LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 28 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 28 ตุลาคม 2564

บิตคอยน์ปรับตัวร่วงลง 3.46%

   28 ต.ค.64 เวลา 05.16 น. บิตคอยน์ปรับตัวร่วงลง 3.46% เคลื่อนไหวที่ 58,683.0 ดอลลาร์ ในขณะที่เมื่อคือวัน27ต.ค.64 กูรูคาดการณ์ว่าบิตคอยน์จะปรับตัวลงต่อ หลังจากทรุดตัวลงใกล้หลุด 58,000 ดอลลาร์ รวมถึงนักลงทุนพากันเทขายทำกำไร หลังพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ 

   โดยบิตคอยน์ได้ดิ่งลงแตะระดับ 58,100 ดอลลาร์เมื่อคืนวันที่ 27 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 64 และทรุดตัวลง 13% จากระดับ 67,016 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การร่วงดังกล่าว ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบิตคอยน์ลดลงสู่ระดับ 1.11 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าจะดิ่งลงอย่างหนักแต่บิตคอยน์ยังคงทะยานขึ้น 35% นับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. และมีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวดีที่สุดในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนก.พ.

   ทั้งนี้ได้เกิดจากปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า บิตคอยน์ถึงเวลาปรับฐานแล้ว และมีแนวโน้มในช่วงขาลง โดยจะทดสอบแนวรับที่ระดับ 54,000 ดอลลาร์ การร่วงลงอาจรุนแรงยิ่งขึ้น ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ คิวอี เร็วกว่าที่คาดไว้

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

ดอร์ลาร์ อ่อนค่าลง ราคาทองตลาดนิวยอร์กปิดบวก 5.4

   สัญญาทองคำปรับขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.6% เมื่อคืนนี้ 27ต.ค.64 โดยมี ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.14% แตะที่ 93.8082   ซึ่งการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ ทำให้อ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ จากการทำสัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ มีราคาถูกลงรวมถึงมีความน่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น

   โดยราคาทองตลาดนิวยอร์กปิดบวก สัญญาทองคำตลาด COMEX เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ โดยมีปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์และการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย รวมถึงสัญญาทองคำตลาด COMEX ที่จะส่งมอบในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,798.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

   ทั้งนี้นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลก โดยคาดการณ์ว่าเฟดอาจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่ BoE อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่แล้วป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

คลังเผย 5 แนวทางพัฒนาตลาดทุนไทย หลังร่วมประชุมบอร์ดกับ ก.ล.ต.

   นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้ประชุมคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทย ครั้งที่ 1/2564 โดยมีผู้แทนจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เข้าร่วมประชุมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 ปี 2560 – 2564 สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 และการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการของมาตรการของตลาดเงินและตลาดทุนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19

    ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการกำหนดแนวทางและทิศทางของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่4 ปี 2565 – 2570 กำหนดให้สอดรับกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจโลกอย่างรอบด้าน ด้าน 5 ด้าน ได้แก่

 

  1. ส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินผ่านกลไกตลาดทุน
  2. เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย
  3. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับตลาดทุน
  4. ตลาดทุนยั่งยืน
  5. การสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในระยะยาวครอบคลุมถึงวัยเกษียณ (Financial Well-being)

   โดยที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 4 ต่อไป สำหรับความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 ปี 2560 – 2564  ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 ความคืบหน้าการดำเนินการของมาตรการของตลาดเงินและตลาดทุนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ได้สรุป ดังนี้

  1. ความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 การดำเนินงานภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนฯ ประจำปี 2563 ประกอบด้วย 7 มาตรการหลัก 17 มาตรการย่อย และแผนงานสนับสนุน 65 แผนงาน โดยแบ่งเป็น
  • การเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือSMEs , วิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup และนวัตกรรม
  • การเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
  • การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทย
  • การพัฒนาให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาค
  • การมีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุ
  • การพัฒนาตลาดทุนดิจิทัล
  • การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 มีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 32 แผนงาน
  1. ความคืบหน้าการดำเนินการของมาตรการของตลาดเงินและตลาดทุนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ประชุมได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านตลาดทุนและตลาดเงินที่ได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย

        2.1 การดำเนินมาตรการของสำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีมาตรการช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหา COVID-19  คือ  ด้านการช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหา COVID-19 มีการเสริมสภาพคล่องให้กิจการที่กำลังประสบปัญหา/ช่วยเหลือกิจการที่ประสบปัญหาแล้วผ่านมาตรการต่าง ๆ , ด้านการเปิดช่องทางและอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดทุนอาทิ การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ลงทุนในขั้นตอนการเปิดบัญชี รวมทั้งพัฒนาแบบฟอร์มมาตรฐาน และปรับปรุงหลักเกณฑ์การทำความรู้จักลูกค้าด้วยวิธีอิเล็กทรอนิกส์, ด้านสร้างความเข้มแข็งและ Resiliency มีส่วนช่วยสร้างความยั่งยืน เป็นต้น

         2.2 การดำเนินมาตรการของ ธปท. ได้มีมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและดูแลเสถียรภาพของระบบการเงินใน 2 ด้านที่สำคัญ คือ  มาตรการเสริมสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจ เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ SMEs สามารถประคับประคองกิจการและรักษาการจ้างงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 , มาตรการสนับสนุนสภาพคล่องให้กับสถาบันที่ให้ความช่วยเหลือแก่กองทุนรวมตราสารหนี้ , มาตรการกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องของการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ เป็นต้น และมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจ

           2.3 การดำเนินมาตรการของสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย  ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงออกมาตรการด้านประกันภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ได้รับผลกระทบด้านประกันภัยประกอบด้วยประชาชนและผู้ประกอบการบริษัทประกันภัยและคนกลางประกันภัย

            2.4 การดำเนินมาตรการของ ตลท. ได้มีการดำเนินมาตรการได้แก่ มาตรการดูแลความผันผวนในตลาด , มาตรการที่สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้ ตลท. ใช้เป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ไขหรือบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของตลาด,  มาตรการช่วยเหลือผู้มีส่วนได้เสีย อาทิ การลดค่าธรรมเนียมให้แก่ผู้ร่วมตลาด และการปรับรูปแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในภาวะการระบาดของCOVID-19 เป็นต้น

            2.5 การดำเนินมาตรการของ FETCOได้มีส่วนร่วมในการเสนอมาตรการ คือ  (มาตรการขอผ่อนปรนเงื่อนไขการหยุด เลื่อน นำส่งเงินสะสม/สมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มาตรการจัดตั้งกองทุนรวม SSFX เป็นต้น

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

คลัง ชี้ GDP ไทยได้รับอนิสงค์จากการเปิดประเทศ ย้ำราคาน้ำมันจัดการได้ ยังไม่ต้องลดภาษี

   นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากช่วงครึ่งปีแรกการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย หรือ GDPขยายตัวได้ 2% ซึ่งเชื่อมั่นว่าตัวเลขในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะดีขึ้น โดยเป็นผลมาจากยอดการส่งออกของไทยที่มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน ผ่านโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ รวมถึงมารตการเยียวยาอื่นๆ การเร่งรัดการลงทุนของรัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงการเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐของไทย ส่วนปี2565 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะมียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวราว 6-8 ล้านคนแต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ต้องติดตาม

    โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีรวมไปถึงมาตรการของขวัญปีใหม่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนจำนวนสิทธิโครงการ คนละครึ่ง เฟส3 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการปรับลดสิทธิลงมาเหลือ 28 ล้านคน ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนรับสิทธิจนเต็มจำนวนแล้ว

   ส่วนเรื่องราคาน้ำมันแพง ขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังสามารถบริหารจัดการราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกินราคา 30 บาทต่อลิตรได้ และยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทางภาษีสรรพสามิต เข้าไปช่วยพยุงราคา เนื่องจากราคาน้ำมันแพงนั้น เป็นวัฏจักรในช่วงหน้าหนาวของทุกปี และเมื่อพ้นหน้าหนาวราคาน้ำมันจะปรับลดลง

   ทั้งนี้ในวันที่ 28 ต.ค.64 จะมีการแถลงข่าวอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 3 และการปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2564ใหม่ของกระทรวงการคลัง ดังนั้นต้องรอตัวเลขอย่างเป็นทางการจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อความแม่นยำ

 

ขอบคณ: มติชนออนไลน์

อินโดนีเซียประกาศ เป็นศูนย์กลางการส่งออก ยานยนต์ไฟฟ้า แห่งอาเซียน

   สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระบวนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มขึ้นในเดือนมี.ค.ปี 2565 ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท พีที ฮุนได แมนูแฟกเจอริง อินโดนีเซีย หรือ HMMI เกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมชีการัง Cikarang ทางตะวันออกของกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานที่เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนรวม 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3.6 หมื่นล้านบาท ภายใต้ความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและเกาหลีใต้ โดยมีกำหนดเริ่มดำเนินการในปีหน้า 2565 รวมถึงโรงงานแบตเตอรี่ก็เริ่มผลิตในปีเดียวกัน

    นายกูมีแวง คาร์ตาซาสมิตา รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่า  อินโดนีเซีย พร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้า ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าหมายระยะแรกผลิตรถยนต์และรถประจำทาง จำนวน 1,000 คัน ในปีหน้านี้ หรือ 2565 ซึ่งการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าจะแสดงให้เห็นอุตสาหกรรมของเรากำลังก้าวไปสู่อุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกเหนือจากการประกาศให้ประชาคมระหว่างประเทศรู้ว่า อินโดนีเซียพร้อมแล้วที่จะเป็นศูนย์กลางการส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน และพื้นที่โดยรอบในภูมิภาค

   ทั้งนี้ตั้งเป้าหมายผลิตรถยนต์และรถประจำทางพลังงานไฟฟ้ารวม 600,000 คัน ภายในปี  2573 โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 2.7 ล้านตัน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 29 ภายในปีเดียวกัน

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 26 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 26 ตุลาคม 2564

26 ต.ค. ราคาบิตคอยน์ ขยับขึ้น 3.21%

   ราคาบิตคอยน์วันนี้ 26 ต.ค. 2564 ขยับขึ้น +3.21% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ 62,731.20 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,071,854.71 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 31.61 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลอัพเดต เมื่อเวลา 8:12 น. ที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาเหรียญดิจิทัลคริปโตอื่นๆ Ethereum ได้ขยับขึ้น 1.07% Binance Coin ขยับขึ้น 1.03% และ Dogecoin คงที่ในช่วง 24 ชั่วโมง โดยมีราคาดังนี้ คือ

    Bitcoin  ราคา 62,731.20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.21%, Ethereum  ราคา 4,134.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.07%,  Binance Coin ราคา 483.03 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.03%  Cardano  ราคา 2.15 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.49%, Tether  ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01% , Terra  ราคา 43.19 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.26% , XRP ราคา 1.09 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.51%,  Polkadot  ราคา 43.70 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.74%, Dogecoin  ราคา 0.27 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +7.38% USD Coin ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%

   ทั้งนี้ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

รับเสี่ยงกดดันแลกเปลี่ยนเงินบาทแข็งค่ากดเงินดอลอ่อนลง เช้านี้ 26 ต.ค.2564

   นายพูน  พานิชพิบูลย์  นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า กรอบเงินบาทวันนี้ 26.ต.ค.2564 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.20 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มค่าเงินบาทยังมีทิศทางการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยปัจจัยหนุนในฝั่งแข็งค่าคือ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดที่จะกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง รวมถึง โฟลว์ขายทำกำไรทองคำ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

   สำหรับฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์หุ้น จะเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้กับเงินบาทได้ เพราะ นักลงทุนต่างชาติได้เริ่มขายทำกำไรหุ้นไทยออกมาบ้าง ซึ่งจะกดดันให้เงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่า โดยโฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจมีการซื้อ-ขาย สลับกัน จนกว่าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจจะมีทิศทางดีขึ้นชัดเจนและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเริ่มดีขึ้น จนนักวิเคราะห์มีการปรับเป้าผลกำไร ซึ่งจะช่วยลดระดับ Valuation ของหุ้นไทยให้ถูกลงจนน่าสนใจได้ เนื่องจากปัจจุบัน ระดับ Valuation หุ้นไทยถือว่าแพงพอสมควร

    นอกจากนี้แนวต้านสำคัญของเงินบาทยังอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างรอขายเงินดอลลาร์อยู่ ผู้นำเข้าบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ เงินบาทยังมีแนวรับสำคัญที่โซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ แนวรับเงินบาทที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ถือว่ามีความสำคัญมาก เนื่องจากผู้เล่นต่างชาติที่ยังคงเก็งกำไรเงินบาทอ่อนค่าและมีเป้าในช่วง 34-35 บาทต่อดอลลาร์นั้น อาจวาง Stoploss ไว้ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดระดับดังกล่าว เราอาจเห็นโฟลว์ cover short positions ที่เก็งกำไรเงินบาทอ่อน กดดันให้เงินบาทแข็งค่าเร็วได้ในระยะสั้น

   สำหรับตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์โดยรวมยังทรงตัวเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนสถานะถือครองเพิ่มเติมมากหนัก เพราะถึงแม้ว่าตลาดจะเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงต่อ แต่ตลาดยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังแกว่งตัวใกล้ระดับ 93.85 จุด โดยการเคลื่อนไหว sideways ของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ รวมถึง ความต้องการถือทองคำ เพื่อ hedge ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ได้หนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับ 1,806 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อาจเริ่มเห็นโฟลว์ขายทำกำไรทองคำเกิดขึ้นบ้าง และโฟลว์ดังกล่าวอาจส่งผลให้เงินบาทผันผวนในฝั่งแข็งค่าขึ้นได้

    ทั้งนี้รอติดตาม ตลอดทั้งวันนี้ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่สหรัฐฯ อาทิ Alphabet หรือ Google, Twitter และ Microsoft ซึ่งผลประกอบการที่ดีกว่าคาดและแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่โดดเด่นจะช่วยหนุนให้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงได้

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

นิยายรุ่ง GLORY ขยายแพลตฟอร์มเล็งตลาดE-Bookต่างชาติ

    บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Mai)  โดยเปิดการซื้อขายที่ราคา 5.30 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 89.29% จากราคาจอง 2.80 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันปรับขึ้นทำจุดสูงสุดที่ 8.30 บาทต่อหุ้น ก่อนกลับมาปิดตลาดที่ระดับ 7.60  บาท เพิ่มขึ้น  4.80 บาท หรือ 171.43% มูลค่าการซื้อขาย 5,989.55 ล้านบาท

    นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า รายได้ปี 2564 บริษัทคาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปีที่ 19% และในปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 20-40% โดยได้ปัจจัยหนุนจากการนำเข้าลิขสิทธิ์นิยายต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทมีแผนจะซื้อลิขสิทธิ์นิยายเพิ่มขึ้นประมาณ 70% ตั้งแต่ปลายปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 จากปัจจุบันมีลิขสิทธิ์นิยายแปลประมาณ 100 เรื่องขณะที่การเปิดตัวแพลตฟอร์ม Jinovel คาดว่าจะสร้างการเติบโตให้รายได้ราว 20% เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนหุ้นของบริษัท ซึ่งภายหลังจากการเข้าระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้ราว 189 ล้านบาท ไปใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการขยายบริการทั้งในและต่างประเทศ การพัฒนาแพลตฟอร์มนิยาย “จีโนเวล”  เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าเพศหญิง และการซื้อลิขสิทธิ์นิยายต่างประเทศ รวมถึงบริษัทยังได้หนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book ที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 14% โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังผู้อ่านเริ่มคุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์ม

   ปัจจุบันบริษัทมีต้นแบบนิยายไทยส่วนหนึ่งที่เตรียมแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้บริการลูกค้าต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายระยะยาวสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะสูงกว่ารายได้ในประเทศ สอดคล้องกับประชากรต่างประเทศที่มีจำนวนมากกว่าประชากรในประเทศสำหรับแผนการขยายแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ บริษัทจะเริ่มขยายแพลตฟอร์มภาษาอังกฤษก่อนในเฟสแรก สำหรับภาษาอื่นๆจะพิจารณาในเฟสถัดไป

    ทั้งนี้บริษัทมองการต่อยอดไปธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจโฆษณา เนื่องจากแพลตฟอร์มปัจจุบันของบริษัท  Kawebook มีจำนวนผู้ใช้บริการค่อนข้างสูง จากฐานสมาชิกมากกว่า 2 แสนราย ง่ายต่อการต่อยอดมากกว่าการเปิดแพลตฟอร์มใหม่ที่ยังไม่มีจำนวนผู้ใช้บริการที่ชัดเจนรวมถึงการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์ม บริษัทไม่ได้ปิดกั้นโอกาสใหม่ๆ เช่น การชำระค่าบริการด้วยสกุลเงินดิจิทัลด้วย

 

ขอบคุณ กรุงเทพธุรกิจ

พลิกเกมส์วิกฤตเศรษฐกิจ JWD เติบโตขึ้นในช่วงปีหลัง

    หุ้นบริษัทเจดับเบิ้ลยูดีอินโฟโลจิสติกส์จำกัด(มหาชน) หรือ JWD คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/64 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในสถาการณ์แพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ที่ส่งผลกับทางด้านธุรกิจการค้าทั่วโลก ส่งผลให้เกือบทั้งไตรมาสการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์รวมถึงกิจการขนส่งทางรางและการขาดแคลนชิปในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ทั้งหมด ซึ่งธุรกิจของJWDเติบโตได้ที่ดีจากธุรกิจห้องเย็นซึ่งเข้าสู่ High Season ในช่วงปีหลัง

    หากปริมาณการเป็นไปตามคาดกำไร 9 เดือนแรกของปี 64 อยู่ที่ 323.2 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 50.9 %จากปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 73.3% จากปีก่อนคิดเป็น 74.9% ของปริมาณการทั้งปี คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการ ไตรมาส 4/64 จะทำสถิติสูงสุดจากทั้งธุรกิจเดิมและรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากESCO ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบังจึงยังคงปริมาณกำไรสุทธิปี 2554 ที่ 502.5 ล้านบาทเติบโตขึ้น 73.3% จากปีก่อนคิดเป็นอัตรากำไร 9.9 และคงประมาณการกำไรปกติ 2565 -2566 ที่ 566.2 ล้านบาทและ 690.8 ล้านบาท เติบโต 33.4% จากปีก่อนและ 22.0% จากปีก่อนตามลำดับ โดยในปี 2565 จัดเก็บเกี่ยวประโยชน์เต็มปีจากบิลที่เกิดขึ้นในปีนี้หลายดิวได้แก่ทุน ESCO  รับรู้รายได้จากALPHA โครงการร่วมทุนกับORI โดยตั้งเป้าปี 2565 อยู่ที่ 23 บาท ราคาหุ้นปัจจุบัน PE ปี 2565 EBITDA สะท้อนความสามารถทำกำไรดีกว่าหุ้นปัจจุบันที่มีEV/EBITDA ปี 2022 เพียง 12.4 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตEBITDAที่คาด เพิ่มขึ้น 15.3% CAGR ในช่วงปี 2564-2566

    ทั้งนี้ในด้านธุรกิจอาหารธุรกิจ Barge หรือ ธุรกิจ Self-storageและธุรกิจขนส่งที่รับรู้รายได้จาก VNS Transportเต็มไตรมาสแรกทำให้ค่ารายได้รวมเพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 35.3%จะปีก่อนเป็น 1,324.7 ล้านบาท โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆคาดว่าไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

 

ขอบคุณ : ข่าวหุ้น

รพ.รามรามคำแหง หยุดซื้อ หุ้นสินแพทย์เพิ่ม เนื่องจากราคาแพง

บริษัทโรงพยาบาลรามคำแหงจำกัด (มหาชน) หรื อRAM  สละสิทธิ์การซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจาก บริษัท สินแพทย์ จำกัด เนื่องจากราคาหุ้นของโรงพยาบาลสินแพทย์ที่เพิ่มทุนนี้ได้ขายในราคาหุ้นละ 100 บาทเมื่อพิจารณาถึงอัตราส่วนP/E จะเห็นว่าค่อนข้างสูง อยู่ที่ 30.258 เท่า ขณะที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในโรงพยาบาลสินแพทย์อยู่ที่ร้อยละ 32.95 ของทุนจดทะเบียนและชำระของบริษัทสินแพทย์จำกัดซึ่งภายหลังสละสิทธิ์บริษัทจะมีส่วนถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 28.40 ของทุนจดทะเบียนและชำระแล้วของบริษัทสินแพทย์จำกัด 

รวมถึงขณะนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนโรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดจึงจะต้องใช้ทุนจำนวนมากทางบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนในขณะนี้ค่อนข้างจำกัด

ขอบคุณ ข่าวหุ้น