
ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 7 ธันวาคม 2564
หุ้นเด่นวันนี้
ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 205,000,244 หน้วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 18.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (1 ธันวาคม 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.10 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 31 พ.ค. 2565วันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 30 พ.ย. 2566
PTTEP (กรุงศรี) ซื้อเป้า 150 บาท ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกโดยตรงกับ PTTEP เนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link แนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/64 คาดสูงขึ้น qoq และ yoy ตามราคาขายที่เพิ่มขึ้นและไตรมาสนี้คาดว่าจะไม่มี Hedging loss เหมือน Q2/64 และ Q3/64
CRC (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 36 บาท คาดยอดขายในประเทศนับตั้งแต่ Q4/64 ฟื้นตัว กำลังซื้อกลับมาหลังเปิดเมือง, การเพิ่มสัดส่วนใน Grab จะเสริมความแข็งแกร่งในช่องทางการขาย พร้อมปรับตัวสู่โลก Block chain พัฒนา Digital Token C-Coin ทดลองใช้ในกลุ่มพนักงาน 8 หมื่นราย คาดปี 65 พร้อมให้ลูกค้าใช้งาน ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2564 ขาดทุนที่ 1.46 พันลบ. ส่วนปี 2565 พลิกเป็นกำไรที่ 3.9 พันลบ. ตามลำดับ
NSL (ฟินันเซีย ไซรัส) ซื้อเป้า 23 บาท แนวโน้ม Q4/64 จะฟื้นแรงตามสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายและทำให้ลูกค้าเข้า 7-11 มากขึ้น รวมถึงปัญหา Supply Chain ที่หมดไป ทำให้ทั้งรายได้และ Margin ฟื้นตัวอย่างมีนัยยะ พร้อมคาดกำไรปี 2564 +25% Y-Y และเร่งตัวปีหน้า +44% Y-Y โดยระยะถัดไปคาดจะเติบโตในกัมพูชาตาม 7-11 เช่นกัน โดยให้แนวรับ 19-18.50 บาท แนวต้าน 20-20.40 บาท
ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,227.03 จุด เพิ่มขึ้น 646.95 จุด หรือ +1.87%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,591.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด หรือ +1.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,225.15 จุด เพิ่มขึ้น 139.68 จุด หรือ +0.93%
นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวานนี้ว่า แม้ดูเหมือนว่าเร็วเกินไปที่จะออกมาสรุปในเรื่องนี้ แต่นับจนถึงขณะนี้เรายังไม่มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าไวรัสโอไมครอนก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง
สอดคล้องกับที่นายมาร์โก โคลาโนวิช และนายบราม แคปแลน นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า แม้ว่าโอไมครอนจะระบาดได้รวดเร็วกว่า แต่รายงานก็บ่งชี้ว่าสายพันธุ์นี้มีความรุนแรงน้อยกว่า ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบวิวัฒนาการของไวรัสในอดีตที่บ่งชี้ว่า ไวรัสที่มีการแพร่ระบาดมากกว่า แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า จะเข้ามาแทนที่ไวรัสสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมากกว่า ซึ่งจะทำให้โอไมครอนเป็นตัวเร่งให้การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโควิด-19 นั้น กลายเป็นเพียงบางสิ่งที่คล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเท่านั้น
การแสดงมุมมองบวกของเหล่าผู้เชี่ยวชาญได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรม หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นเกือบ 5% เมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจเช่นกัน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยการประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้
ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนต.ค., ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 3/2564, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดปรับตัวลง 4.40 ดอลลาร์
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ. ลดลง 4.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,779.50 ดอลลาร์/ออนซ์
โดยราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันท่ามกลางความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) เร็วกว่าที่คาดไว้
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้ส่งสัญญาณยุติโครงการคิวอีเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เฟดอาจปรับลดวงเงินคิวอีมากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค. 64
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมวันที่ 3 พ.ย. และเฟดจะปรับลดวงเงินคิวอีเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย.64
โดยเฟดจะปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเดือนละ 10,000 ล้านดอลลาร์ และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) เดือนละ 5,000 ล้านดอลลาร์ การลดวงเงินคิวอีดังกล่าวจะทำให้เฟดยุติการทำคิวอีโดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
โกลด์แมน แซคส์ ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงินคิวอีเป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. 2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ แม้ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก แต่อาการไม่รุนแรง
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ แม้จะไทยจะพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก แต่เท่าที่ติดตามข่าวทั่วโลกมาปรากฏว่าอาการไม่ได้รุนแรง ทำให้ผ่อนคลายความกังวลไปได้บ้าง แม้ว่าสายพันธุ์นี้จะมีการแพร่กระจายได้เร็ว แต่อาการอ่อนกว่าสายพันธุ์เดลตา
เมื่อวานนี้ราคาน้ำมันก็พุ่งแรงเกือบ 5% ทำให้น่าจะไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีได้ อย่างไรก็ดี บรรยากาศอาจเป็นลักษณะชะลอการลงทุน เนื่องจากสัปดาห์นี้คาบเกี่ยวกับวันหยุดต่อเนื่อง
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้รีบาวด์ราว 0.2-0.3% หลังวานนี้ปรับตัวลงไปมาก พร้อมให้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจของจีน อย่างตัวเลขการค้า และตัวเลขเงินเฟ้อ เป็นต้น พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,605 จุด
ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
10 เทรนด์อีคอมเมิร์ซในปี 2565
ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้คร่ำหวอดใน อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ ของไทย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอตลาดดอทคอม เปิดคาดการณ์ 10 เทรนด์อีคอมเมิร์ซในปี 2565
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คริปโทคอมเมิร์ซ ซูเปอร์แอพ รวมไปถึงการเติบโตของ วิธี การในการทำอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะในเรื่องของการ ไลฟ์ ที่จะกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ ขณะที่ กลุ่มJSL อันประกอบด้วยJD Central , Shopee และ Lazada ที่ปีหน้าจะเริ่มทำกำไรได้แล้ว
สำหรับ 10 เทรนด์อีคอมเมิร์ซที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 มีดังนี้
1.อีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นช่องทางหลักของธุรกิจปี 2564
อาจจะยังไม่ค่อยชัดมากเท่าไหร่ แต่ปี 2565 จะชัดมากว่าอีคอมเมิร์ซจะกลายเป็นช่องทางหลักในแง่ของบางธุรกิจยอดขายต่าง ๆ บางกลุ่มอีคอมเมิร์ซอาจจะไม่เมาก แต่เมื่อดูอัตราการเติบโตผมบอกได้เลยว่าน่าจะโตขึ้นอีกมหาศาลเลยทีเดียวในเชิงของการขาย
2.JSL ปีหน้าจะเริ่มทำกำไรได้แล้ว กลุ่ม JSL ประกอบด้วย เจดีเซ็นทรัล (JD Central), ช้อปปี้ (Shopee) และลาซาด้า (Lazada)
จะพยายามเข้าสู่โหมดการทำกำไร อย่างเมื่อกลางปี 2564 ลาซาด้า ส่งงบกลางปีต่อกระทรวงพาณิชย์ ตอนนี้รายได้ 1.4 หมื่นกว่าล้านบาท กำไรสูงถึง 226 ล้านได้ ตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าสงครามยังคงมีอยู่ แต่บางเจ้าเริ่มหยุดการสาดเงิน เริ่มมาโฟกัสที่การทำให้เกิดรายได้ของธุรกิจมากขึ้นกำไรของพวกมาร์เก็ตเพลสนั้น lazada กับ shopee จะได้มาต่างกัน shopee จะมาจากค่าคอมมิชชั่นจากการขายทุกร้านที่ไปเปิดต้องเสียค่าคอมมิชชั่นและการซื้อโฆษณาภายในเว็บไซต์ แต่ลาซาด้าจะเอาโมเดลจากจีนมาซึ่งมี 2 โมเดล คือ แบบแรกแบบ Taobao ก็คือแบบลาซาด้ามาร์เก็ตเพลสทั่วไปตรงนี้รายได้มาจากโฆษณา ผู้ประกอบการรายย่อยที่ไปขายของจะไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น แต่หากต้องการยอดขายเพิ่มอาจต้องไปซื้อโฆษณาเพิ่ม ส่วนอีกโมเดลหนึ่งคือ LazMall ตรงนี้เปิดให้เฉพาะเจ้าของแบรนด์สินค้า ซึ่งต่องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 2-10% ขึ้นอยู่กับประเภทหมวดหมู่สินค้า เมื่อเปรียบเทียบก็ยังถือว่าต่ำการนำไปขายในช่องทางค้าปลีกทั่ว ๆ ไปที่อาจอยู่ที่ 30% เลย นอกจากนี้ยังค่าเช่าพื้นที่ ค่าพนักงานที่ไปยืนขาย ฯลฯ มเดลรูปแบบใหม่ที่เป็นออนไลน์จะทำให้เจ้าของสินค้าต่างๆ เริ่มสนใจเพราะค่ามาร์จิ้นหรือคอมมิชชั่นที่ต้องจ่ายให้กับเจ้าของช่องทางการขายค่อนข้างต่ำกว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมี บรรดามาร์เก็ตเพลสหรือ JSL จึงมุ่งไปที่แบรนด์สินค้าหรือโรงงานต่าง ๆ เพราะกลุ่มนี้เมื่อลงโฆษณาออนไลน์จะจ่ายน้อยกว่าและเห็นยอดขายเลยทันที ซึ่งตรงนี้จึงทำให้รายได้ของผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสโตขึ้น เพราะแบรนด์ต่าง ๆ เบนเข็มเบนเม็ดเงินจากที่ไปจ่ายตามสื่อต่าง ๆ มาลงบนออนไลน์เพิ่มมากขึ้น กลายเป็นว่าผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสเริ่มมีรายได้มากขึ้นและเห็นแววว่าจะมีกำไรแล้ว
3.สงครามการเป็นซูเปอร์แอพ (SuperApp) แอพที่ต้องเปิดทุกวัน
เป็นแอพพลิเคชั่นที่มีทุกบริการอยู่ภายในรายที่มีความใกล้เคียงเป็นซูเปอร์แอพมาก คือ แกร็บ สั่งอาหารได้ ส่งสินค้าได้ ปัจจุบันสั่งสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ ยังมีวอลเล็ทมีให้กู้เงิน ฯลฯ หรือ “ทรูมันนี่” เริ่มเป็นซูเปอร์แอพแล้ว ปัจจุบันมีกระเป๋าเงินจ่ายเงินได้ ซื้อกองทุน จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ ทำได้หมดทุกอย่าง อีกรายที่น่ากลัวมาก คือ ช้อปปี้ ที่ปัจจุบันมีทุกอย่างและรุกหนักมาก และจะไปต่อ คือ ShopeeFood, Shopee Travel นี่คือแนวโน้มของการทำอีคอมเมิร์ซในปีหน้า ทุกรายพยายามจะกระโดดเข้ามาเป็นซูเปอร์แอพ ทุกรายขายของอยู่แล้วแต่พยายามจะขายของให้มีความหลากหลายมากขึ้น อาศัยฐานที่ตัวเองมี ทำให้ลูกค้าไม่ต้องออกไปไหนอยู่แต่ในแพลตฟอร์มตัวเองเท่านั้น เช่นเดียวกับ แฟลช เอ็กซ์เพรส นอกจากทำขนส่ง ยังมีแผนจะไปทำ Flash Pay, Flash Warehouse พยายามกระโดดไปทำทุกอย่างเหมือนกัน
4. ไลฟ์คอมเมิร์ซ+โออีเอ็ม (OEM) การขายของออนไลน์ผ่านการถ่ายทอดสดปีหน้า จะเป็นการขายทางออนไลน์แบบซีเรียสขึ้น เรียกว่า เป็นโปรเฟสชั่นนัล ไลฟ์ คอมเมิร์ซ และ ขายได้ในระดับหลายร้อยล้าน เช่น พิมรี่พาย live commerce + OEM คือ เมื่อก่อนเราอาจจะเอาของคนอื่นมาขาย แต่ปัจจุบันไม่ต้อง เมื่อไลฟ์บ่อย มีฐานลูกค้ามีคนติดตามแล้ว ก็หันจ้างบริษัทอื่นผลิตสินค้าเองเลย จะเริ่มเห็นหลายๆ คนเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง เพราะอาจได้กำไรมากกว่าเดิม 100-200%”
5.คอมบายน์ แอนด์ ออโตเมท อีคอมเมิร์ซ (Combine and automated e-commerce)
ต่อไปทุกช่องทางการขายจะถูกหล่อหลอมเข้าด้วยกัน อยู่ในช่องทางเดียวกัน ยอดขายจากออนไลน์ ยอดขายจากทีวี และจากทุกสื่อทุกช่องทาง จะสามารถดึงข้อมูลมารวมไว้ที่เดียว เพื่อมาวิเคราะห์ว่าช่องทางไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ช่องทางไหนเวิร์คสุดเมื่อรวมข้อมูลทั้งหมดมาอยู่ในที่เดียวกันได้ สิ่งที่ตามมาคือ automated คือสามารถต่ออัตโนมัติ เอาพวกแชทบอทเข้ามาช่วยได้ ระบบออกบิล การเก็บข้อมูลทุกอย่าง ฯลฯ การขายของในปัจจุบันจะรวดเร็วขึ้นและจะอัตโนมัติมากขึ้นเลยทีเดียวล่าสุดพัฒนา TARAD U-Commerce 2.0 เป็นระบบที่สามารถรวบรวมยอดขายได้ทุกช่องทางไว้ที่เดียว รวมทั้งการส่งสินค้าจากหลายๆ ขนส่งที่ถูกกว่มปกติผ่าน Shippop และมีระบบชำระเงินทุกช่องทางของ PaySolutions รวมอยู่ที่เดียว
6. รีเทล ออโตเมชั่น การมาของเครื่องขายของอัจฉริยะตลอด 24 ชั่วโมงไม่ต้องใช้คนการค้าปลีกแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คน โดยปีหน้าจะเริ่มเห็นพวกเวนดิ้ง แมชชีน พวกตู้ขายสินค้าอัตโนมัติต่างๆ ที่สามารถขายสินค้าได้ 24 ชั่วโมงมากขึ้น
7.การขายของออนไลน์ในปีหน้าจะดุมากขึ้น aggressive มากขึ้น
งบประมาณโฆษณาที่ใช้เท่าเดิม ยอดขายจะได้น้อยลง เมื่อทุกคนกระโดดเข้ามาสู่อีคอมเมิร์ซมากขึ้น สิ่งที่จะเกิดขึ้น คือ เขาต้องใช้งบประมาณในการกระตุ้นต่างๆ เมื่อเริ่มใช้งบมากขึ้น งบเริ่มไม่ค่อยได้ผล การแข่งขันมากขึ้น ดังนั้น ตลาดการลงโฆษณา ตลาดการแข่งขันขายของออนไลน์จะดุเดือดมากกว่าปีที่ผ่านๆ มา
8.คริปโทคอมเมิร์ซ เป็นคำใหม่ขอใช้คำว่า “Crypto Commerce”
คือ ใช้สกุลเงินคริปโตมาร่วมกับการค้าอย่างจริงจัง ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีการใช้เหรียญคริปโตมาใช้ แต่เป็นการใช้ในแง่การลงทุน เก็งกำไร ปีหน้าจะเริ่มเจอว่ามีการเอาเงินคริปโตมาซื้อของ ซึ่งปีนี้เริ่มมีให้เห็นแล้ว เช่น ใช้คริปโตซื้อรถยนต์ได้
9. D2C จะเริ่มเหิมเกริมมากกว่าเดิม (Direct to Consumer)
เพราะทุกแบรนด์สินค้าและโรงงานต่างๆ ต่างโดดเข้ามาขายออนไลน์เองกันหมด เริ่มหันมาขายในมาร์เก็ตเพลส ขายผ่านโซเชียลมีเดีย เริ่มสร้างทีมของตัวเอง และเปิดร้านขายเอง ส่งเอง ตรงสู่ผู้บริโภคมากขึ้นอนาคตของค้าปลีกตัวกลางอย่างดีเลอร์ และร้านค้าต่างๆ ที่ผมเคยเตือนไว้ เริ่มชัดแล้วว่าบทบาทความสำคัญจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ และปีหน้าจะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออีคอมเมิร์ซเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ
10.การถดถอยของธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่น (Local Business Decline)
เมื่อ 1-9 มารวมกันจะเกิดการที่ธุรกิจท้องถิ่นที่อยู่ต่างจังหวัด ร้านโชห่วย ร้านค้าขนาดเล็ก ฯลฯ จะเริ่มเห็นการหดตัวในปี 2565 เพราะผู้บริโภคจะเริ่มคุ้นชินกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น จะกระทบกับธุรกิจค้าปลีกทันที ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ต่อไปจะมีผลกระทบมากขึ้นเลยทีเดียว ร้านเหล่านี้จะมีขนาดเล็กลง ยอดขายจะตกลงด้วยเหมือนกัน
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด