LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564

เผยหุ้นเด่นประจำวันที่ 12.11.64 เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ขยับขึ้นตาม Sentiment

     นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะขยับขึ้นได้ตาม Sentiment ตลาดหุ้นทั่วโลกจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในแต่ละตลาดที่ออกมาดี และราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นด้วย รวมถึงบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ก็สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาที่สินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งการรีบาวด์ของ SET อาจมีจำกัด จากความกังวลเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ปรับขึ้นมา 1.58% และ US Dollar Index ก็ปรับขึ้นมาสูงสุดในรอบ 16 เดือน ทำให้คาดว่า SET จะไปได้ไม่ไกล

      ทำให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) วันนี้ จะมีการผ่อนปรนเพิ่มหรือไม่ อย่างในเรื่องการนำเข้าแรงงานต่างด้าว หากมีการผ่อนปรนจะเป็นผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และดูว่าจะผ่อนปรนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า หากทำได้ก็จะดีต่อกลุ่ม Reopeningพร้อมให้แนวรับ 1,625-1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,635-1,640 จุด

      นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท.กำลังติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นและสะท้อนไปยังราคาสินค้าที่อาจบั่นทอนแรงซื้อประชาชนที่ลดลงได้ ประกอบด้วย ต้นทุนวัตถุดิบทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ การเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาสินค้ากลางน้ำและปลายน้ำทยอยปรับราคา, แรงงานต่างด้าวขาดแคลนจากผลกระทบของโควิด-19 และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าและผันผวนที่กระทบต่อการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบและพลังงาน

    หุ้นเด่นวันนี้

        – SCB (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) “ซื้อ” เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 135 บาท ปัจจัยหนุนจากการที่ ธปท.ประกาศผ่อนคลายการจ่ายปันผลของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ สะท้อนความแข็งแกร่งของธนาคารไทย เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร (SCB บวกมากสุด) ผสานกับการที่ SCB เดินหน้าสู่การปรับโครงสร้างบริษัทลูก คาดจะช่วยหนุนการเติบโตในช่วงถัดไป

     – BEM (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 10 บาท มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วราคาหุ้นที่ลดลงเป็นโอกาสเข้าซื้อ จากทิศทางกำไรที่จะทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ Q4/64 ระยะกลางยาวมีปัจจัยบวกจากข่าวล่าสุดที่ รฟม. เปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้มูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาท โดย BEM และ CK เป็นเต็งหนึ่ง

      – TACC (ฟินันเซีย ไซรัส) ซื้อเป้า 9.50 บาท กำไร Q3/64 +4% Q-Q, +20% Y-Y ดีกว่าคาดแม้จะถูกกระทบทางอ้อมจากโควิด-19 และล็อกดาวน์ แต่สินค้าของ TACC ถูกกระทบน้อยกว่าคนอื่นและยังบริหารจัดการต้นทุนได้ดีเยี่ยม แนวโน้ม Q4/64 จะเร่งตัวขึ้นทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและ Character หลังลูกค้าเริ่มกลับมาทำโปรโมชั่นการตลาดอีกครั้ง ส่วนระยะยาวยังได้แรงหนนุจากการเติบโตไปในกัมพูชาและลาวตาม 7-11 รวมถึงการขยายฐานลูกค้า Non-7-11 พร้อมให้แนวรับ 7.70-7.80 บาท แนวต้าน 8.20-8.25 บาท

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ดาวน์โจนส์ร่วง 0.44% ขณะที่ดัชนีเอสแอน์พีและดัชนีแนสแด็กปรับตัวขึ้น

      ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 158.71 จุด หรือ 0.44%  ปิดที่ 35,921.23 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 2.56 จุด หรือ 0.06% ปิดที่ 4,649.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 81.58 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 15,704.28

      จุดเป็นวันทหารผ่านศึกของสหรัฐ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โดยตลาดพันธบัตรสหรัฐปิดทำการ แต่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงเปิดทำการซื้อขายตามปกติ หุ้นของบริษัทวอลท์ ดิสนีย์ดิ่งลงกว่า 8% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4 ของปีงบการเงิน 2564

      ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุดวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี อาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้

       นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกลางปีหน้า หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในเดือนต.ค.

      FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนก.ค.2565 จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนก.ย.2565

      ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 80% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.2565 และมีแนวโน้ม 100% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.2565 ส่วนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค.2565

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

   สัญญาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.2564 โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้สัญญาทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งสัญญาทองคำตลาด COMEX   ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 18.7 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 1,783.9 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลงราว 0.7% ในสัปดาห์นี้ แต่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค. โดยสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.1 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 23.949 ดอลลาร์/ออนซ์ , สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,020.7 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.10 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,980.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169

   สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างไร้ทิศทางกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. แต่ชะลอตัวจากระดับ 1.0% ในเดือนส.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคล ลดลง 1.0% ในเดือนก.ย.โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป พุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2534 โดยดัชนี PCE ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงานรวมถึงดัชนี PCE พื้นฐาน ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับเดือนส.ค.

    ทั้งนี้ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 71.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย.

 ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงในขณะที่เงินดอร์ล่าแข็งตัวขึ้น

      ราคาทองวันนี้พฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2564 เมื่อเวลา 09.28 น. พุ่งพรวดเดียว 400 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันพุธ โดยที่ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทองทั้งหมด 4 รอบ รวมราคาปรับลดลงเล็กน้อย 50 บาท ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน 2564 (ประกาศครั้งที่ 1) โดยราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 29,200 บาท รับซื้อบาทละ 28,091.48 บาท และราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 28,700 บาทรับซื้อบาทละ 28,600 บาท ซึ่งราคาทองคำ Spot เช้านี้เคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,844 ดอลลาร์ 

     หลังจากราคาทองคำโคเม็กซ์ปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาพุ่งขึ้น 17.5 ดอลลาร์ สู่บริเวณ 1,848.3 ดอลลาร์ เนื่องมาจากได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี ราคาทองคําฮ่องกงเปิดตลาดเช้านี้เพิ่มขึ้น 200 ดอลลาร์ฮ่องกง สู่ระดับ 17,190 ดอลลาร์ฮ่องกง

 

      ทั้งนี้ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% เมื่อวันพุธที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมาพบว่า (ประกาศครั้งที่ 4 ครั้งสุดท้าย) ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,800 บาท รับซื้อบาทละ 27,697.32 บาท และราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 28,300 บาท รับซื้อบาทละ 28,200 บาท

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

ธปท. ผ่อนคลายนโยบายการจ่ายเงินปันผลของสถาบันการเงิน

     นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า  ธปท. ได้กำหนดแนวทางการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 พิจารณาจากผลการประเมิน เพื่อทดสอบระดับเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ภายใต้ภาวะวิกฤต (stress test) ในช่วงปี 2564-2566 พบว่าระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีความแข็งแกร่งเพียงพอรองรับสถานการณ์ดังกล่าวได้ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ได้เพิ่มความระมัดระวังด้วยการทยอยตั้งสำรองและสะสมเงินกองทุนมาโดยตลอด ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีอัตราการกันเงินสำรองสูงถึง 1.55 เท่าของสินเชื่อด้อยคุณภาพ และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ร้อยละ 19.9 ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564

      โดยนโยบายดังกล่าวจะช่วยให้ระบบสถาบันการเงินไทยเข้มแข็ง มีกันชนรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถช่วยเหลือลูกหนี้และสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง

      ดังนั้น ด้วยระบบสถาบันการเงินที่ยังแข็งแกร่ง มีเงินสำรองและเงินกองทุนรองรับสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า ธปท. จึงเห็นควรผ่อนคลายมาตรการการจ่ายเงินปันผล โดยยกเลิกการกำหนดเพดานไม่ให้จ่ายเกินอัตราการจ่ายในอดีต

     ทั้งนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว สถาบันการเงินยังจำเป็นต้องเสริมสร้างเงินกองทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง จึงยังกำหนดให้จ่ายเงินปันผลไม่เกินอัตราร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิประจำปี 2564 รวมทั้งให้ยึดหลักความระมัดระวัง ให้สอดคล้องกับฐานะผลการดำเนินงานของสถาบันการเงิน และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

เนชั่น พลิกมีกำไร 19.73ล้าน พร้อมเดินหน้าสำนักข่าวคุณภาพสร้าง สร้างจุดเด่น เจาะคนรุ่นใหม่วัยทำงาน

      นายสุภวัฒน์ สงวนงาม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 เป็นการกลับมามีกำไรในรอบไตรมาสของปี 2564 โดยมีกำไรส่วนของบริษัทอยู่ที่ 19.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.84% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน อยู่ที่ 12.50 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 15.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.04% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 13.58 ล้านบาท

       รายได้รวมไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่  152.37 ล้านบาท ลดลง 4.10% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่  158.74 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจหลักที่มีรายได้จากโฆษณาทีวี และงานอีเวนท์ ลดลง เพราะ ไม่สามารถจัดงานอีเวนท์ได้ แต่เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการควบคุมค่าใช้จ่ายและบริหารต้นทุนที่ดีมาโดยตลอด

       ในช่วงที่ผ่านมาในกลุ่มธุรกิจทีวี เนชั่น 22 ได้มีการปรับเนื้อหาเพื่อเพิ่มฐานกลุ่มคนดูให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีกลุ่มคนดูในกรุงเทพฯและในจังหวัดใหญ่ ได้ขยายไปยังต่างจังหวัดด้วยคอนเทนต์ที่เข้าถึงผ่านกองบรรณาธิการข่าวที่ทำงานร่วมกันไม่เน้นที่ตัวบุคคล เพื่อตอกย้ำการเป็นสำนักข่าวที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ ส่งผลทำให้ฐานคนดูเพิ่มขึ้นเฉลี่ยระดับแสนคนต่อวันรวมทั้งการเริ่มขยายกลุ่มคนดูที่อายุต่ำระหว่าง 25-45 ปี ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านการทำคู่ขนานไปกับทีวี ส่งผลทำให้มีผู้ติดตามในออนไลน์ 14-15 ล้านคน และยอดติดตามชม 140 ล้านครั้งในทุกแพลตฟอร์มมีอัตราการเติบโต 100 %

       หลังจากปรับผังข่าวและรายการของ เนชั่น22  ด้วยการเน้นกองข่าวเป็นหลักส่งผลต่อฐานกลุ่มคนดูมากขึ้น   ซึ่งสะท้อนแผนยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับจุดเด่นสื่อที่มีคอนเทนต์คุณภาพ  เข้มข้น และข่าวเชิงลึก ต่างจากช่องอื่น  แต่ที่เพิ่มเติมกลุ่มคนดูที่เป็นวัยเริ่มต้นทำงานควบคู่กันไปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เน้นมากขึ้นในปี 2564 สำหรับเป้าหมายในปี 2565 ในธุรกิจทีวี เน้นการเป็นสำนักข่าวและเพิ่มความแข็งแกร่งด้านในการเป็นผู้นำ Content Provider เพื่อเชื่อมโยงคนดูทั้งทีวี ออนไลน์ และงานอีเวนท์เข้าด้วยกัน ซึ่งจะมีการเพิ่มทีมผู้ประกาศเพิ่มเติมเข้ามาอีก ร่วมทั้งปรับผังรายการในช่วงเดือน ธ.ค. 2564 เพื่อก้าวสู่ Top 10 อุตสาหกรรม และยังส่งผลต่อการเพิ่มรายได้ในอนาคต  จากการเป็นโซลูชั่นที่ครบวงจรตอบสนองลูกค้าในการซื้อโฆษณาได้ครอบคลุม

      ทั้งนี้ด้านออนไลน์จะมีรายการเพื่อตอบโจทย์คนดูกลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น และสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากทีวีจากปัจจุบัน รายงานออนไลน์อิงทีวี 30-40 %  แต่ภายใน 3 ข้างหน้าปี คือ 2565-2567 ในส่วนของรายการออนไลน์จะมีคอนเทนต์ที่แตกต่างชัดเจน เพื่อตอบสนองกลุ่มคนดีมากขึ้น   รวมทั้งการนำคอนเทนต์และเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมโยงคนดู   ด้วยปัจจุบันฐานคนดูที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มากจากกลุ่มวีดิโอที่จะมีการดึงผู้ชมให้มีส่วนร่วมได้มากขึ้นในอนาคต สำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์ภายใต้ NBC มีทั้ง 4 แบรนด์ ประกอบไปด้วย   เนชั่นออนไลน์  คมชัดลึกออนไลน์  ไทยนิวส์  และล่าสุดได้มีการเข้าซื้อคอนเทนต์ออนไลน์ The people เข้ามาเสริมทีมออนไลน์ ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ดาต้า ด้านบุคคลและมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทำให้สามารถนำมาพัฒนาคอนเทนต์ได้ในอนาคต

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ