LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 1 ธันวาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 1 ธันวาคม 2564

หุ้นเด่นวันนี้

     – BTS-W8 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 2,632,536,229 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 14.90 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 5 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (22 พ.ย. 2564)ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2564 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 20 พ.ย. 2569


     – PLANET-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย(PLANET)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 124,998,821 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิ (19 พ.ย. 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2564 ส่วนวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 18 พ.ย. 2566


     – HANA (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 111 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/63 เติบโต qoq และ yoy จากการผลิตที่เพิ่มขึ้นเต็มกำลังการผลิต ค่าเงินบาทอ่อนค่าหนุนยอดขายและมาร์จิ้นเพิ่ม


     – CHG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 4.70 บาท เป็นหลุมหลบภัยที่ดีหากเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่เป็นวงกว้าง ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากการรักษาและตรวจเชื้อยังคงอยู่ในระดับสูง และระยะสั้นกำไร Q4/64 คาดยังโตแรง +160% Y-Y จากรายได้เกี่ยวเนื่องโควิด-19 ที่สูงกว่าปีก่อน และรายได้ผู้ป่วยเงินสดและประกันสังคมที่กลับมาดีขึ้น โรงพยาบาล RPC และ 304 เข้าสู่ช่วงเติบโต และระยะยาวรองรับด้วยการลงทุนโรงพยาบาลใหม่ทั้งแม่สอด แพรกษา และศูนย์มะเร็ง พร้อมแนวรับ 3.78-3.80 บาท แนวต้าน 3.94-4.0 บาท

ขอบคุณ :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ราคาทองวันนี้ ประกาศครั้งที่ 1 ลดลง 250 บาท

     สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 1 ธ.ค. 64 ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.22 น. ลดลง 250 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,300.00 บาท ขายออกบาทละ 28,400.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,788.28 บาท ขายออกบาทละ 28,900.00 บาท

     ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 1 ธ.ค. 64  ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.22 น. ลดลง 250 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,300.00 บาท ขายออกบาทละ 28,400.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,788.28 บาท ขายออกบาทละ 28,900.00 บาท


     สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ 30 พ.ย. 64 สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange)  ส่งมอบเดือนก.พ.64 ลดลง 8.7 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,776.5 ดอลลาร์/ออนซ์

ขอบคุณ :  ฐานเศรษฐกิจ

กังวลเฟดยุติ QE ดาวโจนส์ปิดร่วง 652.22 จุด ดาวโจนส์ปิดร่วง 652.22 จุด

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,483.72 จุด ลดลง 652.22 จุด หรือ -1.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,567.00 จุด ลดลง 88.27 จุด หรือ -1.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,537.69 จุด ลดลง 245.14 จุด หรือ -1.55%

    นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ว่า เฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการ QE มากกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะหารือกันในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 ธ.ค. 64 ขณะนี้เศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมาก และแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้เพิ่มสูงขึ้น ผมจึงเห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมแล้วที่เฟดจะพิจารณายุติโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเดือน โดยเราจะหารือกันในการประชุมครั้งต่อไป

    ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยปรับตัวลง 3% ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 2.5% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวลงกว่า 5% เมื่อคืนนี้ หุ้นกลุ่มโรงแรม, กลุ่มเรือสำราญ และกลุ่มธุรกิจบริการด้านการเดินทาง ต่างก็ร่วงลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน  หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงเช่นกัน

     ทั้งนี้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 19.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.8% ในเดือนส.ค. และเป็นครั้งแรกที่ราคาบ้านได้ชะลอตัวลงเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 63  โดยนักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.64 ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 581,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. 64

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

โควิดสายพันธุ์โอไมครอน ทำตลาดหุ้นไทยเช้านี้ผันผวน-อิงลบ

     นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน แต่ก็อิงไปทางแดนลบ เนื่องจากคาดว่านักลงทุนยังคงจะขายหุ้นไทยจากความไม่มั่นใจเกี่ยวกับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ด้วย ทำให้นักลงทุนคงจะเลือกที่จะถอยออกมาก่อน

     โดยราคาน้ำมันในช่วงเช้านี้ได้ปรับตัวขึ้น แต่เชื่อว่าคนก็ยังเลือกที่จะขายอยู่ดี แต่ตลาดฯอาจจะไม่ติดลบมาก ซึ่งในระหว่างเทรดก็มีโอกาสที่จะรีบาวด์ได้ เนื่องจากเช้านี้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สได้ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวกกัน

   

ทั้งนี้ ให้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ยของจีน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน รวมถึงติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ แต่ก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมาก เพราะดีมานต์น้ำมันได้เริ่มถอยลงมาแล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด

 

ขอบคุณ :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์

เงินบาทวันนี้ 33.68 บาทต่อดอลลาร์

   

     วันนี้ 1 ธ.ค.64 นางสาวกฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันนี้ เปิดตลาดทรงตัวที่ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดสิ้นวันทำการก่อนหน้า โดยกรอบการเคลื่อนวันนี้คาดการณ์แนวรับที่ 33.60 บาท แนวต้านที่ 33.80 บาท

    โดยปัจจัยมาจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณสนับสนุนการเร่งลดคิวอีในการประชุมครั้งหน้า และประเมินว่าเงินเฟ้อจะไม่ใช่ปัจจัยชั่วคราวขณะที่เงินเฟ้อยูโรโซนเดือนพฤศจิกายนพุ่งสู่ระดับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.9% ต่อปี ด้านปัจจัยในประเทศ รัฐบาลไทยประกาศพร้อมปิดเมืองหากพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ “โอไมครอน” ขณะที่ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดไทยเดือนตุลาคมขาดดุลลดลงเป็น 1.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

     ทั้งนี้โดยช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตสหรัฐ และยุโรปที่จะออกมาวันนี้ จากนั้นวันพฤหัสบดีติดตามรายงานเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และวันศุกร์ติดตาม เงินเฟ้อไทย กับการจ้างงานนอกภาคการเกษตรและอัตราการว่างงานสหรัฐ

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

หุ้นเด่นวันนี้

 

  • SECURE (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 32.50 บาท หุ้นใน Mega Trend ของปี 65 คาดงานแน่น ลุ้น M&A โดยคาดรายได้ปี 65 โตเด่น Trend ความปลอดภัยในระบบทั้ง Online และ Offline เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกองค์กรกำลังลงทุน หนุน Backlog โตต่อ และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรเพื่อทำ M&A ขยายสรรพกำลังในการรับงาน ส่วน Q4/64-Q1/65 รายได้จะโตเด่นหลังบริษัทต้องเลื่อนการส่งมอบเพราะโควิด
  • SYNEX (ฟินันเซีย ไซรัส) ซื้อเป้า 34 บาท แนวโน้ม Q4/64 จะเติบโตแข็งแกร่งทั้ง Q-Q และ Y-Y มีลุ้นทำ Record High จากการเข้า High Season รวมถึงได้อานิสงส์จาก iPhone13 ที่เริ่มขายในไทยเร็วกว่าปีก่อนถึงเกือบ 2 เดือน และเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ได้ประโยชน์หากเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่จาก WFH และ LFM แต่หากไม่มีการระบาดทิศทางกำไรก็ยังเป็นขาขึ้นและได้ประโยชน์ระยะยาวจากเทรนด์ Digital และ Metaverse พร้อมให้แนวรับ 27.25-27.75 บาท แนวต้าน 29-30 บาท
  • PTTGC (กรุงศรี) ซื้อเป้า 64 บาท วันนี้ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว ราคาร่วงรับข่าวการระบาดของไวรัสโอไมครอนไปบ้างแล้ว และอยู่ใกล้โซนแนวรับเดิมจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อดักเล่นเก็งกำไรจาก Technical Rebound

 

ขอบคุณ :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์

บิตคอยน์ ปรับตัวขึ้น 3.77%

     ราคาบิตคอยน์ช่วงเช้าวันนี้ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของตลาดทุนโลก โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดเมื่อวันจันทร์ 29 พ.ย.64 ที่ผ่านมา พบว่าปรับตัวสูงขึ้น 236 จุด หลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่มีแผนล็อกดาวน์เศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

     ส่วนสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันจันทร์ 29พ.ย.64 ปรับตัวขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อเก็งกำไร หลังราคาดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว

     รวมถึงการทำเหมืองคริปโตที่กำลังเป็นที่เฟื่องฟูในคาซัคสถาน และมีทั้งเหมืองถูกกฎหมายและผิดกฎหมายที่ผุดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้เกิดปัญหาไฟฟ้าไม่พอใช้ และทำให้ไฟดับในหลายพื้นที่ ในขณะที่คาซัคสถาน กำลังเจอปัญหาผลิตไฟฟ้าไม่เพียงต่อการใช้งานทั่วประเทศ ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขุดเหมืองคริปโต ซึ่งต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาล และด้วยผลตอบแทนที่คุ้มค่า จึงทำให้มีคนมาลงทุนทำเหมืองคริปโตกันมากขึ้น จนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าไม่พอใช้ในหลายพื้นที่

     ทั้งนี้กระทรวงพลังงานของคาซัคสถานเปิดเผยว่า ในปีนี้ มีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นถึง 8% จากเดิมที่จะเพิ่มแค่ปีละ 1-2% ซึ่งการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับในหกภูมิภาคตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่ง KEGOIC ผู้ผลิตไฟฟ้าของคาซัคสถาน บอกว่าจะแก้ไขปัญหาด้วยการลดสัดส่วนพลังงานไฟฟ้าที่ส่งไปยังเหมืองคริปโต และหากเกิดปัญหาไฟฟ้าไม่พอใช้อีก จะตัดไฟในส่วนที่ส่งไปให้เหมืองคริปโตก่อน ในขณะที่คาซัคสถานมีเหมืองขุดคริปโตทั้งแบบถูกกฎหมายและผิดกฎหมายจำนวนมาก จึงทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูงเกินกว่าที่ทางการคาดไว้ ซึ่งรัฐบาลของคาซัคสถานกำลังขอให้ทางรัสเซียช่วยผลิตไฟฟ้าและส่งเข้ามายังคาซัคสถานเพิ่มเติม

ขอบคุณ :  กรุงเทพธุรกิจ

ไบเดนไม่ล็อกดาวน์สหรัฐ หลังการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้ดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 236.60 จุด

     ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,135.94 จุด เพิ่มขึ้น 236.60 จุด หรือ +0.68%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,655.27 จุด เพิ่มขึ้น 60.65 จุด หรือ +1.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,782.83 จุด เพิ่มขึ้น 291.18 จุด หรือ +1.88% ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐไม่มีนโยบายที่จะประกาศล็อกดาวน์เศรษฐกิจ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน  ยืนยันว่า หากประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากอนามัย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องล็อกดาวน์ และจะไม่มีการประกาศห้ามการเดินทางครั้งใหม่

     สำหรับตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากปธน.ไบเดนออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยปรับตัวขึ้น 2.6%

     โดยนักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 581,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค.

      ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือนก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนต.ค. , จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. และดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

สมาคมค้าทองคำประกาศ ราคาทองปรับลง 200 บาท

 สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 (ครั้งที่1) เมื่อเวลา 09.28 น. ลดลง 200 บาท

     – ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,400.00 บาท ขายออกบาทละ 28,500.00 บาท
     – ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,894.40 บาท ขายออกบาทละ 29,000.00 บาท
     – ราคาทองคำต่างประเทศ 1,789.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.63 บาท

     โดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันจันทร์ 29 พ.ย.64 ที่ผ่านมา เนื่องจากลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

ดัชนี SET อยู่ที่ 1,610.95 จุด เพิ่มขึ้น 21.26 จุด

     นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นกว่า 20 จุด ตอบรับ Sentiment ทั่วโลกที่มีการฟื้นตัว และตลาดบ้านเราก็ปรับตัวลงมา 2 วันเกือบ 60 จุดแล้ว ดังนั้นจึงเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์

     ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นตลาดหุ้นฮ่องกงและเกาหลีที่ยังติดลบ โดยต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนว่าจะรุนแรงแค่ไหน ส่วนการที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยืนยันว่า สหรัฐไม่มีแผนล็อกดาวน์เศรษฐกิจเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนก็ช่วยให้นักลงทุนผ่อนคลายความกังวลไปได้ในระดับหนึ่ง พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610 จุด

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564

หุ้นเด่นวันนี้

      EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) ซื้อเป้า 9.40 บาท แนวโน้ม Q4/64 แม้จะอ่อนตัว Q-Q ตามโควิด-19 ที่คลี่คลาย แต่คาดยังเติบโตโดดเด่น Y-Y โดยเบื้องต้นคาดใกล้เคียง Q2/64 หนุนกำไรทั้งปี 64 ที่คาด +289% Y-Y มี Upside ราว 14% โดยประเมิน EKH จะเป็นหลุมหลบภัยที่ดีกรณีเกิดการระบาดระลอกใหม่หลังเชื้อสายพันธุ์ “โอไมครอน” เริ่มพบในยุโรป แต่หากควบคุมได้ประเมินธุรกิจ IVF ของ EKH จะฟื้นตัวหนุนการเติบโตระยะถัดไป พร้อมให้แนวรับ 7.80-7.60 บาท แนวต้าน 8-8.20 ถัดไป 8.50 บาท

 

      EPG (คิงส์ฟอร์ด)ซื้อเก็งกำไรเป้า IAA Consensus 15.30 บาท ผลประกอบการ Q2/64-65 (ก.ค.-ก.ย.) รายงานกำไรสุทธิ 412 ล้านบาท ยังเติบโตต่อเนื่อง YoY แต่อ่อนตัวลง QoQ รายได้รวมยังปรับตัวเพิ่ม QoQ ได้หนุนจากกลุ่มชิ้นยานยนต์ยานยนต์ Aeroklas ที่ส่งออกไปยังออสเตรเลียและยุโรป และกลุ่มบรรจุภัณฑ์ EPP ทีมีการเร่งระบายสินค้าเก่าในสต๊อก ช่วงชดเชยรายได้กลุ่มฉนวน Aeroflex ที่ถูกกระทบจากการ Lockdown ขณะที่ GPM ถูกกดดันจากต้นทุนวัตุดิบและการทำโปรโมชั่น แนวโน้ม Q3/64-65 (ต.ค.-ธ.ค.) คาดฟื้นตัว QoQ ทุกธุรกิจจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลาย รวมถึงจะมีการทยอยปรับเพิ่มราคาสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น

      RS (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 22 บาท ทุกหน่วยธุรกิจฟื้นตัว ผู้บริหารเตรียมสร้าง Digital Eco System พร้อม Transform คาดโควิด-19 ไม่ทำแผนสะดุด ราคาที่พักฐานระยะสั้นเป็นโอกาสสะสม ด้านบริษัทย่อย “โฟร์ท แอปเปิ้ล” เตรียมสร้าง Platform สำหรับ Popcoin- Digital Token ของกลุ่มที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าและ Partner พร้อมเข้าเทรดต้นปี 65 พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 2564-2565 ที่ 225 ลบ. และ 576 ลบ. -57.4%YoY, +155.9%YoY ตามลำดับ

 

ขอบคุณ :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ปรับตัวลงราว 0.5-0.8% ส่งผลให้ ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลง

        นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงราว 0.5-0.8% จากความกังวลไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่”โอไมครอน” ซึ่งขณะนี้ได้มีการระบาดในยุโรปหลายประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ในยุโรปก็มีการระบาดโควิดหนักอยู่แล้ว มาเจอสายพันธุ์ใหม่อีก ทำให้กังวลการเติบโตเศรษฐกิจ จึงมีการขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา

      ตลาดบ้านเราก็เผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่ขายออกมาทั้งในตลาดหุ้น และตลาดซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งเป็นการขายเพื่อลดความเสี่ยง และตลาดฯวันนี้คงจะเผชิญแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานด้วยหลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงแรง

      ทั้งนี้สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจไทย, MSCI Rebalance ในวันที่ 30 พ.ย.นี้, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา, ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ และการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

 

ขอบคุณ :  สำนักข่าวอินโฟเควสท์

วิกฤตโอไมครอน ส่งผลให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดขึ้นกว่า 200 จุด

 

     ณ เวลา 07.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้น 204 จุด หรือ +0.59% แตะที่ 35,062 จุด ในส่วนของราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้น 3.25 ดอลลาร์ หรือ +4.77% แตะที่ 71.42 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงเช้านี้ หลังจากที่ดิ่งลง 10.24 ดอลลาร์ หรือ 13.1% ปิดที่ 68.15 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่พบในแอฟริกาใต้ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศว่าไวรัสโอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตก และอาจแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วมากกว่าสายพันธุ์อื่น  โดยโอไมครอนเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่ 5 ที่ WHO ประกาศให้เป็น สายพันธุ์ที่น่าวิตก ซึ่งแคนาดาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจำนวน 2 รายในเมืองออตตาวา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคนาดา โดยผู้ติดเชื้อทั้ง 2 รายเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศไนจีเรียเมื่อเร็ว ๆ นี้

     ทั้งนี้นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนต.ค., ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดดัลลัส, ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนต.ค. , จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ย.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. และดัชนีภาคบริการเดือนพ.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

หุ้นค้าปลีกไอทีโตแรง สวนโควิด

     กำลังซื้อกลุ่มสินค้าไอทียอดพุ่ง สวนกระแส การระบาดของโควิด-19 ซึ่งการแพร่ระบาดดังกล่าว ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีการทำงานที่บ้าน (Work From Home) เรียนหนังสือที่บ้าน (Learn From Home) กันมากขึ้น สินค้าไอทีจึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น

     โดยโปรดักส์สุดฮิต ที่ยังมาแรงเห็นจะเป็น iPhone 13 เดินหน้าโกยยอดขายได้ต่อเนื่อง หลังเริ่มวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา แถมตอนนี้หลายรุ่น สินค้าขาดตลาดด้วยซ้ำ สาวกไอโฟนต้องอดใจรอกันหน่อย

     ความร้อนแรงของ iPhone 13 เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขายร้านค้าปลีกสินค้าไอทีปีนี้ต่อเนื่องไปถึงปีหน้า หลายบริษัทน่าจะได้เห็นยอดขายทำนิวไฮ เติบโตสวนวิกฤตโควิด ขณะเดียวกันกระแสโลกเสมือนจริง หรือ Metaverse ที่กำลังมาแรงจะเป็นอีกแรงหนุนสำคัญให้ตลาดสินค้าไอทีในระยะถัดไป

     สำหรับผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าไอทีที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นไทยมีอยู่หลายบริษัท นำโดยบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 ด้วยขนาดมาร์เก็ตแคป 96,600 ล้านบาท มีร้านค้ามากมายหลายแบรนด์รวมกว่า 900 สาขา เช่น BaNANA, Studio7, BaNANA Mobile, KingKong Phone ฯลฯ และยังให้บริการหลังการขายสินค้า Apple ภายใต้ชื่อ “iCare” รวมทั้งร้าน “TRUE by Com7” โดยปี 2563 มีรายได้รวม 37,352.90 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ปี 2564 จะเติบโต 20%

     อีกหนึ่งบริษัทที่น่าจะคุ้นเคยกันดี บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART มีหน้าร้านของตัวเองมากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นๆ ในเครืออีกหลายธุรกิจ จนเข้าตากลุ่มทุนยักษ์ใหญ่บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ โดดเข้ามาถือหุ้น

     ส่วนบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX เน้นตลาดขายส่งเป็นหลัก โดยได้รับเลือกเป็นผู้แทนจําหน่ายสินค้าจากแบรนด์ชั้นนําระดับโลกมากกว่า 60 แบรนด์ ตั้งเป้ารายได้ปี 2564 เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 32,244.44 ล้านบาท

     บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของแบรนด์ Xiaomi ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 สาขา รวมทั้งยังขายสินค้าของ Apple ผ่านร้าน iStudio by copperwired และ Ai ตั้งเป้ารายได้ปี 2564 โตมากกว่า 20%

     บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ SPVI อีกหนึ่งตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple ผ่านช่องทางร้าน iStudio by SPVi, iBeat by SPVi, U Store by SPVi, Mobi และศูนย์บริการลูกค้า iCenter ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 โต 10-15% โดยเตรียมเปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา

     บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ IT เป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการขายสินค้าไอทีครบวงจร ที่ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เช่นเดียวกับปีนี้ พร้อมวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 43 สาขา รวมเป็น 440 สาขา

    ทั้งนี้การเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ๆ ในฝั่งของผู้ประกอบการอัดแคมเปญโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ลด แลก แจก แถม กันอย่างเต็มที่เพื่อปิดตัวเลขปลายปี ถือเป็นโอกาสทองของผู้บริโภค

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วง หลุดระดับ 1,600 จุด

  เมื่อเวลา 10.12 น. วันที่ 29 ธ.ค.64 ดัชนี SET อยู่ที่ 1,608.83 จุด ลดลง 1.78 จุด (-0.11%)

   นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 10 จุด หลุดแนว 1,600 จุด ซึ่งตลาดบ้านเราปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกันทั่วหน้า จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่”โอไมครอน” ทำให้สถานการณ์มีความไม่แน่นอน เนื่องจากยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์ใหม่นี้ไม่มากนัก

   นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงมาก ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดฯในเช้านี้ด้วย และยังเผชิญแรงกดดันจากหุ้น AOT และหุ้นในกลุ่มแบงก์ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,610-1,615 จุด

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 11 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 11 ตุลาคม 2564

ราคาน้ำมัน" ดีเซล B7 ปรับลด 2 บาท มีผลวันนี้

บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด(มหาชน) และ บมจ.บางจาก ประกาศผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ลดอย่างต่อเนื่อง มีการปรับลดราคาน้ำมัน ดีเซล B7 และ ดีเซล พรีเมียม B7 โดยน้ำมันดีเซล B7 และดีเซล พรีเมียม B7 ปรับลด 2 บาท/ลิตร ส่วนน้ำมันดีเซลอื่นๆ และน้ำมันในกลุ่มเบนซินราคาคงเดิม มีผลวันนี้  (11 ตุลาคม 64 ) ตั้งแต่เวลา 05.00 .ที่ผ่านมา  สำหรับราคาน้ำมันวันนี้คือ

  • ดีเซลล์พรีเมียม B7 ราคา 33.06 บาท
  • ดีเซลล์ B7 ราคา 28.29 บาท
  • ดีเซลล์ B20 ราคา 28.04 บาท
  • เบนซิน ราคา 38.56 บาท
  • เบนซินแก็สโซฮอล์ 95 ราคา 31.15 บาท
  • เบนซินแก็สโซฮอล์ 91 ราคา 30.88 บาท
  • เบนซินแก็สโซฮอล์ E20 ราคา 29.64 บาท
  • เบนซินแก็สโซฮอล์ E21 ราคา 23.44 บาท

สำหรับราคาน้ำมันที่ลดลงเกิดจาก  กระทรวงพลังงาน ใช้วิธีการลดการผสมน้ำมันปาล์มลงเหลือร้อยละ 6 แทนร้อยละ 7 และร้อยละ 10 เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีราคาสูงถึงลิตรละ 40 บาท ไม่ใช่การเปลี่ยนชนิดน้ำมัน ดังนั้นผู้ใช้ดีเซลสามารถเข้าเติมในหัวจ่าย B7 หรือ B10 โดยไม่มีการเปลี่ยนป้ายที่หัวจ่ายน้ำมัน ก็จะได้น้ำมันคุณภาพเดียวกัน และราคาเท่ากัน ตั้งแต่วันที่ 11 – 31 ตุลาคม  และหลังจากนั้น จะมีการพิจารณามาตรการเพิ่มเติมตามสถานการณ์

ทั้งนี้จากการรายงาน สำนักงานงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กระทรวงพลังงาน ระบุว่า เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท และมีเงินไหลจากการเก็บผู้ใช้น้ำมันประเภทอื่น เพียงพอสำหรับการอุดหนุนราคาดีเซล ในช่วงเดือน ตุลาคม 64 และกฎหมายเปิดช่องสำหรับให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลง สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น

ขอบคุณ : เฟสบุ๊คPTT Station, ไทยพีบีเอส

การตลาดของ DTAC ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คแซส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทย เป็นลบจากมีเสถียรภาพ และประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ ‘AA(tha)’ นอกจากนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ของ DTAC ที่ ‘F1+(tha)’

  การปรับแนวโน้มเครดิตเป็นลบนี้ สะท้อนถึงอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO Net Leverage) ของ DTAC ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมาอยู่ที่ระดับ 2.3 เท่า ณ สิ้นครึ่งปีแรกของปี 2564 เป็นระดับที่ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิต จากการที่บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง อัตราส่วน FFO Net Leverage อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกและอยู่ในระดับสูงกว่า 2.3 เท่าอย่างต่อเนื่อง หากบริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูง DTAC อยู่ในช่วงที่มีการลงทุนในระดับสูง ในขณะที่การเติบโตของรายได้และกำไรอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ล่าช้า การจ่ายเงินปันผลในระดับที่สูง อาจลดความสามารถของ DTAC ในการปรับลดอัตราส่วนหนี้สิน และส่งผลลบต่ออันดับเครดิต

 ฟิทช์มองว่าการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่สูง สะท้อนถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นที่มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความสามารถในการปรับลดอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทน้อยลง การจ่ายเงินปันผลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจ่ายปันผลคิดเป็นร้อยละ 100 ของกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2563 และครึ่งปีแรกของปี 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 75 ในปี 2562 และร้อยละ 50 ในปี 2561

การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวยังคงสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทในการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ และรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (Net Debt/EBITDA) ต่ำกว่า 3 เท่า ฟิทช์คาดว่าเงินปันผลที่จ่ายในปี 2564 จะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 34 ของกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน เทียบกับระดับเฉลี่ยที่ร้อยละ 19 ในช่วงปี 2561-2563

ทั้งนี้ ฟิทช์มองว่าสภาพคล่องของ DTAC สามารถบริหารจัดการได้ในปี 2564 โดยสภาพคล่องของ DTAC ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดที่อยู่ในระดับสูงจำนวน 7.1 พันล้านบาท และ วงเงินกู้ที่สามารถเบิกถอนได้จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 และ ความสามารถในการเข้าถึงตลาดเงินกู้ภายในประเทศ บริษัทมีหนี้จำนวน 1.1 หมื่นล้านบาท ที่ถึงกำหนดชำระใน 12 เดือนข้างหน้าจากครึ่งปีแรกของปี 2564 DTAC ได้มีการเบิกเงินกู้จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่ถึงกำหนดในปี 2564 และสนับสนุนการลงทุน

ขอบคุณ: สำนักข่าวอินโฟเควสท์