
ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 25 ตุลาคม 2564
เผยราคาบิตคอยน์วันนี้ 25 ต.ค. 64 ปรับลง -2.23%
ราคาบิตคอยน์วันนี้ 25 ต.ค. 64 ปรับลง -2.23% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน อยู่ที่ 63,239.40 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,106,504.41 บาท โดยมีมูลค่าซื้อขายรวมกันคือ 43.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อเวลา 7:34 น.
สำหรับเหรียญดิจิทัลอื่นๆ Ethereum ปรับลง .47% Binance Coin ปรับลง .47% และ Dogecoin ปรับลง .01% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- Bitcoin (BTC) ราคา 63,239.40 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.23%
- Binance Coin (BNB) ราคา 488.42 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.47%
- Cardano (ADA) ราคา 2.20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.80%
- Dogecoin (DOGE) ราคา .25 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -1.63%
- Ethereum (ETH) ราคา 4,142.64 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.47%
- Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
- XRP (XRP) ราคา 1.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.50%
- XRP (XRP) ราคา 1.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.50%
- USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
- Polkadot (DOT) ราคา 45.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.62%
- Terra (LUNA) ราคา 44.14 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +6.30%
หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขายผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th
ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ยังคงแข็งค่า เงินดอร์ล่ามีแนวโน้มแกว่งตัว
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า วันนี้ 25 ต.ค. 64ดอลลาร์ และค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ คือ 25-29 ต.ค.64 อยู่ที่ระดับ 33.00-33.45 บาท/ดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ตามฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงแรงขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมาก โดยเริ่มเห็นผู้นำเข้าทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน โดยแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.00-33.10 บาทต่อ
ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทยังมีแนวต้านสำคัญอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอเข้ามาทยอยขายดอลลาร์ สำหรับค่าเงินบาทระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่สูง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองที่เชื่อว่า เงินบาทยังสามารถอ่อนค่าแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้อยู่ ทำให้ผู้เล่นกลุ่มนี้ยังคงรอจังหวะเข้ามา Short เงินบาท หากเงินบาทแข็งค่าทะลุระดับดังกล่าว ก็อาจทำให้เห็นโฟลว์ cover short ซึ่งจะยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าได้เร็วในระยะสั้นได้เช่นกัน
เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways แต่อาจอ่อนค่าลงตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้ ปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเร็วกว่าคาด จะช่วยพยุงให้เงินดอลลาร์ไม่อ่อนค่าไปมาก นอกจากนี้ หาก ECB ยังไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งรีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดก็อาจกดดัน.เงินยูโร (EUR) และช่วยพยุงเงินดอลลาร์ได้
ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่ 25-29 ต.ค.64 ตลาดจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับมาตรการคิวอี และยังคงติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก
ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ
เผยหุ้นที่ได้รับอนิสงค์จากโครงการรัฐบาลช่วยเหลือประชาชน
จากกรณีรัฐบาลได้เดินหน้าเปิดโครงการช่วยเหลือประชาชน จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยอนุมัติบประมาณอีก 5.4 หมื่นล้านบาท โดยมาตรการที่ออกมา คาดว่าจะมีหุ้นหลายตัวที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้น TNP เป็นหนึ่งในร้านค้าธงฟ้าได้รับประโยชน์จากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อของรัฐ โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ปรับตัวเพิ่มวงเงินเป็น 500 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ 400 บาทต่อเดือน ในช่วงเดือน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ 4Q64 ให้เติบโต QoQ
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า มาตรการต่างๆช่วยเสริมภาพการฟื้นตัวหุ้นกลุ่มค้าปลีกจาก จุดต่ำสุดใน 3Q64 และจะดีขึ้นใน 4Q64 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ซึ่งบางหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปบ้างแล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนปัจจุบันเทียบช่วงวันที่เริ่ม Lockdown 12 ก.ค. 2564 พบว่า หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกประกอบด้วย MAKRO (+32.8%), COM7 (+9.4%), CPALL (+7.9%), CRC (+5.23%) ในกลุ่มดังกล่าว ฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ CPALL ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 70.50 บาท จากแนวโน้มกำไรปี 2565 ฟื้นตัว 65% สูงเป็นลำดับต้นของกลุ่ม เพิ่มขึ้นอีก 18% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นค้าปลีก บางส่วนที่ราคายัง Laggard เช่น HMPRO (+2.2%), BJC (-1.5%), SPVI (-4.8%), DOHOME (-8.8%) มีความน่าสนใจในเรื่องการฟื้นตัวเช่นกัน โดยปัจจัยขับเคลื่อนที่ มีดังนี้
BJC ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 38.70 บาท และ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 40.50 บาท ระยะสั้นอาจเน้นการเก็งกำไร แม้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) 3Q64 มีแนวโน้มทำได้ดี ประเมินลดลงราว 5%-10%yoy เทียบกับ 1H64 ลดลงราว 18%yoy แต่มีความเสี่ยงหักล้างจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติในบรรจุภัณฑ์แก้ว และอลูมิเนียมในบรรจุภัณฑ์กระป๋อง โดยฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างติดตามความชัดเจนแนวทางการบริหารต้นทุนของ BJC เพื่อประเมิน Downside ทั้งนี้ ถ้าผลกระทบต้นทุนจำกัด แนวโน้มการฟื้นตัวกำไรปี 2565 ของ BJC จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ค่อนข้างเด่นลำดับต้นๆ ของกลุ่มที่ 44%
DOHOME ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 30.70 บาท หุ้นสะท้อนแนวโน้มกำไร 3Q64 ที่อาจต่ำกว่าที่ตลาด แต่จะฟื้นตัวกลับมาใน 4Q64 หลังยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวเร็วระดับเกิน 30% ในช่วง MTD ต.ค. 2564 และน่าจะได้อานิสงส์ เช่นเดียวกับ HMPRO หากรัฐออกมาตรการช้อปดีมีคืน
HMPRO ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 16.00 บาท แนวโน้มการฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว ยอดขายสาขาเดิม MTD ต.ค. 2564 กลับมาเติบโตได้ในระดับ 10%yoy ขณะที่การฟื้นตัวต่อเนื่อง 16.4% และ 14.1% ปี 2565-2566 มาจากทุกแรงหนุนทั้งยอดขาย, ธุรกิจพื้นที่เช่าและมาร์จิ้น รวมถึง ระยะถัดไปจะได้ผลบวก หากรัฐพิจารณานำนโยบายช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้ง
SPVI ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 8.08 บาท และ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 8.80 บาท ยอดขายหลังจาก iPhone 13 เปิดตัวเติบโตชัดเจน ขณะที่การขายสินค้า iPad ในสาขา U Store ยังเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนยอดขาย MTD ต.ค. 2564 ที่สูงกว่าช่วง ต.ค. 2563 ทั้งเดือน และเช่นกันระยะถัดไปจะได้ผลบวกชัดเจนหากรัฐพิจารณานโยบายช้อปดีมีคืนอีกครั้ง
ทั้งนี้ในขณะที่ภาพรวมแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และการเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ รวมถึงความคาดหวังโครงการใหม่ๆ ที่ยังมีอยู่สูง จะช่วยหนุนให้หุ้นค้าปลีกฟื้นตัวได้ต่อ โดยฝ่ายวิจัยเลือก CPALL และ HMPRO เป็นส่วนหนึ่งของหุ้น Top Pick ในพอร์ตจำลองของฝ่ายวิจัย
ขอบคุณ : กรุงเทพธรกิจ
หุ้นไทยลุ้นแตะ 1,660 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 25-29 ต.ค.64 จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610-1,630 จุด แนวต้าน 1,650 – 1,660 จุด โดยได้รับอานิสงส์หลังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี สอดรับแผนเปิดประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐดีกว่าคาด สร้าง sentiment บวกต่อการลงทุน จากรายงานงบ 3Q64 ภาค real sector ของบริษัทจดทะเบียนใน SET อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนช่วงสั้น รวมทั้งยังมีความกังวลเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท,SPALI ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท, BEM ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,630-1,660 จุด ตอบรับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติ ทั้งนี้ ต้องรอติดตามการประชุม ECB และ BOJ, ตัวเลข GDP สหรัฐ และ ยุโรป ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินอาจกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนได้ โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ PTTEP ราคาเป้าหมาย 135.00 บาท,SIRI ราคาเป้าหมาย 1.45 บาท,HMPRO ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) มีกรอบที่ 1,625-1,660 จุด มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวมาตรการคนละครึ่งเฟสใหม่ที่จะเติมเงินในเดือน พ.ย.นี้หนุนการบริโภค รวมทั้งการปลดล็อค LTV ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ BDMS ราคาเป้าหมาย 24.60 บาท , SPALI ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท
ทั้งนี้ตลาดอาจถูกกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่เริ่มกลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง และแนวโน้มราคาพลังงานและเงินเฟ้อที่อาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
บิ๊กการเงิน เร่งประสานความร่วมมือ รองรับการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ไปหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล คริปโทเคอร์เรนซี่ เงินสกุลดิจิทัลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายกำกับดูแลแล้ว แต่ยังมีหลายฝ่ายตั้งประเด็นสงสัยเกี่ยวกับบทบาทการกำกับดูแล ดังนั้นจึงต้องการให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
ขณะนี้มีผู้ประกอบการรายหลายมาขอใบอนุญาตทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แล้ว รวมถึงการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี่เป็นไปตามเศรษฐกิจโลก แต่สำหรับประเทศไทย จะเติบโตแค่ไหนอย่างไ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศด้วย ซึ่งไทยไม่ได้ปิดกั้นการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการลงทุน เพราะเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเรื่องใหม่ การกำกับดูแลก็ต้องชัดเจนด้วย แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทยจะเคยคุยกันเรื่องบทบาทหน้าที่การกำกับดูแล้ว แต่กระทรวงการคลัง อยากให้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อกำหนดแนวทางและบทบาทการดูแลผู้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
ทั้งนี้ได้เร่งให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ผู้ลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินสกุลดิจิทัลด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และเป็นเรื่องจำเป็น เพราะทั่วโลกกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การใช้เงินสกุลดิจิทัล ซึ่งในขณะเดียวกันการลงทุนด้วยเงินดิจิทัล ก็มีข้อควรระวัง คือ เรื่องการหลอกหลวง เพราะเงินสกุลดิจิทัล จะเห็นเพียงตัวเลข แต่ไม่เห็นเงินจริง ดังนั้นต้องระมัดระวังและเตือนนักลงทุนเพื่อมิให้ถูกหลอกในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล
ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด