LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 26 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 26 ตุลาคม 2564

26 ต.ค. ราคาบิตคอยน์ ขยับขึ้น 3.21%

   ราคาบิตคอยน์วันนี้ 26 ต.ค. 2564 ขยับขึ้น +3.21% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ 62,731.20 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,071,854.71 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 31.61 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลอัพเดต เมื่อเวลา 8:12 น. ที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาเหรียญดิจิทัลคริปโตอื่นๆ Ethereum ได้ขยับขึ้น 1.07% Binance Coin ขยับขึ้น 1.03% และ Dogecoin คงที่ในช่วง 24 ชั่วโมง โดยมีราคาดังนี้ คือ

    Bitcoin  ราคา 62,731.20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.21%, Ethereum  ราคา 4,134.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.07%,  Binance Coin ราคา 483.03 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.03%  Cardano  ราคา 2.15 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.49%, Tether  ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01% , Terra  ราคา 43.19 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.26% , XRP ราคา 1.09 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.51%,  Polkadot  ราคา 43.70 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.74%, Dogecoin  ราคา 0.27 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +7.38% USD Coin ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%

   ทั้งนี้ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

รับเสี่ยงกดดันแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่ากดเงินดอลอ่อนลง เช้านี้ 26 ต.ค.2564

   นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรอบเงินบาทวันนี้ 26.ต.ค.2564 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.20 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มค่าเงินบาทยังมีทิศทางการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยปัจจัยหนุนในฝั่งแข็งค่าคือ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดที่จะกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึง โฟลว์ขายทำกำไรทองคำ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

   สำหรับฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์หุ้น จะเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับเงินบาทได้ เพราะ นักลงทุนต่างชาติได้เริ่มขายทำกำไรหุ้นไทยออกมาบ้าง ซึ่งจะกดดันให้เงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่า โดยโฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจมีการซื้อ-ขาย สลับกัน จนกว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจจะมีทิศทางดีขึ้นชัดเจนและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มดีขึ้น จนนักวิเคราะห์มีการปรับเป้าผลกำไร ซึ่งจะช่วยลดระดับ Valuation ของหุ้นไทยให้ถูกลงจนน่าสนใจได้ เนื่องจากปัจจุบัน ระดับ Valuation หุ้นไทยถือว่าแพงพอสมควร

    นอกจากนี้แนวต้านสำคัญของเงินบาทยังอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างรอขายเงินดอลลาร์อยู่ ผู้นำเข้าบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ เงินบาทยังมีแนวรับสำคัญที่โซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ แนวรับเงินบาทที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากผู้เล่นต่างชาติที่ยังคงเก็งกำไรเงินบาทอ่อนค่าและมีเป้าในช่วง 34-35 บาทต่อดอลลาร์นั้น อาจวาง Stoploss ไว้ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดระดับดังกล่าว เราอาจเห็นโฟลว์ cover short positions ที่เก็งกำไรเงินบาทอ่อน กดดันให้เงินบาทแข็งค่าเร็วได้ในระยะสั้น

   สำหรับตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมยังทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนสถานะถือครองเพิ่มเติมมากหนัก เพราะถึงแม้ว่าตลาดจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อ แต่ตลาดยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังแกว่งตัวใกล้ระดับ 93.85 จุด โดยการเคลื่อนไหว sideways ของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ รวมถึง ความต้องการถือทองคำ เพื่อ hedge ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ได้หนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับ 1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อาจเริ่มเห็นโฟลว์ขายทำกำไรทองคำเกิดขึ้นบ้าง และโฟลว์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินบาทผันผวนในฝั่งแข็งค่าขึ้นได้

    ทั้งนี้รอติดตาม ตลอดทั้งวันนี้ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่สหรัฐฯ อาทิ Alphabet หรือ Google, Twitter และ Microsoft ซึ่งผลประกอบการที่ดีกว่าคาดและแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่โดดเด่นจะช่วยหนุนให้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงได้

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

นิยายรุ่ง GLORY ขยายแพลตฟอร์มเล็งตลาดE-Bookต่างชาติ

    บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Mai)  โดยเปิดการซื้อขายที่ราคา 5.30 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 89.29% จากราคาจอง 2.80 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 8.30 บาทต่อหุ้น ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 7.60  บาท เพิ่มขึ้น  4.80 บาท หรือ 171.43% มูลค่าการซื้อขาย 5,989.55 ล้านบาท

    นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รายได้ปี 2564 บริษัทคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปีที่ 19% และในปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 20-40% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการนำเข้าลิขสิทธิ์นิยายต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนจะซื้อลิขสิทธิ์นิยายเพิ่มขึ้นประมาณ 70% ตั้งแต่ปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากปัจจุบันมีลิขสิทธิ์นิยายแปลประมาณ 100 เรื่องขณะที่การเปิดตัวแพลตฟอร์ม Jinovel คาดว่าจะสร้างการเติบโตให้รายได้ราว 20% เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนหุ้นของบริษัท ซึ่งภายหลังจากการเข้าระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้ราว 189 ล้านบาท ไปใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการขยายบริการทั้งในและต่างประเทศ การพัฒนาแพลตฟอร์มนิยาย “จีโนเวล”  เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเพศหญิง และการซื้อลิขสิทธิ์นิยายต่างประเทศ รวมถึงบริษัทยังได้หนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book ที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 14% โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังผู้อ่านเริ่มคุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์ม

   ปัจจุบันบริษัทมีต้นแบบนิยายไทยส่วนหนึ่งที่เตรียมแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้บริการลูกค้าต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายระยะยาวสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะสูงกว่ารายได้ในประเทศ สอดคล้องกับประชากรต่างประเทศที่มีจำนวนมากกว่าประชากรในประเทศสำหรับแผนการขยายแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ บริษัทจะเริ่มขยายแพลตฟอร์มภาษาอังกฤษก่อนในเฟสแรก สำหรับภาษาอื่นๆจะพิจารณาในเฟสถัดไป

    ทั้งนี้บริษัทมองการต่อยอดไปธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจโฆษณา เนื่องจากแพลตฟอร์มปัจจุบันของบริษัท  Kawebook มีจำนวนผู้ใช้บริการค่อนข้างสูง จากฐานสมาชิกมากกว่า 2 แสนราย ง่ายต่อการต่อยอดมากกว่าการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ที่ยังไม่มีจำนวนผู้ใช้บริการที่ชัดเจนรวมถึงการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์ม บริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสใหม่ๆ เช่น การชำระค่าบริการด้วยสกุลเงินดิจิทัลด้วย

 

ขอบคุณ กรุงเทพธุรกิจ

พลิกเกมส์วิกฤตเศรษฐกิจ JWD เติบโตขึ้นในช่วงปีหลัง

    หุ้นบริษัทเจดับเบิ้ลยูดีอินโฟโลจิสติกส์จำกัด(มหาชน) หรือ JWD คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/64 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในสถาการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ที่ส่งผลกับทางด้านธุรกิจการค้าทั่วโลก ส่งผลให้เกือบทั้งไตรมาสการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์รวมถึงกิจการขนส่งทางรางและการขาดแคลนชิปในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งธุรกิจของJWDเติบโตได้ที่ดีจากธุรกิจห้องเย็นซึ่งเข้าสู่ High Season ในช่วงปีหลัง

    หากปริมาณการเป็นไปตามคาดกำไร 9 เดือนแรกของปี 64 อยู่ที่ 323.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50.9 %จากปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 73.3% จากปีก่อนคิดเป็น 74.9% ของปริมาณการทั้งปี คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 4/64 จะทำสถิติสูงสุดจากทั้งธุรกิจเดิมและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากESCO ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังจึงยังคงปริมาณกำไรสุทธิปี 2554 ที่ 502.5 ล้านบาทเติบโตขึ้น 73.3% จากปีก่อนคิดเป็นอัตรากำไร 9.9 และคงประมาณการกำไรปกติ 2565 -2566 ที่ 566.2 ล้านบาทและ 690.8 ล้านบาท เติบโต 33.4% จากปีก่อนและ 22.0% จากปีก่อนตามลำดับ โดยในปี 2565 จัดเก็บเกี่ยวประโยชน์เต็มปีจากบิลที่เกิดขึ้นในปีนี้หลายดิวได้แก่ทุน ESCO  รับรู้รายได้จากALPHA โครงการร่วมทุนกับORI โดยตั้งเป้าปี 2565 อยู่ที่ 23 บาท ราคาหุ้นปัจจุบัน PE ปี 2565 EBITDA สะท้อนความสามารถทำกำไรดีกว่าหุ้นปัจจุบันที่มีEV/EBITDA ปี 2022 เพียง 12.4 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตEBITDAที่คาด เพิ่มขึ้น 15.3% CAGR ในช่วงปี 2564-2566

    ทั้งนี้ในด้านธุรกิจอาหารธุรกิจ Barge หรือ ธุรกิจ Self-storageและธุรกิจขนส่งที่รับรู้รายได้จาก VNS Transportเต็มไตรมาสแรกทำให้ค่ารายได้รวมเพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 35.3%จะปีก่อนเป็น 1,324.7 ล้านบาท โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆคาดว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

ขอบคุณ : ข่าวหุ้น

รพ.รามรามคำแหง หยุดซื้อ หุ้นสินแพทย์เพิ่ม เนื่องจากราคาแพง

บริษัทโรงพยาบาลรามคำแหงจำกัด (มหาชน) หรื อRAM  สละสิทธิ์การซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจาก บริษัท สินแพทย์ จำกัด เนื่องจากราคาหุ้นของโรงพยาบาลสินแพทย์ที่เพิ่มทุนนี้ได้ขายในราคาหุ้นละ 100 บาทเมื่อพิจารณาถึงอัตราส่วนP/E จะเห็นว่าค่อนข้างสูง อยู่ที่ 30.258 เท่า ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในโรงพยาบาลสินแพทย์อยู่ที่ร้อยละ 32.95 ของทุนจดทะเบียนและชำระของบริษัทสินแพทย์จำกัดซึ่งภายหลังสละสิทธิ์บริษัทจะมีส่วนถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 28.40 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของบริษัทสินแพทย์จำกัด 

รวมถึงขณะนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจึงจะต้องใช้ทุนจำนวนมากทางบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในขณะนี้ค่อนข้างจำกัด

ขอบคุณ ข่าวหุ้น

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 20 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 20 ตุลาคม 2564

กสิกร ระงับโฆษณาขายประกันภัย “โดนแฮกเงิน”

จากกรณีธนาคารกสิกรไทย มีการเผยแพร่กระจายภาพโฆษณาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ที่มีข้อความว่า “โดนแฮกเงินหาย”  ทางธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาขออภัยลูกค้าและประชาชน โดย หยุดขายประกัน “ช้อปออนไลน์” ย้ำไม่ได้มีเจตนาในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ ในช่วงสถานการณ์ที่สังคมมีกระแสวิตก

โดยทางธนาคารมีการจัดทำโฆษณาเพื่อสื่อสารทางการตลาดที่สอดคล้องกับประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของลูกค้า 7 รูปแบบ ซึ่งข้อเสนอตามภาพเป็นการนำเสนอให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ประมาณ 12,000 คนผ่าน K PLUS เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ก่อนจะเกิดกระแสข่าวการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของประชาชนจำนวนมาก ตามที่สื่อต่าง ๆ ได้มีการนำเสนอในช่วงนี้โดยทันที

หลังจากที่ทราบประเด็นความเดือดร้อนดังกล่าว ธนาคารจึงได้ระงับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ด้วยรูปแบบข้างต้นในทุกช่องทาง ประกันดังกล่าวธนาคารเป็นผู้เสนอขาย โดยจะให้ความคุ้มครองความเสียหาย 3 รูปแบบ ได้แก่

  1. คุ้มครองผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ กรณีผู้ขายไม่ส่งสินค้าภายใน 7 วันนับจากวันที่แจ้งว่าจะจัดส่ง, ผู้ซื้อได้รับสินค้าไม่ครบตามรายการสั่งซื้อ, สินค้าได้รับความเสียหายทางกายภาพ, สินค้าไม่เป็นไปตามที่โฆษณาประชาสัมพันธ์
  2. คุ้มครองผู้ขายจากการถูกหลอกลวงให้ส่งสินค้า และไม่ได้รับเงินภายใน 7 วัน นับจากวันที่แจ้งว่าจะจัดส่ง
  3. คุ้มครองเงินส่วนตัวที่หายจากบัตร บัญชี หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ จากการถูกโจรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยวิธีการใช้บัตรชำระเงิน , การเข้าสู่บัญชีธนาคาร , การเข้าสู่ e – Wallet ของผู้เอาประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีที่ไม่สามารถเรียกคืนได้จากผู้ออกบัตร หรือผู้ให้บริการบัญชี / กระเป๋าเงินออนไลน์

ทั้งนี้ ขอยืนยัน ว่าธนาคารไม่ได้มีเจตนาในการเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการรูปแบบนี้ ในช่วงสถานการณ์ที่สังคมมีกระแสวิตกเช่นนี้แต่อย่างใด ขออภัยลูกค้าและประชาชนอย่างสูง ที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ขอบคุณ : เว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย

ธปท.และสมาคมธนาคารไทย ชี้แจงความคืบหน้า กรณีประชาชนถูกดูดเงินจากบัญชี

จากกรณีที่ประชาชนถูกตัดเงินจำนวนมากจากบัญชีธนาคาร ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก  ธนาคารแห่งประเทศไทย  และ สมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาชี้แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่ามิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคาร โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ ที่ไม่มีการใช้ One Time Password (OTP)

 

พบว่าตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติจากเหตุข้างต้นจำนวน 10,700 ใบ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นรายการใช้จากบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่มีจำนวนเงินต่อรายการต่ำ เช่น 1 ดอลลาร์ สรอ. และมีการใช้เป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง ทั้งนี้ ธนาคารมีระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดเพดานและเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าแตกต่างกันไป  นอกจากนี้ ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา ดังนี้

  1. ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
  2. เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS
  3. กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย3ธปท. แล
  4. สมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์

สำหรับกรณีที่ลูกค้าพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

สำหรับประชาชนทั่วไป ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือไม่มี OTP สำหรับบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ย้ำว่า ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารมีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป ธปท. และสถาบันการเงินจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการและประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อรายการผิดปกติ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว

 

ขอบคุณ : ธนาคารแห่งประเทศไทย

นายกสั่งตรึงราคาน้ำมันให้ได้ 30 บาท ย้ำ สถานการณ์ปัจจุบันยังติดลบ

20 ต.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า เห็นใจผู้ประกอบการขนส่งทุกคน ปัจจุบันเรามีน้ำมันอยู่หลายประเภท เช่น บี7 บี 10 บี 20 ราคา เป็นราคาที่ต่างกัน เพราะมีส่วนผสมที่แตกต่าง หากเราใช้เงินไปอุดหนุนราคาน้ำมันประเภทใดประเภทหนึ่งมากไป ก็จะทำให้น้ำมันอีกส่วนสูงขึ้นต้องดูตรงนี้ด้วย สำหรับราคาน้ำมันดีเซลพยายามตรึงให้ได้ 30 บาทต่อลิตรก่อน

ที่สำคัญต้องเข้าใจสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ยังมีความขัดแย้งในหลายส่วน หลายกลุ่มด้วยกัน สถานการณ์น้ำมันยังคงเป็นอย่างนี้อีกระยะ ซึ่งปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาน้ำมันพุ่งสูงว่า รัฐบาลเข้าใจถึงความเดือดร้อน ของสมาคมขนส่งหรือสมาคมรถบรรทุก รัฐบาลได้พยายามดูแลอย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาทุกรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการในเรื่องนี้มาตลอด โดยการเอากองทุนน้ำมันออกไปช่วย  ทั้งที่ความจริงแล้วราคาน้ำมันสูงมากกว่านี้ โดยตรึงให้ได้ลิตรละ 30 บาท ราคานี้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเดือนละประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันยังติดลบอยู่ก็ต้องมาพิจารณาว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ขอบคุณ:  ฐานเศรษฐกิจ

นับถอยหลัง 1 พ.ย. WHA ชี้แนวโน้มธุรกิจส่งสัญญาณเป็นบวก

มูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 50,440.47 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 17,066.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 58,961.30 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 92,334.85 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 9,498.40 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 4,339.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 17,744.04 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 12,585.10 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 18 ต.ค.64 พบว่า สถาบันกองทุนในประเทศ  มียอดขายสุทธิ 1,719.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 76.54 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,773.87 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 2,130.49 ล้านบาท

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

ชี้ประเทศกำลังพัฒนาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด AD เพิ่มขึ้น

นายรณรงค์   พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  กล่าวว่า  ผู้ประกอบการไทยควรปรับตัวในเชิงรุกเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากการถูกประเทศคู่ค้าเก็บอากร Antidumping:  หรือ  AD ซึ่งจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้น และส่งผลต่อการส่งออกของไทยไปยังประเทศนั้น ๆ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการผลิตและการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 

เนื่องจากปัจจุบันพบว่าประเทศกำลังพัฒนาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด AD เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการใช้มาตรการระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันถึงเกือบร้อยละ 80 จากสถิติการไต่สวนการทุ่มตลาด และการใช้มาตรการ AD ของสมาชิกองค์การการค้าโลก หรือ WTO ช่วงระหว่างปี 2538 – 2563 พบว่า การเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากปี 2561 โดยในปี 2563 มีการไต่สวน 349 ครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า เมื่อเทียบกับปี 2538 และคาดว่าการใช้มาตรการ AD ของสมาชิก WTO หลังจากปี 2563 จะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามจำนวนการไต่สวนที่เพิ่มขึ้น

โดยไทย อยู่อันดับที่ 6 ของโลก โดย ถูกไต่สวน 250 ครั้ง และถูกใช้มาตรการ AD 167 ครั้ง  ส่วนอินเดียเป็นประเทศที่ใช้มาตรการ AD มากที่สุดใน WTO 718 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 17.64 ตามด้วย สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป นอกจากนี้ อินเดียยังเป็นประเทศที่ใช้มาตรการ AD กับไทยมากที่สุด (จำนวน 39 ครั้ง) รองลงมา ได้แก่  สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย จีนเป็นประเทศที่ถูกไต่สวนและถูกใช้มาตรการ AD มากที่สุดใน WTO ถูกไต่สวน 1,478 ครั้ง และถูกใช้มาตรการ AD 1,069 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 23.5 และ 26.26 ตามลำดับ รองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ และไต้หวัน

ทั้งนี้สินค้าที่สมาชิก WTO เปิดไต่สวน และใช้มาตรการ AD มากที่สุด ได้แก่ เหล็ก เคมีภัณฑ์ เรซิน พลาสติก และยาง ในทำนองเดียวกัน เรซิน พลาสติก และยาง ก็เป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยถูกไต่สวน และถูกใช้มาตรการ AD มากที่สุด อย่างไรก็ตามในส่วนของไทย มีการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดแล้วรวม 97 ครั้ง อยู่อันดับที่ 17 ของ WTO และอันดับที่ 3 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย  และไทยใช้มาตรการ AD แล้ว 60 ครั้ง อยู่อันดับที่ 18 ของ WTO และอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยประเทศที่ถูกไทยไต่สวนการทุ่มตลาด และใช้มาตรการ AD สูงสุด ได้แก่ จีน เกาหลีใต้และไต้หวัน

 

ขอบคุณ : โพสต์ทูเดย์

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 19 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 19 ตุลาคม 2564

ม็อบรถ10ล้อ กดดันรัฐบาลหลังได้รับผลกระทบราคาน้ำมันพุ่ง

วันนี้ 19 ต.ค. 64 ตั้งแต่ เวลา 10.00 – 16.00 น.  ม็อบคาราวานสิบล้อนัดเคลื่อนพลกันครั้งใหญ่โดยวิ่งไปในเส้นทางสายหลัก เหนือ ใต้ อีสาน ตะวันออกและตัววันตก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทต่อลิตร ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน เป็นระยะเวลา 1 ปี เพราะเกิดวิกฤติน้ำมันดีเชล ได้ปรับราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง​ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอัตราค่าขนส่ง​ ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภค​ และ​บริโภค​ขึ้นตามราคาน้ำมันไปด้วย​ ภาคการขนส่ง​ และประชาชนได้รับความเดือดร้อน

 

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของพลังของคนรถบรรทุก เป็นการเรียกร้องให้ภาครัฐได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนและอาชีพขนส่งที่บริโภคน้ำมัน ประเด็นราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งซ้ำเติมประชาชน และผู้ประกอบการภาคขนส่งช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งในปัจจุบันมีรถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ประมาณ 1.4 ล้านคัน  ทำให้ขณะนี้รถบรรทุกมีการขนส่งแค่ 30-40% เท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทสินค้าอุปโภค-บริโภค ปิโตรเลียม น้ำมัน ส่วนสินค้าประเภทภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมมีการหยุดชะงัก เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และประสบปัญหาอุทกภัยในขณะนี้

 

โดยไม่เห็นด้วยกับมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานของกระทรวงพลังงาน ซึ่งข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันดีเซลที่มีราคาสูงตามหนังสือของสหพันธ์ ที่ได้เรียกร้องไปก่อนหน้านี้

 1.ให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับสูตรใหม่ชนิด บี 6 ในราคา 25 บาท/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี เริ่ม 11 ต.ค.เป็นต้นไป

 2.ลดภาษีสรรพสามิตลง ลิตรละ 5 บาท/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี หรือนำเงินกองทุนพลังงานมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ระดับ 25 บาท/ลิตร

 3.กำหนดผลิตภัณฑ์หรือชนิดน้ำมันดีเซลเป็นชนิดบี 6 ชนิดเดียว เพื่อลดผลกระทบผู้บริโภคช่วงโควิด

แต่ปัจจุบันยังไม่มีการตอบรับแต่ประการใด สำหรับเส้นทางที่จะเคลื่อนพลไปคือ  เส้นทางที่ 1️ ถนนพระรามสองเชื่อมต่อกาญจนาภิเษก, เส้นทางที่ 2️ ถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก, เส้นทางที่ 3️ ถนนสายเอเชียเชื่อมต่อบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา(ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ), เส้นทางที่ 4️ ถนนบางนาตราด เชื่อมต่อกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก (บางพลี) จ.สมุทรปราการ (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ), เส้นทางที่ 5️ ถนนสุขุมวิท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เชื่อมต่อ ถนนหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ แหลมฉบัง (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ),เส้นทางที่ 6️ ถนนรอบเมือง จ.อุบลราชธานี

 

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ,เดลินิวส์

 

Elon Musk โกยกำไรพุ่งกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

Coinmarketcap รายงานว่า บริษัท Elon Musk ได้เพิ่ม BTC มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในงบดุล ซึ่งผลตอบแทนในปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาของ BTC ปรับตัวขึ้นในเดือนตุลาคมแตะระดับ 58,000 ดอลลาร์ในวันที่ 14 ตุลาคม โดยราคาล่าสุดของ Bitcoin มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 2,069,000 บาท

  โดย Tesla เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ว่ามีการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 241,300 คันในไตรมาสที่ 3 เทียบกับ 201,250 คันในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อรวมกับผลกำไร Bitcoin ของ Tesla ความคาดหวังสูงสำหรับรายได้บล็อกบัสเตอร์ที่จะเปิดตัวหลังจากตลาดปิดในวันที่ 19 ต.ค.

สำหรับ Tesla  ถือครองเหรียญคริปโต Bitcoin  อยู่ประมาณ 43,200 เหรียญ โดยประเมินมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ณ ราคาปัจจุบัน ตามข้อมูลการตรวจสอบออนไลน์ของ Bitcoin Treasuries ซึ่งมากกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์จ่ายไปในเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 65% หรือ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งไตรมาส 2 Tesla ขายการถือครอง Bitcoin 10% หรือประมาณ 46,000 BTC ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 50,000 ดอลลาร์ต่อโทเค็น ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 บริษัทแจ้งว่าได้บันทึกกำไรมูลค่า 128 ล้านดอลลาร์จากการขาย Bitcoin

ทั้งนี้หลังจากการฟื้นตัวของราคา Bitcoin ล่าสุด กำไรสุทธิของ Tesla จากการถือครอง crypto มากพอ ๆ กับรายได้ Q2 ซึ่งรายละเอียด Tesla ระบุถึงกำไรสุทธิ คือ 1.14 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 2 ถือว่าเป็นครั้งแรกผ่านระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ โดยรายรับนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของรายรับ 11.96 พันล้านดอลลาร์ ที่ Tesla ทำส่วนใหญ่ด้วยการขายรถยนต์ มูลค่าประมาณ 10.21 พันล้านดอลลาร์ ในส่วนที่เหลือ 354 ล้านดอลลาร์ มาจากการขายสินเชื่อด้านกฎระเบียบ

 

ขอบคุณ : มติชนออนไลน์

3 หุ้นน้องใหม่ IPO เตรียมลงสนามเทรด เล็งต่อยอดขยายธุรกิจ

3 หุ้นน้องใหม่IPO เตรียมลงสนามเทรด  มั่นใจหลังระดมทุน เล็งต่อยอดธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการขยายธุรกิจ พร้อมวางเป้าขยายยอดขาย

TFM  เปิดจอง 19-21 ต.ค.นี้ ราคาขายหุ้นละ 13.50 บ.โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก IPOจำนวน 109.3 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้นสามัญเดิมเสนอขายโดย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จํากัด มหาชน จำนวน 19.3 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดไม่เกินร้อยละ 21.9 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ชำระคืนเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต

นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM กล่าวว่า ใน 3 ปีข้างหน้า มองการเติบโตของยอดขายในไทยโตปีละ 5-10% การโตในระดับนี้ บริษัทจึงอยากจะไปโตในต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องไปลงทุนในอินโดนีเซียและปากีสถาน โดยตั้งเป้ารายได้ในต่างประเทศปี 65-67 เติบโตระดับ 10%,15% และ 25% ในอนาคตจะเติบโตในต่างประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้การเข้าระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจของ TFM ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดในประเทศไทยเท่านั้น บริษัทฯ ยังได้มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศที่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมีศักยภาพในการเติบโตสูง ผ่าน Model ธุรกิจที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ

นางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT กล่าวว่า กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก IPO  จำนวน 53.25 ล้านหุ้น ที่ราคา 7.50 บาท/หุ้น โดยเปิดให้จองซื้อในวันที่ 19 – 21 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI 28 ต.ค. นี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้างในชื่อหลักทรัพย์ว่า “DPAINT”

โดยราคาหุ้นสามัญเสนอขายหุ้นละ 7.50 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 32.80 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ระหว่างวันที่1 ก.ค. 63 – 30 มิ.ย.64 ถือว่ามีส่วนลด จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมือนกันทั้งในและต่างประเทศ มองว่า DPAINT มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารรายที่ 3 ในตลาดทุน ที่โดดเด่นทางด้านนวัตกรรม และผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวนประมาณ 373.16 ล้านบาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง จะนำไปใช้ลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท ระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 68 เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 68 เพื่อขยายจำนวนร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขยายผลิตภัณฑ์สีกลุ่มที่อัตรากำไรดี นอกจากนี้จะนำเงินไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB จำนวนประมาณ 5 ล้านบาทภายในปี 65,ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 25 ล้านบาทภายในปี64 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 83.20 ล้านบาท

ทั้งนี้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 เติบโตตามแผน แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 DPAINT มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5%

นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY เปิดเผยว่า นำหุ้นซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 25 ต.ค.นี้ ในใช้ชื่อหุ้น “GLORY” การซื้อขายหลักทรัพย์ หลังจากเปิดจองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 12 , 14 และ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 2.80 บาท จำนวนทั้งสิ้น 70 ล้านหุ้น ได้กระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนจำนวนมาก ทำให้บริษัทสามารถขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก IPO หมดจำนวน สะท้อนถึงศักยภาพธุรกิจความเชื่อมั่นในฐานะผู้ประกอบการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่บริการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มรวมถึงเป็นสื่อกลางการจัดจำหน่ายวรรณกรรมแปลลิขสิทธิ์ต่างประเทศ นิยาย การ์ตูน และหนังสือ ออนไลน์ ผ่านช่องทาง Kawebook  แพลตฟอร์ม เพื่อรองรับการขยายตัวของวงการหนังสือในตลาดอีคอมเมิร์ช

โดยเงินจากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่าย189 ล้านบาท เตรียมซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรม นิยายและการ์ตูนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของวรรณกรรมให้ตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าให้ได้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย พัฒนาแพลตฟอร์ม Kawebook เพื่อขยายการเติบโตของฐานลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง รวมไปถึงพัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับการใช้งานภาษาต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้อัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 61 – ปี 63 เทียบเป็นจำนวน 42.52 ล้านบาท 73.43 ล้านบาท และ 78.24 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี CAGR 35.81% ขณะรายได้การจำหน่ายและบริการในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 45.43 ล้านบาท อัตราการเติบโต 19.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลความเชื่อมั่นได้ว่า GLORY เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งตามภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต สำหรับนักลงทุนมั่นใจในศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่มีศักยภาพ ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและการให้บริการด้าน Digital Technology Platforms เพื่อรองรับการขยายตัวของวงการหนังสือในตลาด E-Commerce  ซึ่งหุ้นของ GLORY เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์MAIในหมวด เชื่อมั่นว่า การระดมทุนของ GLORY ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถต่อยอดและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอนาคตให้มีศักยภาพและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 

ขอบคุณ: มติชนออนไลน์

เดือนตุลา ยอดซื้อหุ้นต่างชาติพุ่ง

มูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 50,440.47 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 17,066.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 58,961.30 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 92,334.85 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 9,498.40 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 4,339.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 17,744.04 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 12,585.10 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 18 ต.ค.64 พบว่า สถาบันกองทุนในประเทศ  มียอดขายสุทธิ 1,719.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 76.54 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,773.87 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 2,130.49 ล้านบาท

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

ออสเตรเลีย ร่างกฎหมาย สั่งยึดเหรียญ Crypto

Karen Andrews รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย กล่าวว่า มาตรการใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อขัดขวางการกำหนดเป้าหมายของธุรกิจในออสเตรเลียโดยแฮ็กเกอร์ระหว่างประเทศ กฎหมายใหม่ ที่เข้มงวดจะกำหนดเป้าหมายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ และโจมตีอาชญากรไซเบอร์ที่ซึ่งมันจะสร้างความเจ็บปวดที่สุดในการกระทำของพวกเขา โดยฝ่ายบังคับใช้กฎหมายจะทำการยึดไม่ให้มียอดคงเหลือในธนาคาร โดยกฏหมายดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ด้านการจัดการกับข้อมูลที่ถูกขโมยและการซื้อและขายมัลแวร์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีประเภทแรนซัมแวร์ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะถูกลงโทษด้วย

สำหรับหน่วยงานเฉพาะกิจจากหลายองค์กรที่เรียกว่า Operation Orcus ถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคมเพื่อจัดการกับการโจมตีของแรนซัมแวร์ การโจมตีส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในรัสเซียโดยใช้มัลแวร์ เช่น REvil หรือ DarkSide ซึ่งเข้ารหัสหรือขโมยข้อมูล จากนั้นจึงเรียกค่าไถ่ในสกุลเงินดิจิทัล

ทั้งนี้ฝ่ายนิติบัญญัติในสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มความพยายามในการจัดการกับแรนซัมแวร์ เมื่อต้นเดือนต.ค.64 ว่าวุฒิสมาชิกต่อต้านการคริปโต Elizabeth Warren ได้แนะนำพระราชบัญญัติการเปิดเผยค่าไถ่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของสกุลเงินดิจิทัลในการโจมตีแรนซัมแวร์ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 ต.ค. บริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน Chainalysis ได้ซื้อบริษัทสืบสวนอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต Excygent เพื่อสนับสนุนคลังแสงในการทำสงครามกับแรนซัมแวร์อย่างต่อเนื่อง

 

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 18 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 18 ตุลาคม 2564

นายกสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับแฮกเกอร์ หลังประชาชนถูกดูกเงินผ่านธนาคารไทย

จากกรณีที่ชาวเน็ตแชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากธนาคารไทย โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากที่โดนหักเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการผู้บัญชีออนไลน์ของบัตรเดบิต และบางส่วนมีการใช้บัญชีดังกล่าวซื้อของออนไลน์ แต่ก็มีผู้เสียหายบางส่วนที่ไม่เคยใช้บัญชีซื้อสินค้า แต่โดนหักไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้พึ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยช่วงวันที่โดนหักกันถี่ๆคือ 1-2 ต.ค. ที่ผ่านมา   เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ ทำให้ประชาชนตรวจสอบบัญชีย้อนหลังของตนเองจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกแฮกในช่วงเวลาอื่น

ซึ่งต่อมาพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ที่หลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอดรับตามนโยบายรัฐบาลพร้อมกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม ปราบปรามภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมขยายผลถึงเครือข่ายของผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง เห็นผลเป็นรูปธรรม

 

โดยขอแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตรและปฎิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์ และทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อแนะนำแนวทางการป้องกันกรณีที่คนร้ายได้ข้อมูลที่อยู่ด้านหน้าบัตรและตัวเลขรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร คนร้ายจึงสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ที่มีมูลค่าไม่สูงได้ โดยไม่ต้องใช้ OTP ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ที่ต้องแจ้งข้อมูลด้านหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องระวังการหลอกลวงให้กรอกข้อมูลบัตรเพื่อจ่ายเงินค่าภาษีของเว็บไปรษณีย์ไทยปลอม

 

ซึ่งคนร้ายจะทำหน้าเว็บไซต์มีโลโก้ไปรษณีย์ไทยเหมือนของจริง หลีกเลี่ยงการกดลิงค์ที่มีการส่งมาทางอีเมล SMS หรือ สื่อสังคมออนไลน์  หากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ขอให้พิมพ์ชื่อเว็บด้วยตัวเองเพื่อป้องกันเข้าไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีความแนบเนียนมาก

 

นอกจากนี้ยังประชาชนควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร หรือจดรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน และป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์  ทั้งนี้ประชาชนที่พบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ซึ่งต่อมาเมื่อทางธนาคารแห่งประเทศไทยทราบเรื่องก็ได้ได้ออกมาชี้แจ้งผ่านทางเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจ้งว่า  โดยเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว  ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้

นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป

แบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารพาณิชย์มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบรายการที่ผิดปกติ ธนาคารจะแจ้งลูกค้าเพื่อตรวจสอบและยืนยันรายการธุรกรรม และพร้อมจะดูแลลูกค้าด้วยความรับผิดชอบเสมอ

 

ชอบคุณ :  ฐานเศรษฐกิจ, เพจธนาคารแห่งประเทศไทย

 

เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ขณะเดียวกัน ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็เริ่มทยอยออกมาดีกว่าคาด ซึ่งตลาดจะรอลุ้นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 พร้อมกับติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ ประธานเฟด ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและโอกาสที่เฟดจะเริ่มลดคิวอีในเดือนพฤศจิกายน

ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติ แต่ควรเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงภายใน อาทิ ปัญหาน้ำท่วม รวมถึง สถานการณ์ COVID ที่ยอดการระบาดยังอยู่ในระดับสูง  จากความผันผวนของราคาทองคำก็อาจส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทได้เช่นกัน โดยราคาทองคำย่อตัวลง อาจเห็นโฟลว์ซื้อทองคำในสกุลเงินดอลลาร์ กดดันเงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่หากราคาทองคำปรับตัวขึ้น อาทิ แตะแนวต้านสำคัญ อาจมีแรงขายทำกำไร หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

นอกตากนี้ด้านมุมของแนวโน้มเงินดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด Risk-On อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งเงินดอลลาร์อาจไม่อ่อนค่าไปมาก หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงหนุนการลดคิวอีในเดือนหน้าและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมดีกว่าเศรษฐกิจอื่นๆ

ทั้งนี้ กรอบเงินบาทวันนี้ 18 ต.ค.6 4คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่สัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.10-33.60 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้เชิงเทคนิคัล โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเริ่มแผ่วลงในระยะสั้นสอดคล้องกับการเกิด Bearish Divergence ซึ่ง เงินบาทยังมีแนวต้านสำคัญอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอเข้ามาทยอยขายดอลลาร์ ขณะที่ ผู้นำเข้าต่างรอซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่า โดยแนวรับของเงินบาทจะอยู่ในโซน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบค่าเงินบาท

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

 

หุ้นเวียดนาม GDP สูงที่สุดในอาเซียน

ในปัจจุบันประเทศเวียดนามมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เติบโตในระยะยาว GDPสูงที่สุดในอาเซียน  ทำให้มีนักลงทุนเข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนโดยตรง (FDI) และการลงทุนผ่านตลาดหุ้น ซึ่งหากดูจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุนรวมและผลตอบแทนที่สะสมอยู่ในระดับสูง สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในกองทุนหุ้นเวียดนามที่สูงมากในปีนี้

นายศุภกร ตุลยธัญ CFAเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พรินซิเพิลจำกัด  กล่าวว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจโดดเด่นกว่าประเทศอื่นในอาเซียน โดยก่อนที่จะมีการล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีคาดการณ์การเติบโตของ GDP เวียดนามในปี 2564 ไว้ประมาณ 6-7% ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียน โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ

 1) การบริโภคภายในประเทศ

2) การส่งออก

 3) เม็ดเงินลงทุนจากบริษัทต่างชาติ (FDI)

4) เงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ คาดการณ์การเติบโตของ GDP เวียดนามในปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 6-8% ซึ่งก็ยังเป็นตัวเลขประมาณการเติบโตที่สูงที่สุดในอาเซียน

เมื่อมองในแง่ของการแข่งขันทางเศรษฐกิจปัจจุบันไทยยังคงนำเวียดนามอยู่ด้วยเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า และรายได้เฉลี่ยต่อหัว (GDP per Capita) ที่สูงกว่า 2.6 เท่าของเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของเวียดนามในปัจจุบัน อาจทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามสามารถเติบโต จนมีขนาดเทียบเท่ากับไทยได้ในเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งหากไทยต้องการที่จะรักษาสถานะความเป็นผู้นำไว้อาจต้องพึ่งพาความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพในการเติบโตและการขยายตัวของเศรษฐกิจ

โดยกองทุนหุ้นเวียดนามเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ดี นักลงทุนคงต้องศึกษาความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนเพราะตลาดหุ้นเวียดนามยังคงเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงและมีสภาพคล่องต่ำกว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก

ทั้งนี้นักลงทุนควรมีความเข้าใจในความเสี่ยงเหล่านี้ก่อนเข้าลงทุน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาทและค่าเงินด่อง ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่ออัตราผลตอบแทน

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ

 

ตลาดหลักทรัพย์สั่งเบรกซื้อขายหลักทรัพย์ GRAMMY

 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เป็นการชั่วคราวตั้งแต่เวลา 10.22 น.  ของวันที่ 18 ต.ค. 64 เป็นต้นไป เนื่องจากปรากฏวิธีบันทึกการซื้อขายรายใหญ่ (Tradereport-Big lot) จำนวน 52.05% ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ GRAMMYต่อตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว

โดยเช้านี้พบ 10 รายการ  จำนวน 426.77 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 14.30 บาท มูลค่า 6,102.87 ล้านบาท ซึ่งความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GRAMMY เช้านี้ เปิดตลาดที่  14.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท และปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 6.08%  และปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 15.40 บาท  ซึ่งเป็นราคา ช่วง ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสั่งหยุดพักการซื้อขาย

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

IRPC กำไรไตรมาส 3 โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทหลักทัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ 18ต.ค.64 ว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC คาดกำไรปกติ ไตรมาส 3/2564 ราว 2,630 ล้านบาท บวก 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งติดลบ52%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหลักๆด้วยอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นของฝั่งโรงกลั่น ในความต้องการใช้ฟื้น และ supply ตึงตัวลดลง กว่าไตรมาสก่อนหน้าเพราะอัตรากำไรฝั่งปิโตรเคมีที่ลดลงจาก supply ใหม่เข้ามาฉุดและ demand ในจีนชะลอ โดยทั้งปี 2564 คาดกำไรที่ 1.1 หมื่นล้านบาท

โดยราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ระดับ PBV ที่ 1.1 เท่า ขณะที่ ภาพธุรกิจสู่ Cycle ทำกำไร 2564-2566 แนะซื้อเป้า 4.90 บาท โดยคาด กำไรไตรมาส 3/2564 ยังคงโดดเด่นต่อเนื่องจาก spread ผลิตภัณฑ์ยังอยู่ในระดับสูง และสามารถเก็งกำไรรับการฟื้นตัวของ spread HDPE/PP (ผลิตภัณฑ์หลักฝั่งปิโตรเคมี) จากจุด bottom ในไตรมาส 3/2564 ได้

ขอบคุณ สำนักข่าวหุ้นธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 12 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 12 ตุลาคม 2564

เคอรี่ จับมือ เบทาโกร คลอดธุรกิจ ขนส่งควบคุมอุณหภูมิครบวงจร ตั้งเป้า เบอร์1 ของไทย

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  จับมือกับ เครือเบทาโกร ผนึกกำลังทางธุรกิจจัดตั้งบริษัทใหม่ “Kerry Betagro Company Limited” คลอดธุรกิจ” KERRY COOL” ที่แรกของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยแพลตฟอร์มการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Delivery Platform) gxHoเทคโนโลยีและบริการที่มีคุณภาพระดับโลก และราคาที่เข้าถึงได้ โดยบริการของ KERRY COOL ได้นำหลักการของวิธีการขนส่งแบบ Hub-and-Spoke มาปรับใช้อย่างเหมาะสมและครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสดแช่เย็น ไปจนถึงเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์แช่แข็งต่างๆ

นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศของเราต้องการคุณภาพที่ดีสำหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง ซึ่งมีความต้องการอยู่ทั่วประเทศ โดยผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิส่วนใหญ่เป็นรายเล็กหลายรายในตลาดและยังดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม รวมถึงการบริการยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ซึ่งรถขนส่งเย็นของเราสามารถเชื่อมต่อข้อมูลของรถทุกคันผ่านระบบดาวเทียมซึ่งทำให้ทราบถึงสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และคงอุณหภูมิที่แน่นอนตลอดเส้นทาง ถือเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่เราพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าและสร้างความโดดเด่นแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด คาดว่าบริษัทจะสามารถครองใจลูกค้าด้วยคุณภาพที่เป็นเลิศเสมือนกับมาตรฐานการให้บริการธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนของเรา

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร  กล่าวว่า การผนึกกำลังระหว่างเครือเบทาโกร และ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เป็นการพัฒนาธุรกิจ “KERRY COOL” บริการขนส่งสินค้าด้วยแพลตฟอร์มแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Delivery Platform) ที่ได้มาตรฐานคุณภาพระดับสากล เพื่อให้ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่ และ รายย่อย ได้มีทางเลือก ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันในการดำเนินธุรกิจ ส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสู่มือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการด้วยราคาที่เข้าถึงได้

สำหรับ KERRY COOL เป็น บริษัท เคอรี่ เบทาโกร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนจดทะเบียนขั้นต้น 1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนจากเคอรี่ ร้อยละ 60 และ เบทาโกร ร้อยละ 40 และมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ให้บริการของจะครอบคลุมทั้งลูกค้า Walk-In ที่สาขาของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส และ ร้านในเครือเบทาโกร รวมถึงช่องทาง D2D booking ซึ่งเป็นบริการเข้ารับพัสดุที่หน้าบ้าน ลูกค้าสามารถจองรถเข้ารับพัสดุได้ด้วยตนเองผ่านทั้งทางแอปพลิเคชั่นมือถือและเว็บไซต์

ทั้งนี้จะเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 ตั้งเป้าหมายยกระดับมาตรฐานการให้บริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิให้เหมือนกับที่ได้เข้ามาสร้างปรากฎการณ์ในธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนพร้อมกับมอบคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการระดับแนวหน้าและเป็นสากล ในราคาที่คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้

ขอบคุณ : Hooninside,ข่าวหุ้น

DPAINT จัดโรดโชว์ออนไลน์ นำเสนอขายหุ้น IPO

DPAINT จัดโรดโชว์ออนไลน์ แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมสี นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อแนะนำธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน

นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT กล่าวว่า  บริษัทได้เตรียมนำเสนอข้อมูลธุรกิจในงานโรดโชว์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 64 ที่ผ่านมา โดยให้นักลงทุนได้รับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของการดำเนินธุรกิจ จุดเด่น และโอกาสการเติบโตของบริษัทในอนาคต ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ภายในเดือนตุลาคมนี้

ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยภายหลังสถานการณ์โควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น งานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เริ่มขับเคลื่อนเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้ความต้องการสีทาอาคารเติบโตตามมา จึงมองว่า DPAINT จะเป็นหุ้นคุณภาพสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทซึ่งมีเส้นทางและปัจจัยส่งเสริมการเติบโตที่มั่นคง

โดยผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 596.2 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 41.9 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 41.9% อัตรากำไรสุทธิ 7.0% ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5%.

ทั้งนี้ DPAINT ถิอเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารที่มีคุณสูง ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสีทาอาคารในประเทศไทยที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 20,000 ล้านบาท โดยการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำตลาดสีด้านนวัตกรรมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย DPAINT อยู่ระหว่างเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 53.25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 23.15% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

ขอบคุณ: ข่าวออนไลน์RYT9

MAKRO เดินหน้าขอไฟลิ่งขาย PO ต่อ หวังเพิ่มฟรีโฟลทเป็น 15% ดันมาร์เก็ตแคปเข้าดัชนี SET50 วางแผนลงทุน 5 ปีใช้งบ 130,000 ล้านบาท

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ MAKRO กล่าวว่า หลังเสนอขาย PO จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในมือของรายย่อย (ฟรีโฟลท) เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 15% จากปัจจุบัน 7%  และช่วยให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้น สามารถเข้าไปอยู่ในดัชนี SET50 ได้แน่นอน และแม้รวมกิจการของกลุ่มโลตัสส์เข้ามาในบริษัท แต่ยังคงยึดมั่นการทำธุรกิจที่เป็นคู่คิดทางธุรกิจทุกกลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าและร้านค้าปลีกรายย่อย ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงจำหน่ายสินค้าในราคาที่เป็นธรรม

ในการเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จะเพิ่มโอกาสการเติบโตจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีประชากรจำนวนมาก เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

โดยเตรียมงบลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าสำหรับธุรกิจของ MAKRO และกลุ่มโลตัสส์ 1.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกลุ่ม MAKRO6 หมื่นล้านบาท และกลุ่มโลตัสส์ 7 หมื่นล้านบาท ใช้พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ซึ่งนอกจากการขยายสาขาแล้ว จะหันมาเน้นการลงทุนด้านดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ตั้งเป้าจะขยายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวมภายในช่วง 5 ปีหรือในปี 2568 จากปัจจุบัน 5% ส่วนหนึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากสาขาในประเทศมาเลเซียรวมถึงมีแผนขยายสาขาทั้ง MAKRO และโลตัสส์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิม MAKRO มี 7 สาขาในต่างประเทศ โดยปัจจุบันได้เริ่มศึกษารูปแบบของตลาดทั้งแบบ B2B และ B2C และการลงทุนแบบก่อสร้างใหม่เอง หรือไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่อยู่ในประเทศนั้นด้วย

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโครสายงาน Group Shared Service กล่าวว่า การรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีมาร์เก็ตที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทที่สามารถรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงรายได้จากพื้นที่เช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ที่มีผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทเตรียมยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้น PO คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมคือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ที่ได้รับหุ้น PP จากการรับโอนกิจการดังกล่าว จะร่วมเสนอขายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ในบริษัทด้วยบางส่วน พร้อมกับการทำ PO ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย

ทั้งนี้หลังประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกครั้งใหญ่ของ “เครือซีพี” ให้บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) รับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัทซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) ที่ถือหุ้นในบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (CPRD) ในสัดส่วน 99.99% และ CPRD ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% ในบริษัท โลตัสส์สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ Lotus’s ในประเทศไทย และถือหุ้นสัดส่วน 100% ใน Lotuss Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ Lotus’s ในประเทศมาเลเซียด้ว

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

“เถ้าแก่น้อย” โมเดลโรงงานต้นแบบป้องกันโควิด19 เดินหน้าขยายกิจการในจีน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านมามีผลกระทบทุกบริษัทหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)    ทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขออกมตราการต่างๆมา ทำให้ทุกบริษัทต้องดำเนินการตามแนวทางปฎิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ โดยจัดหาที่พักให้กับพนักงานทั้งในและนอกโรงงาน จัดทำทะเบียนพนักงาน พัฒนาโปรแกรมในโทรศัพท์มือถือมาใช้ในการกำกับดูแลพนักงาน สามารถระบุสถานที่หรือเวลาพนักงานทำงานอยู่ รวมถึงระบุที่นั่งบนรถรับ-ส่งพนักงาน และจำกัดที่นั่งไม่เกิน 50%

               สำหรับบริษัทเถ้าแก่น้อย  ได้ปรับมาตรการเชิงรุกและให้ความสำคัญการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จนได้รับเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาอยุธยาโมเดล ถือเป็นโรงงานต้นแบบมาตรฐานในการจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ภายใต้ “เศรษฐกิจเดินหน้า อยุธยาปลอดภัย ทุกภาคส่วนร่วมใจ ห่างไกลโควิด” จากหน่วยงานราชการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

               นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากการปรับมาตรการเชิงรุกในการบริหารจัดการภายในโรงงานผลิต ส่งผลดีต่อกระบวนการผลิตสินค้าในโรงงานและความสามารถการผลิตสินค้า ล่าสุดได้ทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต รองรับคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบัน TKN มียอดคำสั่งซื้อจากจีนเฉลี่ย 150-170 ตู้คอนเทนเนอร์ และได้ร่วมกับคู่ค้าวางแผนบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อแก้ไขปัญหาค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือและตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 500%

ซึ่งแนวโน้มตลาดในไตรมาสสุดท้ายนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทเร่งปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายในประเทศจีน เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัว ส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อทยอยกลับมาตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 

 ทั้งนี้ในการปรับกลยุทธ์การขายในประเทศจีนโดยการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้า ปัจจุบันเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดี เห็นได้จากออเดอร์ที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งปีหลัง 2564 แต่บริษัทไม่สามารถตอบสนอง Supply สินค้าได้ทันตามออเดอร์ที่เข้ามา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 หลังจากได้วางมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ภายในโรงงาน ส่งผลให้แนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 4/64 ประกอบกับบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม ทำให้สามารถเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้ทันกับความต้องการของลูกค้าในจีนได้

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ