 13 ร่วมด้วยรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสของประเทศสมาชิกแผนงาน IMT-GT เข้าร่วมการประชุม โดยของไทยคือ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

    พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าแผนการลงทุนตามแผนปฏิบัติการภายใต้กรอบการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน (SUDF) ของแผนงาน IMT-GT มีความสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG หรือการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวของไทยที่กำลังดำเนินการผลักดันอยู่ และจะต้องเร่งการระดมทุนทั้งจากภายในประเทศและจากแหล่งทุนอื่น ๆ อาทิ กองทุนของอาเซียนและธนาคารพัฒนาเอเชีย ดังเช่นกระทรวงการคลังของไทยที่ได้ออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเพื่อการระดมทุนในโครงการสำคัญ โดยแนะ 3 ประการเพื่อสร้างจุดแข็ง พลิกโฉมอุตสาหกรรมที่เป็นจุดแข็งของ IMT-GT โชว์โมเดล “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 2,330 ล้านบาท พร้อมเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ ประกอบด้วย

  1. เร่งพัฒนาและต่อยอดโครงการเพื่อสนับสนุนการเป็นจุดหมายปลายทางเดียวกันด้านการท่องเที่ยว
  2. มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่าสูงที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด เช่น ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราแปรรูป
  3. พัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานฮาลาลให้มีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก ควบคู่กับการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมฮาลาล ขณะเดียวกันยังเสนอแผนงาน IMT-GT พัฒนาโครงข่ายระบบคมนาคมให้เชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ ปรับปรุงกฎระเบียบให้เกื้อหนุนกัน คำนึงถึงความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และยกระดับศักยภาพแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาอนุภูมิภาค

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ, ประชาชาติธุรกิจ

ธปท.พบโควิด-19 สะท้อนการเงินคนไทย

    นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายบริหารความเสี่ยงองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ปี 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทย   ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจระดับทักษะทางการเงินของคนไทยตามกรอบของ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) เป็นครั้งที่ 8 ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 11,901 ครัวเรือน เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาทักษะทางการเงินของคนไทย และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี พบคนไทยมีทักษะการเงินดีกว่า 2 ปีก่อน อยู่ที่ 71.0% สูงกว่าการสำรวจครั้งก่อนในปี 2561 ที่อยู่ 66.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการสำรวจทักษะทางการเงินครั้งล่าสุดของ OECD ในปี 2563 ที่อยู่ 60.5% แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงและน่าสังเกต คือ จะเห็นว่าครัวเรือนมีความเปราะบางทางการเงินมากขึ้น สะท้อนจากสัดส่วนผู้สำรวจที่มีการบริหารจัดการทางการเงินพอใช้มีเพียง 38% ที่มีเงินสำรองอยู่ได้เกิน 3 เดือน หากต้องหยุดงานกะทันหัน หรือสามารถเอาตัวรอดได้ในภาวะเงินชอร์ต ที่มากกว่า 62% ที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้ สะท้อนสถานะทางการเงินที่ความเปราะบาง ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ที่ลดลงจากแรงกระแทกของโควิด-19 และประชาชนไม่มีกันชนเรื่องเงินออมที่เพียงพอ

    ตลอดจนมีการกู้ยืมเงินจากหลายช่องทางโดยมีการบริหารจัดการไม่ดี ทำให้คนรอดจากภาวะเงินชอร์ตได้น้อย ประกอบกับ ธปท.มีการสำรวจในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 25 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 25 ตุลาคม 2564

เผยราคาบิตคอยน์วันนี้ 25 ต.ค. 64 ปรับลง -2.23%

   ราคาบิตคอยน์วันนี้ 25 ต.ค. 64  ปรับลง -2.23% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน อยู่ที่ 63,239.40 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,106,504.41 บาท  โดยมีมูลค่าซื้อขายรวมกันคือ  43.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อเวลา 7:34 น.

   สำหรับเหรียญดิจิทัลอื่นๆ Ethereum ปรับลง .47% Binance Coin ปรับลง .47% และ Dogecoin ปรับลง .01% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

  • Bitcoin (BTC) ราคา 63,239.40 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.23%
  • Binance Coin (BNB) ราคา 488.42 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.47%
  • Cardano (ADA) ราคา 2.20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.80%
  • Dogecoin (DOGE) ราคา .25 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -1.63%
  • Ethereum (ETH) ราคา 4,142.64 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.47%
  • Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
  • XRP (XRP) ราคา 1.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.50%
  • XRP (XRP) ราคา 1.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.50%
  • USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
  • Polkadot (DOT) ราคา 45.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.62%
  • Terra (LUNA) ราคา 44.14 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +6.30%

   หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขายผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ยังคงแข็งค่า เงินดอร์ล่ามีแนวโน้มแกว่งตัว

   นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า วันนี้ 25 ต.ค. 64ดอลลาร์  และค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ คือ 25-29 ต.ค.64 อยู่ที่ระดับ 33.00-33.45 บาท/ดอลลาร์  โดยค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ตามฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงแรงขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์  เงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมาก โดยเริ่มเห็นผู้นำเข้าทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน โดยแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.00-33.10 บาทต่อ

   ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทยังมีแนวต้านสำคัญอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอเข้ามาทยอยขายดอลลาร์ สำหรับค่าเงินบาทระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่สูง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองที่เชื่อว่า เงินบาทยังสามารถอ่อนค่าแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้อยู่ ทำให้ผู้เล่นกลุ่มนี้ยังคงรอจังหวะเข้ามา Short เงินบาท หากเงินบาทแข็งค่าทะลุระดับดังกล่าว ก็อาจทำให้เห็นโฟลว์ cover short ซึ่งจะยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าได้เร็วในระยะสั้นได้เช่นกัน

   เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways แต่อาจอ่อนค่าลงตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้ ปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเร็วกว่าคาด จะช่วยพยุงให้เงินดอลลาร์ไม่อ่อนค่าไปมาก นอกจากนี้ หาก ECB ยังไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งรีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดก็อาจกดดัน.เงินยูโร (EUR) และช่วยพยุงเงินดอลลาร์ได้

   ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่  25-29 ต.ค.64  ตลาดจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับมาตรการคิวอี และยังคงติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

เผยหุ้นที่ได้รับอนิสงค์จากโครงการรัฐบาลช่วยเหลือประชาชน

   จากกรณีรัฐบาลได้เดินหน้าเปิดโครงการช่วยเหลือประชาชน จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยอนุมัติบประมาณอีก 5.4 หมื่นล้านบาท โดยมาตรการที่ออกมา คาดว่าจะมีหุ้นหลายตัวที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว

   บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที  จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้น TNP เป็นหนึ่งในร้านค้าธงฟ้าได้รับประโยชน์จากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อของรัฐ โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ปรับตัวเพิ่มวงเงินเป็น 500 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ 400 บาทต่อเดือน ในช่วงเดือน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ 4Q64 ให้เติบโต QoQ

   บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า มาตรการต่างๆช่วยเสริมภาพการฟื้นตัวหุ้นกลุ่มค้าปลีกจาก จุดต่ำสุดใน 3Q64 และจะดีขึ้นใน 4Q64 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ซึ่งบางหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปบ้างแล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนปัจจุบันเทียบช่วงวันที่เริ่ม Lockdown 12 ก.ค. 2564 พบว่า หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกประกอบด้วย MAKRO (+32.8%), COM7 (+9.4%), CPALL (+7.9%), CRC (+5.23%) ในกลุ่มดังกล่าว ฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ CPALL ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 70.50 บาท จากแนวโน้มกำไรปี 2565 ฟื้นตัว 65% สูงเป็นลำดับต้นของกลุ่ม เพิ่มขึ้นอีก 18% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นค้าปลีก บางส่วนที่ราคายัง Laggard เช่น HMPRO (+2.2%), BJC (-1.5%), SPVI (-4.8%), DOHOME (-8.8%) มีความน่าสนใจในเรื่องการฟื้นตัวเช่นกัน โดยปัจจัยขับเคลื่อนที่ มีดังนี้

   BJC ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 38.70 บาท และ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 40.50 บาท ระยะสั้นอาจเน้นการเก็งกำไร แม้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) 3Q64 มีแนวโน้มทำได้ดี ประเมินลดลงราว 5%-10%yoy เทียบกับ 1H64 ลดลงราว 18%yoy แต่มีความเสี่ยงหักล้างจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติในบรรจุภัณฑ์แก้ว และอลูมิเนียมในบรรจุภัณฑ์กระป๋อง โดยฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างติดตามความชัดเจนแนวทางการบริหารต้นทุนของ BJC เพื่อประเมิน Downside ทั้งนี้ ถ้าผลกระทบต้นทุนจำกัด แนวโน้มการฟื้นตัวกำไรปี 2565 ของ BJC จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ค่อนข้างเด่นลำดับต้นๆ ของกลุ่มที่ 44%

   DOHOME ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 30.70 บาท หุ้นสะท้อนแนวโน้มกำไร 3Q64 ที่อาจต่ำกว่าที่ตลาด แต่จะฟื้นตัวกลับมาใน 4Q64 หลังยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวเร็วระดับเกิน 30% ในช่วง MTD ต.ค. 2564 และน่าจะได้อานิสงส์ เช่นเดียวกับ HMPRO หากรัฐออกมาตรการช้อปดีมีคืน

   HMPRO ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 16.00 บาท แนวโน้มการฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว ยอดขายสาขาเดิม MTD ต.ค. 2564 กลับมาเติบโตได้ในระดับ 10%yoy ขณะที่การฟื้นตัวต่อเนื่อง 16.4% และ 14.1% ปี 2565-2566 มาจากทุกแรงหนุนทั้งยอดขาย, ธุรกิจพื้นที่เช่าและมาร์จิ้น รวมถึง ระยะถัดไปจะได้ผลบวก หากรัฐพิจารณานำนโยบายช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้ง

   SPVI ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 8.08 บาท และ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 8.80 บาท ยอดขายหลังจาก iPhone 13 เปิดตัวเติบโตชัดเจน ขณะที่การขายสินค้า iPad ในสาขา U Store ยังเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนยอดขาย MTD ต.ค. 2564 ที่สูงกว่าช่วง ต.ค. 2563 ทั้งเดือน และเช่นกันระยะถัดไปจะได้ผลบวกชัดเจนหากรัฐพิจารณานโยบายช้อปดีมีคืนอีกครั้ง

   ทั้งนี้ในขณะที่ภาพรวมแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และการเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ รวมถึงความคาดหวังโครงการใหม่ๆ ที่ยังมีอยู่สูง จะช่วยหนุนให้หุ้นค้าปลีกฟื้นตัวได้ต่อ โดยฝ่ายวิจัยเลือก CPALL และ HMPRO เป็นส่วนหนึ่งของหุ้น Top Pick ในพอร์ตจำลองของฝ่ายวิจัย

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธรกิจ

หุ้นไทยลุ้นแตะ 1,660 จุด

    บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 25-29 ต.ค.64  จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610-1,630 จุด แนวต้าน 1,650 – 1,660 จุด โดยได้รับอานิสงส์หลังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี สอดรับแผนเปิดประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐดีกว่าคาด สร้าง sentiment บวกต่อการลงทุน จากรายงานงบ 3Q64 ภาค real sector ของบริษัทจดทะเบียนใน SET อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนช่วงสั้น รวมทั้งยังมีความกังวลเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท,SPALI ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท, BEM ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท

   บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,630-1,660 จุด ตอบรับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติ ทั้งนี้ ต้องรอติดตามการประชุม ECB และ BOJ, ตัวเลข GDP สหรัฐ และ ยุโรป ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินอาจกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนได้ โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ PTTEP ราคาเป้าหมาย 135.00 บาท,SIRI ราคาเป้าหมาย 1.45 บาท,HMPRO ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท

   บริษัทหลักทรัพย์.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)  มีกรอบที่ 1,625-1,660 จุด มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวมาตรการคนละครึ่งเฟสใหม่ที่จะเติมเงินในเดือน พ.ย.นี้หนุนการบริโภค รวมทั้งการปลดล็อค LTV ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ BDMS ราคาเป้าหมาย 24.60 บาท ,  SPALI ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท

   ทั้งนี้ตลาดอาจถูกกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่เริ่มกลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง และแนวโน้มราคาพลังงานและเงินเฟ้อที่อาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

บิ๊กการเงิน เร่งประสานความร่วมมือ รองรับการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

   นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ไปหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล  คริปโทเคอร์เรนซี่  เงินสกุลดิจิทัลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายกำกับดูแลแล้ว แต่ยังมีหลายฝ่ายตั้งประเด็นสงสัยเกี่ยวกับบทบาทการกำกับดูแล ดังนั้นจึงต้องการให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

   ขณะนี้มีผู้ประกอบการรายหลายมาขอใบอนุญาตทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แล้ว รวมถึงการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี่เป็นไปตามเศรษฐกิจโลก แต่สำหรับประเทศไทย จะเติบโตแค่ไหนอย่างไ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศด้วย ซึ่งไทยไม่ได้ปิดกั้นการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการลงทุน เพราะเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเรื่องใหม่ การกำกับดูแลก็ต้องชัดเจนด้วย แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทยจะเคยคุยกันเรื่องบทบาทหน้าที่การกำกับดูแล้ว แต่กระทรวงการคลัง อยากให้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อกำหนดแนวทางและบทบาทการดูแลผู้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

   ทั้งนี้ได้เร่งให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ผู้ลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินสกุลดิจิทัลด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และเป็นเรื่องจำเป็น เพราะทั่วโลกกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การใช้เงินสกุลดิจิทัล  ซึ่งในขณะเดียวกันการลงทุนด้วยเงินดิจิทัล ก็มีข้อควรระวัง คือ เรื่องการหลอกหลวง เพราะเงินสกุลดิจิทัล จะเห็นเพียงตัวเลข แต่ไม่เห็นเงินจริง ดังนั้นต้องระมัดระวังและเตือนนักลงทุนเพื่อมิให้ถูกหลอกในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ