LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564

ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขาขึ้น1,630-1,645 จุด แต่ดาวน์ไซด์ไม่มีมาก

      บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า คาดดัชนี SET Index เช้านี้ขึ้นในกรอบจำกัด หลังวานนี้มีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่กลับเข้ามาในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน สื่อสาร และธนาคาร ตอบรับสภาพัฒน์ฯประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ของปี 2564 ออกมาหดตัวเพียง 0.3% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งดีกว่าคาดมาก

      ในส่วนของสินค้าเกษตรและการส่งออกที่ขยายตัวช่วยหนุน แต่กลุ่มบริโภคและลงทุนยังคงได้รับผลกระทบหนักจากการ Lockdown ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการจะขยายตัวเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในไตรมาส 4 และปีหน้า โดยในปี 2565 สภาพัฒน์ฯคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ราว 3.5-4.5% โดยค่ากลาง 4.0% ตามการคลี่คลายของสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศและการเปิดภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง เช้านี้ SET Index จะแกว่งตัวอิงทางขึ้นได้ต่อในกรอบระหว่าง 1,630-1,645 จุด แม้อัพไซต์ยังจำกัด แต่ดาวน์ไซต์ก็ไม่มีมากเช่นกัน รอติดตามการประชุม ครม.สัญจร และข้อสรุปการหารือระหว่างผู้นำสหรัฐและจีน

      ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงหารือกันผ่าน Virtual Conference ท่ามกลางการจับตาของทั่วโลกหลังความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจโลกมีความขัดแย้งกันรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะประเด็นไต้หวัน ซินเจียง อุยกูร์ การปราบปรามผู้ชุมนุมในฮ่องกง และการขยายอิทธิพลในทะเลจีนใต้ในด้านเศรษฐกิจต้องติดตามข้อตกลงการค้า ภาษีนำเข้า และการแบนบริษัทข้ามชาติของสองประเทศว่าจะมีทิศทางใด แม้การหารือครั้งนี้ทั้งสหรัฐและจีนจะไม่ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน แต่อาจจับสัญญาณได้บางส่วนจากที่คาด สี จิ้นผิง จะเชิญไบเดนเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งช่วงเดือน ก.พ. 2565

      ซึ่งหากไบเดนตอบรับคำเชิญจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าการหารือเป็นไปได้ด้วยดีระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ประเด็นดังกล่าวมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น คือ การที่จี 7 กำลังพิจารณาที่จะ บอยคอตทางการทูต ต่อการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวของจีน โดยนักกีฬายังคงเข้าร่วมการแข่งขันได้ตามปกติ แต่ผู้นำประเทศของจี 7 จะไม่เข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน COVID-19

     ด้านสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในยุโรปยังเร่งตัวต่อเนื่อง อังกฤษ-เยอรมนี-รัสเซียติดเชื้อรายวันสูงสุดแตะ 40,000-50,000 ราย ขณะที่บางประเทศเริ่มใช้มาตรการคุมเข้มแล้ว อีกทั้งยังพบการกลายพันธุ์ใหม่ชนิด B.1.640 จากฝรั่งเศส ที่ยังไม่ทราบความรุนแรงและระดับการแพร่กระจายของเชื้อตัวดังกล่าว ที่หากการระบาดรุนแรงจนต้องกลับไปใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง อาจฉุดอุปสงค์น้ำมันดิบโลกลงอีกครั้ง และกระทบภาคการท่องเที่ยวของไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง High Season ไตรมาส 4 ส่งผลให้ GDP ปีนี้โตต่ำกว่าคาดการณ์ของสภาพัฒน์ 1.2%

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ

เตรียมปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 64 และ 65

       สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐและสังคมแห่งชาติ  หรือ สภาพัฒน์ ปรับเพิ่มเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 1.2% จากเดิมคาด 0.7-1.2% และคาดปี 2565 เติบโตที่ 3.5-4.5% โดยก่อนหน้า ได้รายงาน GDP ใน 3Q/2564 หดตัว -0.3% YoY จากขยายตัว 7.6% ในไตรมาสก่อน ผลกระทบจากการระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 แต่อัตราการติดลบดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดและวิจัยกรุงศรีคาดไว้ที่ -1.3% และ -1.1% ตามลำดับ เนื่องจากได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐที่เร่งขึ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนทำให้การบริโภคสินค้าไม่คงทนในหมวดอาหารยังเติบโตได้แม้ภาพรวมการบริโภคภาคเอกชนจะหดตัวซึ่งการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังในไตรมาสนี้นับว่ามีส่วนสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจทำให้การส่งออกสินค้าและบริการที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกบริการที่เร่งขึ้นจากค่าบริการขนส่งสินค้าที่ขยายตัวดีตามปริมาณการค้าระหว่างประเทศ

          ขณะที่ศูนย์วิจัยกรุงศรี เตรียมปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 64 และ 65 โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ในไตรมาส 3 ปีนี้หดตัวน้อยกว่าคาดซึ่งการกระจายวัคซีนที่เร่งขึ้น ตั้งเป้าฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ, สัญญาณเชิงบวกจากการลงทุนภาคเอกชนที่อาจได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและกิจกรรมเศรษฐกิจของโลกที่ทยอยฟื้นตัวเป็นลำดับ ตลอดจนมาตรการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะยังมีบทบาทสำคัญ รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง

       ภาพรวมทางเศรษฐกิจไทย หรือ Thai GDP level  มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวเหนือระดับก่อนการระบาดได้เร็วกว่าเดิม 1-2 ไตรมาส จากเดิมคาดไตรมาส 1/2566 ในส่วนของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. บ่งชี้ว่าการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อมาจากปัจจัยชั่วคราว พร้อมส่งสัญญาณไม่รีบปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า โดยการประชุม กนง. วันที่ 10 พฤศจิกายน มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้วและเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัว จากการใช้ภายในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้นตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด การเร่งกระจายวัคซีน และตลาดแรงงานมีแนวโน้มปรับดีขึ้น จึงคาดการณ์ว่า GDP ปี 2564 และปี 2565 จะขยายตัวใกล้เคียงกับประมาณการในการประชุมครั้งก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าปรับเพิ่มขึ้นชั่วคราวจากราคาพลังงานโลกเป็นหลัก

      แม้ความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะลดลง และมีความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น อีกทั้งหลายประเทศเตรียมทยอยปรับลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินกันบ้างแล้ว แต่ในส่วนของไทย คาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า เนื่องจาก อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจปรับเพิ่มขึ้นในระยะสั้น โดยอาจเห็นแตะระดับ 3% ได้ในบางเดือนของไตรมาส 1/2565 ส่วนหนึ่งมาจากผลของฐานที่ต่ำในช่วงต้นปี 2564 แต่จะบรรเทาลงในช่วงที่เหลือของปี 2565 สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท.  ประเมินว่าน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะอุปทานส่วนเกิน หรือ excess supply ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบางภายใต้ความไม่แน่นอน โดยเฉพาะการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยที่ยังต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดการระบาด

      ทั้งนี้แถลงของ กนง.ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ชี้ว่าทางการจะยังดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่อง โดยรวมแล้ว คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% อย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2565

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์

        นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้ หลังการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาเกือบจะหมดแล้ว ซึ่งออกมาก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ตลาดคาด และในไตรมาส 4/64 ถึง ปี 65 ก็คาดว่าจะดีขึ้น

       นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันก็ลดลงมาก วันนี้มีจำนวน 6,300 กว่าราย ต่ำกสุดในรอบ 4 เดือน น่าจะช่วยหนุนหุ้น Domestic play และกลุ่ม Reopening ได้

      ในส่วนการปรับน้ำหนักลงทุนของ MSCI ออกมาแล้วก็ไม่ได้กระทบตลาดฯมาก และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ทำให้มีโอกาสที่ Fund Flow ไหลเข้า โดยเช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาที่ 32.68 บาท/ดอลลาร์ฯ แข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน

        ทั้งนี้ราคาน้ำมันปรับฐาน และค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงไปมาก ทำให้กลุ่มพลังงานอาจจะมากดดันตลาดฯได้ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบในกรอบแคบ ในช่วงรอดูทิศทางต่าง ๆ จากฝั่งสหรัฐฯ ส่วนบ้านเราก็ติดตามการทยอยประกาศงบฯต่อไปในส่วนที่เหลือที่ยังไม่ออกมา และรอดูภาครัฐฯจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มอีกหรือไม่ รวมถึงติดตามทิศทางการเมืองในประเทศด้วยพร้อมให้แนวรับ 1,630-1,628 จุด ส่วนแนวต้าน 1,640-1,645 จุด

 

ขอบคุณ : อินโฟเควสท

โควิดฉุดรายได้เครือMKร่วง 257 ล้าน

      บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของกิจการ อาทิ  ร้านเอ็มเค สุกี้, ร้านอาหารญี่ปุ่นยาโยอิ, ร้านมิยาซากิ ได้เปิดเผยผลกระกอบการไตรมาส 3 ปี 2564 บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 1,973 ล้านบาท ลดลง 1,825 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 48.1 มีผลขาดทุน 257 ล้านบาท ลดลง 722 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

      ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ กระทบต่อธุรกิจร้านอาหาร ที่ต้องปิดให้บริการ โดยสามารถให้บริการได้เฉพาะซื้อกลับบ้านและดีลิเวอรี่ ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการขายและการบริการ

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

จัดตั้งยานแม่ SCBx ผู้ถือหุ้นไทยพาณิชย์ โหวตผ่านฉลุย กว่า99%

     นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในแนวทางการสร้างไทยพาณิชย์ให้เป็นธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินด้วยเป้าหมายสู่การเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด และเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholder) ทุกฝ่ายอย่างมั่นคงและแข็งแรงต่อไป โดยเห็นว่าแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความคล่องตัวในการเติบโตของธุรกิจของกลุ่มธุรกิจไทยพาณิชย์ในหลายด้าน  รวมทั้งเพิ่มความชัดเจนในการทำธุรกิจของกลุ่มธุรกิจไทยพาณิชย์ให้สามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนทำให้กลุ่มธุรกิจไทยพาณิชย์ มีการแบ่งแยกการกำกับดูแลและการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างชัดเจน  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจของกลุ่มธุรกิจไทยพาณิชย์โดยรวม

      ทั้งนี้ช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม 2565 ผู้ถือหุ้นจะพิจารณาทำคำตอบรับการเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Tender Offer) จากบริษัท SCBx  โดยผู้ถือหุ้นต้องตอบรับคำเสนอซื้ออย่างน้อย 90% ต่อมาในเดือนมีนาคม2565 หุ้น “SCBx” จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเพิกถอนหุ้น “SCB” ในวันเดียวกัน โดยจะยังใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “SCB”  และผู้ถือหุ้น SCB จะเปลี่ยนเป็นผู้ถือหุ้น SCBx  แทน

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ