LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 17 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 17 ตุลาคม 2564

ROH ลดพาร์จาก 10 ต่อ หุ้น เหลือ 1 บาทต่อหุ้น

บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด  (มหาชน) หรือ ROH   ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) โดยบริษัท มีมติอนุมัติ เปลี่ยนแปลงมูลค่าโดย ลดมูลค่าพาร์ จาก 10 บาทต่อหุ้น เหลือ 1 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนหุ้นเพิ่มเป็น 937.5 ล้านหุ้น  รวมถึงมีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 937.50 ล้านบาท เป็น  1,117.50 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 180 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP)  คือ Advanc Opportunities Fund ( AO Fund)และAdvanc Opportunities Fund 1( AO Fund 1)  ซึ่งประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจการเงินในประเทศสิงคโปร์

ในการเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องมากขึ้นเนื่องจากเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับจากเงินเพิ่มทุน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ในการประกอบธุรกิจของบริษัท เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการดําเนินธุรกิจและการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต  รวมถึงสามารถเพิ่มฐานะทางการเงินเพิ่มความแข็งแกร่งและเสถียรภาพฐานะทางการเงินจากการดําเนินงานปกติในธุรกิจหลักปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งจะสร้างรายได้และกําไร เพิ่มเติมให้แก่บริษัท รวมถึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยเรื่องการแก้ไขคุณสมบัติการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท (Free Float) ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ โดยนักลงทุนแต่ละรายเป็นบุคคลที่มีลักษณะความสัมพันธ์ และมีความเกี่ยวข้องกัน จึงนับรวมหุ้นของนักลงทุน2 รายเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งนักลงทุนดังกล่าวจะไม่ส่งบุคคลใดๆ เข้ามาเป็นกรรมการในบริษัท  ทำให้นักลงทุนดังกล่าวถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน16.11% ของจำนวนหุ้นที่ออกชำระแล้วหลังจากการเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งจะกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พ.ย.2564 และรายย่อยของบริษัท (Free Float) ให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ต่อไป

 

ทั้งนี้บริษัทมีแผนใช้เงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทและเป็นเงินทุนเพื่อเตรียมตัวขยายธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับโอกาสทางธุรกิจอื่น ๆ ในอนาคตที่จะมาถึง นอกจากนี้การเพิ่มทุนยังเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยเรื่องการแก้ไขคุณสมบัติการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้น

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

ธนชาต เปิดขายหุ้นกู้แปรสภาพ18-25 ต.ค.นี้

วันที่ 18-25 ต.ค. 64 Thanachart Fund Eastspring เปิดขายไอพีโอ (IPO) กองทุน Thanachart Eastspring Global Convertible Bond Fund กองทุนมีนโยบายมุ่งเน้นลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ ( Convertible Bond) ไม่ต่ำกว่า 80% ของพอร์ตลงทุนในรอบปีบัญชี พิเศษเฉพาะช่วงไอพีโอ (IPO) ลดค่าธรรมเนียมขาเข้า 0.5% สำหรับเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท หากลงทุนตามเงื่อนไข

โดยมีทีมผู้จัดการกองทุนมืออาชีพบริหารกองทุนในลักษณะ Fund of Funds คาดว่าจะมุ่งลงทุนเฉพาะในสองกองทุนหลักคือ Calamos และ Lazard Asset Management ซึ่งเป็นผู้นำและมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลกในด้านหุ้นกู้แปลงสภาพ

สำหรับกองทุน Calamos Global Convertible Fund เน้นสร้างผลตอบแทนเทียบความเสี่ยงที่น่าพอใจตลอดวัฎจักรตลาด กองทุนใช้ประโยชน์จากทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนานหลายทศวรรษ และโครงสร้างการวิจัยเพื่อสร้างผลตอบแทนให้เหนือกว่าตลาดอย่างสม่ำเสมอ (Alpha) และบริหารความผันผวนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ส่วนกองทุน Lazard Global Convertibles Investment Grade Fund จะสร้างผลตอบแทนให้เหนือกว่าดัชนี Refinitiv Global Focus Investment Grade Convertible โดยเน้นลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพทั่วโลก ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับลงทุน (Investment Grade) ที่ออกโดยบริษัทเอกชน รัฐบาล หน่วยงานราชการ องค์กรภาครัฐ หรือองค์กรกลางที่เป็นอิสระจากรัฐบาลของประเทศ

 

นายพงศ์สรร ยอดเมืองเจริญ ผู้อำนวยการส่วนบริหารผลิตภัณฑ์ TMBAM Eastspring กล่าวว่า หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bonds) เป็นทางเลือกการลงทุนที่สร้างพอร์ตเติบโตภายใต้สภาวะตลาดผันผวน เพราะลักษณะของสินทรัพย์ประเภทนี้มีความเสี่ยงจำกัดแบบตราสารหนี้ แต่ก็มีโอกาสรับผลตอบแทนขาขึ้นในแบบของหุ้นด้วยความนิยมของหุ้นกู้แปลงสภาพ ทั่วโลกมีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว สะท้อนผ่านขนาดตลาดที่สูงถึง 5.1 แสนล้านดอลลาร์ ที่กระจายอยู่ในสหรัฐ ยุโรป และเอเชีย และกระจายอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี สินค้าฟุ่มเฟือย การแพทย์ และการเงิน รวมถึงเชื่อมั่นว่าการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ เหมาะสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยความคืบหน้าในการปูพรมเร่งฉีดวัคซีน ส่งผลดีต่อการเปิดประเทศและช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ดีขึ้น ในแง่หนึ่งการลงทุนยังสามารถสร้างความยืดหยุ่นของพอร์ตต่อสภาวะผันผวนจากแนวโน้มการปรับลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร และด้วยประสบการณ์ของผู้จัดการกองทุนหลักที่มีความเชี่ยวชาญในสินทรัพย์ประเภทนี้ มาอย่างยาวนาน ดังนั้นเมื่อผสม Convertible bonds เข้ากับพอร์ตลงทุน จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่เหนือกว่า

 

ทั้งนี้การผสมผสานระหว่างกองทุนหลัก Calamos และ Lazard ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถกระจายการลงทุนไปในตราสารหนี้แปลงสภาพในหลายหลายกลุ่มประเทศโดยเฉาะสหรัฐฯและยุโรปที่เป็นหัวหอกของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในรอบนี้ หลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และผสมผสานโอกาสสร้างผลตอบขาขึ้นจากตราสารพันธบัตรอัตราผลตอบแทนสูง (High Yield) จากบริษัทขนาดกลางที่มีศักยภาพ และลดทอนความผันผวนของพอร์ตลงทุนจากตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment Grade

 

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ

 

3 หุ้นเด่น รับฟื้นตัวเศรษฐกิจ แข็งแกร่งไตรมาส 3

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำ 3 หุ้นเด่น KBANK รับอนิสงส์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ NER และ JMT เก็งงบฯ ไตรมาส 3 ปี 2564 โตแกร่ง

  1. หุ้น KBANK  โดยราคาเป้าหมาย 160 บาท คาดว่าได้รับอานิสงส์บวกจากเศรษฐกิจฟื้นตัว และการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นใน 4Q64 รวมถึงมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งผสาน Valuation Gap ต่างจาก SCB มากเกินไป โดยปัจจุบัน KBANK เทรดที่ 0.7x 2021 P/BV และ 7.3% ROE ในขณะที่ SCB เทรดที่ 1.0x 2021 P/BV และ 8.0% ROE
  2.  หุ้น NER โดยราคาเป้าหมาย 9 บาท คาดว่ากำไรปกติ 3Q64 แข็งแกร่งที่ระดับ 521 ล้านบาท (+159.6%YoY) ทำสถิติใหม่เป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน และมีโอกาสในการ rerating ด้วยการยก P/E ratio สูงขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ โดยได้เริ่มทยอยติดตั้งเครื่องจักรแล้ว ซึ่งตั้งเป้าผลิตและจำหน่ายในช่วง 1Q65
  3. หุ้นJMT โดยราคาเป้าหมาย 58 บาท คาดว่ากำไร3Q-4Q64 แข็งแกร่งกว่าตลาด และประเมินการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 65 ที่ +67%YoY จะสามารถชดเชย Dilution 18% จากการเพิ่มทุนได้ และรักษาการเติบโตของ EPS เฉลี่ย (CAGR) 43% ในอีกสามปีข้างหน้า เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 58 บาท (PEG 75x)

ทั้งนี้คาดจากตลาดหุ้นไทยระหว่างวันที่ 18-21 ต.ค.64 เคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,650 จุด มีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐฯ ความคืบหน้าแผนการเปิดประเทศ และการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม อาจมีแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศ

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

4. กระทรวงพาณิชย์ ประชุมทางไกลร่วมสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน พร้อมเปิดประเทศ

ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์  เป็นผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมการหารือผ่านระบบการประชุมทางไกล กับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) นายไมเคิล มิคาลัค รองประธานกรรมการอาวุโสและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคของ USABC พร้อมด้วยผู้แทนจาก 12 บริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมสุขภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ขนส่ง การผลิต การเงิน ประกอบด้วย Abbott, Adobe, Amazon, Citi, Facebook, FedEx, Ford, Google, Johnson & Johnson, MSD, UL และ Visa

ดร.สรรเสริญ กล่าวว่า ไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน โดยไทยได้ให้ความมั่นใจแก่สหรัฐฯ เกี่ยวกับการดำเนินมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตลอดจนดำเนินนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาวบนฐานเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG Model และการดึงดูดการลงทุนเข้าสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

รวมถึงให้ความสำคัญกับกติกาการค้าโลกที่โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่สร้างภาระแก่ภาคธุรกิจในการทำการค้า การขยายตลาดการค้าใหม่ๆ ผ่านการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) การค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมด้านทรัพย์สินทางปัญญา และการส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และเศรษฐกิจดิจิทัลในทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันทางเศรษฐกิจของไทยในอนาคต

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมหารือสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน USABC พร้อม 12 บริษัทสหรัฐฯ ย้ำไทยเตรียมพร้อมเปิดประเทศ มีมาตราการรับมือโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่นด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เร่งฟื้นฟูและยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ ด้านสหรัฐฯ ย้ำจุดยืนเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่เหนียวแน่น พร้อมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ

สิ้นปี64 แนวโน้มการใช้พลังงานพุ่งสูงตามเศรษฐกิจ

วัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า พยากรณ์อ้างอิงสมมุติฐานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไว้ว่า แนวโน้มการใช้พลังงานปี 2564 จะพุ่งสูงขึ้นตามเศรษฐกิจไทยสิ้นปีนี้โดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 0.7–1.5% จากปัจจัยหลัก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายภาครัฐ การปรับตัวตามฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี 2563 ซึ่งจะส่งผลให้การใช้พลังงานขั้นต้นปี 2564 เพิ่มขึ้น 0.1% ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาการผลิตเพื่อการส่งออกจากเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าที่เริ่มฟื้นตัว คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภทยกเว้นการใช้น้ำมัน

สำหรับปี 2564 การใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน/ลิกไนต์ คาดว่ามีการใช้เพิ่มขึ้น 3.5% และ 1.8% ตามลำดับ ส่วนการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าเพิ่มขึ้น 11.7% ในขณะที่การใช้ LPG ในภาคครัวเรือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.9% ภาคอุตสาหกรรมและการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.3% และ 11.5% ตามลำดับ ขณะที่ภาคขนส่งคาดว่ามีการใช้ลดลง24.0% ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าการใช้จะเพิ่มขึ้น 3.5% ส่วนการใช้ไฟฟ้า จะมีการใช้ไฟฟ้าลดลงเล็กน้อยที่ 0.4%

ในปัจจุบันราคา LPG คาร์โก้ถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยกระทรวงพลังงานมีนโยบายจะตรึงราคาก๊าซ LPG ให้ได้ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ดังนั้น คงต้องจับตาดูว่าราคา LPG ตลาดโลกจะเป็นอย่างไร รวมทั้งอาจมีการขยายกรอบวงเงินดูแลราคา LPG ประมาณ 2.1–2.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากเดิมในกรอบ 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อลดผลกระทบผู้บริโภคจากราคา LPG ปรับสูงขึ้น เพราะปัจจุบันใช้เงินชดเชยราคา LPG ไปแล้วกว่า 17,431 ล้านบาท เหลือเงินเพียง 569 ล้านบาท ซึ่งไม่อาจดูแลราคา LPG ได้จนถึงสิ้นเดือนธ.ค.2564 ซึ่งตามมติเดิมของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2564 ที่กำหนดให้ตรึงราคา LPG ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ไปจนถึง 31 ธ.ค.2564 โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้ขยายกรอบวงเงินบัญชี LPG เพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท จากกรอบเดิม 1.8 หมื่นล้านบาท ทำให้ปัจจุบันมีกรอบวงเงินที่สามารถใช้ชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ได้รวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท โดยจะสามารถใช้ตรึงราคา LPG ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม เพื่ออุ้มราคาไปถึงเดือนม.ค.2565

โดยกระทรวงพลังงานพิจารณาแนวทางปรับขึ้นราคา LPG แบบขั้นบันได ไตรมาสละ 1 บาทต่อกิโลกรัม จาก 318 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ไปเป็น 363 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม จากการตรึงราคา LPG ตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 เพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 ที่แต่เดิมกำหนดจะดำเนินการแค่ระยะสั้น แต่เมื่อโควิด-19 ระบาดรุนแรงขึ้นจึงตรึงราคามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าช่วยเหลือมาเป็นระยะเวลานานพอสมควรแล้ว

ด้านบริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) หรือ PTT  นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวว่า จะช่วยผู้ที่มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง จากการขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อย อาทิ กลุ่มร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนเงิน 100 บาท/คน/เดือน ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 จากที่ได้ช่วยเหลือตั้งแต่เดือนตุลาคม2562 โดยคิดเป็นมูลค่าการช่วยเหลือแล้วกว่า 10 ล้านบาทแล้ว

ทั้งนี้ต้นปีหน้าราคาน้ำมันโลกจะปรับลดลงหรือไม่ หากราคาปรับลดลง กระทรวงพลังงาน อาจมีการพิจารณาเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ จากผู้ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ โดยจะต้องดูสถานการณ์ที่เหมาะสมและไม่กระทบต่อประชาชน ซึ่งฐบาลควรเตรียมมาตรการรับมือทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งประเทศที่จำนวนประชากรผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ขึ้นทะเบียนกับกระทรวงการคลังราว 13.65 ล้านคน และอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 15 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 15 ตุลาคม 2564

ONEE ขายหุ้นไอพีโอ 7.50-8.50 บาท ให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก

 

หุ้น ONEE กำหนดราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) ช่วงราคาที่ 7.50-8.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งต้องจองซื้อราคา 8.50 บาทต่อหุ้น โดยช่วงราคาที่นำมาใช้ทำการสำรวจความต้องการซื้อหุ้น(Book Building) จากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ คิดเป็นราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E Ratio) ที่ 20.5-23.2 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง(ตั้งแต่ 1 ก.ค.63-30 มิ.ย.64) อย่างไรก็ตามได้เทียบเคียงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์พบว่ามีจำนวน 2 บริษัทที่มีลักษณะประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน ซึ่งมีระดับ P/E อยู่ที่ 32.9-75.1 เท่า

โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย เร็วภายในเวลา 12.00 น.ของวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ผ่านเว็บไซต์ของช่องวัน และเว็บไซต์ของสำนักงานคุณกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกช่วงต้นเดือน พ.ย.64

ซึ่งการจองซื้อหุ้น ONEE สำหรับบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์, ผู้มีอุปการคุณของบริษัท, บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัท และพนักงานบริษัท ช่วงวันที่ 20-21 ต.ค.และวันที่ 25-26 ต.ค.64และสำหรับนักลงทุนสถาบัน และนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ (Book Building) ช่วงวันที่ 28-29 ต.ค.64 และวันที่ 1 พ.ย.64

 นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นไอพีโอ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ONEE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) หมวดธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ มีแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 496,252,500 หุ้น ประกอบด้วย

1.หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย ONEE ไม่เกิน 476,250,000 หุ้น

2.หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซีเนริโอ จำกัด ไม่เกิน 20,002,500 หุ้น

รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.84% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO) คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 3,722-4,128 ล้านบาท และคิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ที่ 17,859.4-20,240.6 ล้านบาท

แยกสัดส่วนการเสนอขายหุ้นทั้งหมดออกเป็น

  • บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ประมาณ 108,500,000 หุ้น สัดส่วน 21.9% 2.นักลงทุนสถาบันและ/หรือนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ(Book Building) ประมาณ 297,752,500 หุ้น สัดส่วน 60%
  • ผู้อุปการคุณของบริษัทไม่เกิน 36,500,000 หุ้น สัดส่วน 7.4% 4.บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทไม่เกิน 25,000,000 หุ้น สัดส่วน 5% และ 5.พนักงานของบริษัทประมาณไม่เกิน 28,500,000 หุ้น สัดส่วน 5.7%

โดยบริษัทมีแผนที่จะเรียกจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูลค่าหุ้นเพื่อล้างผลขาดทุนสะสมภายหลังขายหุ้นไอพีโอทันที หรือสามารถจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติเรื่องดังกล่าวภายในไตรมาส 4/64 สำหรับราคาหุ้น ONEE ปรับตัวต่ำกว่าราคาจองคงคาดเดายาก เพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในอนาคตจะเกิดเกิดเหตุการณ์รุนแรงกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ดังนั้นอยากให้นักลงทุนต้องมองโอกาสการเติบโตของ ONEE ในการสร้างรายได้ในอนาคต และมองที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ทั้งนี้สำหรับรายได้ 6 เดือนแรกปีนี้ 2,782.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.78% เทียบจากช่วงเดี่ยวกันปีก่อนโดยเป้าหมายรายได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี โดยช่องทางโทรทัศน์(TV) จะมีสัดส่วนที่ 40-45% จากเดิม 48% ช่องทางออนไลน์จะมีสัดส่วนที่ 25-28% จากเดิม 21% ช่องทางตลาดต่างประเทศ จะมีสัดส่วนที่ 7-10% จากเดิม 5% และช่องอื่นๆ จะมีสัดส่วนที่ 27% จากเดิม 12-25%

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

 

โลตัสลุยขาย “ใบกระท่อมสด” สนองเทรน หลังปลอดล็อค

“โลตัส”  สนองเทรนใบกระท่อมสด หลังภาครัฐปลดล็อกออกจากบัญชีสารเสพติดประเภท 5 วางเป็น “สินค้าใหม่” บนเชลลฟท์ผักแปรรูป ให้ประชาชนเลือกซื้อได้อย่างสะดวกในราคาที่ย่อมเยา

“โลตัส” ห้างค้าปลีกขนาดใหญี่ที่ครองใจคนไทยในเรื่องของสินค้าที่ถูก ภายใต้การบริหารของบริษัทสยามแม็คโคร ได้นำใบกระท่อมสด มาวางจำหน่ายในบางสาขาแล้ว บนเชลฟท์ผักและผลไม้แปรรูป เป็นแบรนด์ ของ”ทอมส์ ท่อม” (TOM’S TOM) ซึ่งเป็นการจัดจำหน่ายโดย บริษัท บลูเจย์ จำกัด วางจำหน่ายบนเชลฟท์ผักและผลไม้แปรรูป โดยมีป้ายกำกับสินค้าระบุว่าเป็น “สินค้าใหม่” จำหน่ายราคาชิ้นละ 99 บาท จากราคาปกติ 120 บาท/แพ็ก (80 กรัม)

สำหรับใบกระท่อมสด นอกจากปกติจะนิยมนำมาเคี้ยวกินน้ำแล้ว ยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น นำไปปั่นผสมกับเครื่องดื่มหรือน้ำปั่น  ต้มน้ำดื่ม รวมถึงการทำเป็นเมนูชุบแป้งทอด ซึ่งเมนูนี้จะได้รับความนิยมมากในประเทศมาเลเซีย โดยรับประทานคู่กับกาแฟหรือชา เนื่องจากพืชกระท่อมเป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์มาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากมีสรรพคุณทางยา สามารถลดอาการปวด ทำให้รู้สึกชา กดความรู้สึกเมื่อยล้า และช่วยให้กระปรี้กระเปร่า

ทั้งนี้หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ประกาศ ปลดล็อกพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ประเภทที่ 5 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2564ที่ผ่านมา สามารถปลูก ซื้อ ขาย ได้อย่างเสรี รวมถึงมีกระแสการนำใบกระท่อมมาทำเป็นอาหารเริ่มที่หลากหลายเมนู แต่ก็ยังมีข้อกำหนด เช่น ห้ามจำหน่ายให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือสตรีมีครรภ์ ห้ามจำหน่ายในวัด และโรงเรียน เป็นต้น

 

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ

ศูนย์วิจัยกสิกรเผย "กระท่อม" สร้างรายได้ 12,000 ต่อไร่

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เกษตรกรที่สนใจลงทุนปลูกต้นกระท่อมใหม่ คงต้องมีการวางแผนเพื่อตัดสินใจในการปลูกอย่างรอบคอบ เพราะยังขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุปสงค์ในระยะแรก ซึ่งคงต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ร่วมกับเงื่อนไขหลายประการ ที่สำคัญคือ เงินลงทุนในการเริ่มปลูก เงินทุนหมุนเวียนระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิต ระยะเวลาคืนทุน และความเสี่ยงของราคาขายที่จะได้รับ

ซึ่งระยะแรกภาพรวมธุรกิจกระท่อมต้องขึ้นอยู่กับอุปสงค์เป็นสำคัญภายใต้อุปทานที่มีจำกัด จึงถือว่าเป็นช่วงทดสอบตลาดผู้บริโภคว่าจะให้การตอบรับกับสินค้ากระท่อมได้ในระดับใด ซึ่งคงต้องรอดูผลตอบรับไปอีกสักระยะหนึ่ง

โดยผู้มีผลผลิตกระท่อมในมือจะได้รับประโยชน์ผ่านการขายใบกระท่อมสดที่มีราคาค่อนข้างสูงราว 250-350 บาทต่อกิโลกรัม คาดว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2564 (ก.ย.-ธ.ค.) รายได้เกษตรกรอาจอยู่ที่ราว 9,000-12,000 บาทต่อไร่ต่อเดือน ซึ่งเป็นเพียงการประเมินตัวเลขปัจจุบันในเบื้องต้น

ทั้งนี้ระยะข้างหน้าไม่สามารถใช้ตัวเลขดังกล่าวเป็นเครื่องชี้วัดอ้างอิงได้ เพราะรายได้เกษตรกรจะขึ้นอยู่กับการตอบรับของอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำที่ใช้กระท่อมเป็นวัตถุดิบเป็นสำคัญ

 

ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ

 

 

 

 

กระแสไม้ด่างฟีเวอร์ ปลุกกระแสบอนสี สร้างรายได้ 20ล้านบาทต่อเดือน

จากกระแสที่กำลังได้รับความนิยมของไม้ด่างจำนวนมาก หนึ่งในนั้นก็คือบอนสี เพราะ มองว่าเป็นศิลปะ ทำให้ราคาของบอนสีมีราคาที่สูงทำให้ออเดอร์การสั่งดอกไม้ลดลงไปอย่างมาก จึงได้มองหาธุรกิจเสริมที่จะเข้ามาช่วยทดแทนรายได้ที่หายไปจากการจำหน่ายดอกไม้

จังหวัดเชียงใหม่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งผลิตบอนสีที่เพาะพันธุ์ภายในประเทศส่งขายทั่วไทย ล่าสุดมีผู้ประกอบการนำเข้าดอกไม้ ได้ทดลองสั่งบอนสีจากจีนเข้ามาสร้างสีสัน และเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่นิยมเลี้ยงบอนสีในประเทศไทย  ปรากฎว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนทำให้ตลาดบอนสีคึกคักเป็นอย่างมาก

               ปัจจุบันกระแสบอนสีกำลังได้รับความนิยมมาก ทำให้ราคาบอนสีในไทยปรับราคาขึ้นตามกระแสความนิยม ลักษณะของบอนสีเหมือนงานศิลปะ มีลวดลายสีสันที่ไม่ซ้ำกัน สีที่กำลังได้รับความนิยม เน้นไปทางสีแดง สีสันสดใสจะจำหน่ายได้ง่าย ส่วนต้นที่มีใบสีขาว จะโตช้า เนื่องจากการสังเคราะห์แสงทำได้ไม่ดีนัก

สำหรับราคาบอนสีถ้าเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่หายาก ราคาสูงถึง 100,000 – 200,000 บาท บางต้นถ้าฟอร์มสวยราคาจะสูงไปมากกว่านี้ขึ้นอยู่กับพึงพอใจของผู้ซื้อ

ผู้ประกอบการนำเข้าไม้ดอกและไม้ใบ ต.เหมืองแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ณวิสาร์ มูลทา บอกว่า ก่อนหน้านี้คนให้ความสนใจเกี่ยวกับไม้ด่าง ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นไปสูง ขณะนี้ก็ยังมีกลุ่มที่สนใจไม้ด่างทำการซื้อขายกันอยู่ และในช่วงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้ออเดอร์การสั่งดอกไม้ลดลงไปอย่างมาก จึงได้มองหาธุรกิจเสริมที่จะเข้ามาช่วยทดแทนรายได้ที่หายไปจากการจำหน่ายดอกไม้  จึงได้วางแผนที่จะนำบอนสีจากจีนและ ฮอล์แลนด์เข้ามา ทำตลาดในประเทศไทย โดยเน้นจำหน่ายแบบยกกล่อง ราคาประมาณ 3,500-5,500 บาท มีประมาณ 20 ต้น ส่งจำหน่ายให้กับผู้รับซื้อที่ อ.ภูเรือ จ.เลย และ ตลาดไม้ดอกไม้ประดับคลอง 15 อ.องครักษ์ จ.นครนายก ซึ่งเป็นแหล่งจำหน่ายไม้ดอก ไม้ใบขนาดใหญ่

นอกจากนั้นยังเปิดขายให้กับรายย่อยที่ต้องการนำไปจำหน่าย หรือนำไปเลี้ยง แบบยกกล่อง ในเพจเฟซบุ๊ก “In Love Caladium” ทั้งนี้ในแต่ละเดือน ได้นำเข้าบอนสีมาประมาณ 10 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท

ทั้งนี้บอนสีมีความนิยมแพร่หลาย ไม่ได้นิยมเฉพาะในประเทศไทย แต่นิยมไปทั่วตลาดในประเทศเอเชีย โดยเฉพาะที่ เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย และ กัมพูชา ซึ่งการนำเข้าบอนสีจะเริ่มหยุดเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และจะเริ่มกลับมานำเข้าได้ให้ในช่วงฤดูฝนของปีหน้า

 

ขอบคุณ เนชั่น

 

 

 

5. ผู้ว่าภูเก็ต เดินหน้ายุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ ทดแทนรายได้ท่องเที่ยว

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตพยายามควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดและฟื้นฟูเศรษฐกิจไปพร้อมกันใช้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นบอร์ดในการจัดการออกมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภูเก็ต ต้องเดินต่อไปข้างหน้ามีเป้าหมายพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2565 ในวิสัยทัศน์ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรมบริการในระดับนานาชาติ และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมุ่งสู่จังหวัดที่พัฒนาแล้วภายในปี 2579

สำหรับการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวในไฮซีซั่นนี้ เมื่อระดับประเทศได้ผ่อนคลายลง มั่นใจว่าจะมีคนเข้ามามากขึ้นกว่าปัจจุบันเครื่องบินมามากขึ้น คนมามากขึ้นในประเทศจะเป็นผลบวกการฟื้นเศรษฐกิจ ในฐานะต้องรับผิดชอบตรงนี้ ต้องเตรียมการอย่างไม่ประมาท สถานการณ์ รอบข้างยังมี

ซึ่งภูเก็ตมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มากขึ้น ไม่แพร่เชื้อ ถ้ารักษาความเชื่อมั่นไปได้ตลอดเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ได้เน้นกลุ่ม 608เป็นวาระจังหวัดบูรณาการดูแลให้มากขึ้น เอาหมู่บ้านชุมชนเป็นตัวตั้งกลุ่มอสม.ที่เข้าถึงต้องเข้าไปดูแลค้นหากลุ่ม608 เป็นจุดแตกหักในระบบสาธารณสุขของภูเก็ต ทางรพ.สต.ต้องยกระดับมาตรฐานดูแลประชาชนมากขึ้นถ้ารพ.สต.ดูแลได้จะดูแลนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

สำหรับสมาร์ทซิตี้ ภูเก็ต มีระบบการฉีดวัคซีนที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับที่อื่นสามารถวางระบบการฉีดได้วันละ 15,000คน นำระบบเทคโนโลยีของกระทรวงดีอีเอสที่เข้ามาทำให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากที่ต่างๆไปยังศูนย์ควบคุมอย่างเป็นระบบมากขึ้น ในด้านเมดิคอลฮับ จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เสนอเป็นเจ้าภาพจัดงานEXPO ในปี 2028 อยู่ในขั้นตอนหารือกับทีเส็บถ้าจัดได้เป็นธีมสุขภาพต้องเตรียมการพอสมควรจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในแบบสุขภาพหรือwellness เชื่อมโยงเรื่องไมซ์ ( Mice )ถ้า จัดงานEXPOได้ มาเพื่อกิจกรรมเสริมรายได้ให้ภูเก็ตต่อไปนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะพูดว่า Work from Phuket และจะส่งเสริมมารีน่าฮับให้เป็นจุดเด่นมากขึ้น นำความมั่งคั่งมาสู่ภูเก็ต เรื่องทูน่าฮับ ภาคการประมงกับธุรกิจกำลังหารือกัน อยากให้มาช่วยกันคิดเราต้องอยู่กับโควิดให้ได้และเดินหน้าต่อไปได้ มีผู้รู้ได้คาดการณ์ว่าประมาณกลางปีหน้าปัญหาโควิดน่าจะเป็นปกติไปแต่กว่าจะถึงในช่วงนั้นเราจะต้องเดินต่อไปข้างหน้าให้ภูเก็ตกลับมาแข็งแรงสดใสยั่งยืน

โดยผ่านภูเก็ตรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวเพียงเสาเดียว เมื่อเสาพังลงมา จึงต้องเพิ่มให้มีหลายเสา หลายประเด็นอยู่ในยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด เศรษฐกิจฐานรากและการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อาทิ ประมงมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สำคัญ ใหัประมงพื้นบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น การทำเกษตรในพื้นที่แคบ ปลูกผักคอนโด ปลูกเห็ดทำแบบฟิวชั่นฟาร์ม พืชเศรษฐกิจ เช่น มะพร้าว ทุเรียน เป็นต้น จะแปรรูปได้มาก ให้หน่วยงานไปคิดวางแผนขึ้นมาภูเก็ตยังมีโรงเรียนนานาชาติ ระดับประถมและมัธยม จะต่อยอดให้คนมาอยู่นานขึ้นเศรษฐกิจขยายตัวได้มากขึ้นและไม่ทอดทิ้งเด็กที่ลำบาก ในเรื่องกีฬาจะทำสปอร์ตทัวริสซึ่ม นำการแข่งขันระดับโลกประเภทวอลเล่ย์บอล รักบี้ มวย เข้ามาจัดที่ภูเก็ตจะทำให้เป็นเมืองการกีฬาที่สำคัญ

รวมถึงเชื่อมั่นว่าถ้าทำอย่างเป็นระบบเราจะทำการตลาดท่องเที่ยวในอนาคตเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญสร้างความมั่นใจว่าวิกฤตที่ตั้งรับจะเป็นเชิงรุกสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวภูเก็ตอยู่ในวิสัยดูแลกันได้จะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ทุกภาคส่วนร่วมกันเชื่อมั่นว่าเราเดินไปได้

ในส่วนการทำหนังสือขอเรื่องเงินเยียวยาประกันสังคม ไปยังส่วนกลาง สภาพัฒน์ กำลังพิจารณา และทางจังหวัดไดัทำหนังสือขอทราบคำตอบตามไปแล้วรวมทั้งทำหนังสือถึงส.ส.ภูเก็ต ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย เพื่อจะได้มีการเยียวยาผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เดือดร้อนกันต่อไป

ทั้งนี้จากข้อมูล ปี 2562 ภูเก็ตมีรายได้การท่องเที่ยว 442,891 ล้านบาท นักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านคน ในปี 2563 เริ่มมีการติดเชื้อในประเทศไทย นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตลดลง เหลือ 4 ล้านคน รายได้การท่องเที่ยว ประมาณ 2แสนล้านบาท ปี 2564 เดือนมกราคมถึงมิถุนายน นักท่องเที่ยว กว่า4แสนคน รายได้ 4,905 ล้านบาท จากนั้นเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน นักท่องเที่ยว จำนวน 70,229 คน แยกเป็นนักท่องเที่ยวแซนด์บอกซ์ 46,423 คน รายได้ 2,147 ล้านบาท ยังไม่ถึงสิ้นปี 2564 มีรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท”

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ