
ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 3 ธันวาคม 2564
หุ้นเด่นวันนี้
HL (บมจ.เฮลท์ลีด) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยราคาขาย IPO 9.80 บาท/หุ้น บล.ฟินันเซีย ไซรัส (เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายฯ)ประเมินราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 15 บาท คาดกำไรสุทธิปี 64-66 จะเติบโตสูงถึง +36% CAGR โดย HL เป็น Chain ร้านขายยาบริษัทแรกในตลาดฯ ปัจจุบันมีเพียง 25 สาขาทำให้ยังเติบโตได้อีกมาก และยากสำหรับการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่เพราะมีกฎระเบียบเข้มงวดในทุกการดำเนินงาน และต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่าย จุดแข็งคือเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและไม่มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง ทำให้ผลการดำเนินงานมีเสถียรภาพ
AMATA (กรุงศรี)”ซื้อ” เป้า 23.50 บาท เกาะกระแส Stagflation หรือเงินเฟ้อสูง ที่ดินเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อ นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากธีมการย้ายฐานการผลิตหลังจีนเผชิญปัญหาวิกฤติพลังงานและความเสี่ยงจาก Trade war
AOT (เคทีบีเอสที)เป้าเชิงกลยุทธ์ 62-64 บาท ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัว หลังปรับฐานจาก “โอไมครอน” ตลอดสัปดาห์ ด้านกำไรประเมิน Turnaround ที่ 6.2 พันลบ. ในปี 66 ส่วนผู้บริหารประเมินผู้โดยสารปี 65 ที่ 62 ล้านราย ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่จะมีผลต่อการเดินทางสูง คาดว่าบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนสามารถเร่งทำได้เร็ว พร้อมเตรียมโอนสนามบินใหม่ 3 แห่ง ประกอบไปด้วย สนามบินอุดร และสนามบินบุรีรัมย์ 2 แห่ง หลังโควิดซา สนามบินเหล่านี้จะกลายเป็น Hub ในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
หุ้นไทยแกว่งตัว 1,585 – 1,600 จุด ชี้ความกังวลโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3ธ.ค.2564) คาดว่าดัชนี SET แกว่งตัว 1,585 – 1,600 จุด แม้ดัชนีจะได้ปัจจัยบวกคาดการณ์สหรัฐหลีกเลี่ยง Shutdown โดยผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อยืดเวลาไปถึงวันที่ 18 ก.พ.2565
ซึ่งความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน,ความผันผวนของ ฟันด์โฟลว์หลัง เฟด ส่งสัญญาณยุติ คิวอี เร็วกว่าคาด รวมถึงการลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว 3 วันจะกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัวลง
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
ทองคําวันนี้ประกาศครั้งที่ 1 ปรับขึ้น 50 บาท
ราคาทองคําวันนี้ศุกร์ที่ 3 ธค 64 ประกาศครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.25 น. ปรับขึ้น 50 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันพฤหัสบดี ที่แม้ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทองทั้งหมด 4 รอบ แต่สรุปราคาตอนปิดตลาดไม่เพิ่มไม่ลดจากราคาซื้อขายของวันพุธ
ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันศุกร์ที่ 3 ธ.ค. 64 ประกาศครั้งที่ 1
ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 29,000 บาท
รับซื้อบาทละ 27,894.40 บาท
ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 28,500 บาท
รับซื้อบาทละ 28,400 บาท
สำหรับราคาทองคำ Spot เช้านี้เคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,772 ดอลลาร์ หลังจากราคาทองคำโคเม็กซ์ปิดตลาดเมื่อคืนที่ผ่านมาร่วงลง 21.6 ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 สัปดาห์ สู่บริเวณ 1,762.7 ดอลลาร์ เนื่องมาจากได้รับแรงกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด นอกจากนี้ ความวิตกกังวลที่เริ่มลดลงเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันต่อแรงขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งราคาทองคําฮ่องกงเปิดตลาดเช้านี้ลดลง 10 ดอลลาร์ฮ่องกง สู่ระดับ 16,460 ดอลลาร์ฮ่องกง
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.74 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทยระบุว่าแม้ว่า ตลาดการเงินในฝั่งเอเชียและยุโรปจะสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้บ้างในวันก่อนหน้า ทว่าความผันผวนในตลาดการเงินยังคงอยู่ในระดับที่สูงอยู่ ดังจะเห็นได้จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่สามารถรีบาวด์กลับขึ้นมาได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ และปิดตลาดย่อตัวลง (ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.18% เช่นเดียวกับ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ที่ปรับตัวลงกว่า -1.83%) โดยแรงกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ในวันนี้บรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ยังคงมาจากความกังวลปัญหาการแพร่ระบาด COVID-19 สายพันธุ์ “Omicron” หลังสหรัฐฯ มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ Omicron เป็นรายแรก และนอกจากประเด็น Omicron ตลาดยังเผชิญแรงกดดันจากมุมมองของประธานเฟดที่เดินหน้าสนับสนุนแนวโน้มการเร่งลดคิวอี หลังจากที่ประธานเฟดมองว่า เงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูงได้นานกว่าที่เคยประเมินไว้
ฝั่งของตลาดบอนด์ ความกังวลสถานการณ์การระบาดของ Omicron ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงราว 6bps แตะระดับ 1.42% ซึ่งภาพดังกลา่ว สะท้อนว่าผู้เล่นบางส่วนยังคงมีความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การระบาด และเลือกที่จะเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยไว้ก่อน แม้ว่าในมุมนึงผู้เล่นในตลาดเริ่มประเมินว่าเฟดอาจมีการประกาศเร่งลดคิวอีในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ทั่วโลกยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ในระยะสั้น จนกว่าตลาดจะมั่นใจได้ว่า Omicron ไม่ได้มีความน่ากลัวอย่างที่เคยประเมินไว้ ซึ่งอาจต้องรอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มากขึ้น โดยทางบริษัทผู้ผลิตวัคซีนสำคัญ อาทิ Pfizer, BioNTech และ Moderna ต่างคาดว่า อาจจะสามารถรายงานผลวิจัยประสิทธิภาพวัคซีนต่อ Omicron ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นมาเล็กน้อย โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ได้แกว่งตัวในระดับ 96.03 จุด หนุนโดยความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยของผู้เล่นในตลาดที่เริ่มมองว่า ความผันผวนในตลาดอาจปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าคาด หลังจากที่ ดัชนีความกลัวที่วัดความผันผวนตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือ VIX Index ได้ปรับตัวขึ้น ทะลุแนวต้านสำคัญที่ 29 จุด สู่ระดับ 31 จุด
สำหรับเงินดอลลาร์ยังคงไม่ได้แข็งค่าขึ้นไปมาก เพราะถูกกดดันจากการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) สู่ระดับ 113 เยนต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเพิ่มการถือครองเงินเยนตามความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน แม้ว่าเงินดอลลาร์จะรีบาวด์กลับขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลงหนัก
เนื่องจากราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ส่งผลให้ล่าสุด ราคาทองคำสามารถรีบาวด์ขึ้นได้สู่ระดับ 1,780 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเรามองว่า ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนจากผู้เล่นในตลาดที่ต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ ทำให้ราคาทองคำจะไม่ปรับฐานลงหนัก แต่การรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำก็อาจถูกจำกัดด้วยท่าทีของเฟดที่มีแนวโน้มจะเร่งใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ
สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมของกลุ่ม OPEC+ ว่าจะมีข้อสรุปเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันต่อเนื่องตามที่เคยได้วางแผนไว้หรือไม่ หลังจากที่การระบาดของ Omicron อาจกดดันความต้องการใช้พลังงานได้ในระยะสั้น อีกทั้ง สหรัฐฯ รวมถึงชาติพันธมิตรกลุ่มผู้ใช้น้ำมัน อาทิ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น ได้ประกาศพร้อมใช้น้ำมันดิบสำรองเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนพลังงานในระยะสั้น ซึ่งเรามองว่า กลุ่ม OPEC+ จะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับฐานลงมาพอสมควร และสมดุลตลาดน้ำมันอาจเปลี่ยนไป หากการระบาดของ Omicron ทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น กลุ่ม OPEC+ อาจจะรอดูทิศทางตลาดน้ำมันและสถานการณ์การระบาดไปก่อนในระยะสั้นนี้
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท จะเห็นได้ว่าเงินบาทยังคงเผชิญความผันผวนในฝั่งอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องจากแรงขายสินทรัพย์ไทย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือ บอนด์ระยะสั้นตามการปรับสถานะเก็งกำไรเงินบาทของผู้เล่นต่างชาติ ซึ่งเรายังคงมองว่า ในระหว่างวันเงินบาทยังคงมีแรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าอยู่ จากความกังวลปัญหาการระบาดของ Omicron อีกทั้ง สัญญาณเชิงเทคนิคัลในระยะสั้นยังคงชี้ว่าเงินบาทยังมีแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ทำให้ผู้เล่นต่างชาติยังไม่รีบกลับเข้ามาเก็งกำไรเงินบาทฝั่งแข็งค่า ทำให้ปัจจัยที่จะพอช่วยหนุนให้เงินบาทไม่อ่อนค่าไปมาก คือ การรีบาวด์ของราคาทองคำ รวมถึงแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออกบางส่วน หากพิจารณาสัญญาณเทคนิคัลของเงินบาททั้งในส่วนกราฟรายวันหรือกราฟรายสัปดาห์ จะเริ่มเห็นว่าอินดิเคเตอร์ทั้ง RSI และ MACD อาจเริ่มส่งสัญญาณว่า เงินบาทอาจมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นได้ ซึ่งต้องรอการเกิดสัญญาณเชิงเทคนิคัลอีกครั้ง ถึงจะยืนยันสมมติฐานดังกล่าวได้ และเราเชื่อว่า จังหวะกลับตัวมาแข็งค่าของเงินบาทอาจเกิดขึ้นในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า หากข้อมูลวิทยาศาสตร์ชี้ชัดว่า การเร่งระดมแจกวัคซีนสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของ Omicron ได้ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอาจไม่ซบเซาหนัก ทั้งนี้ เงินบาทยังคงมีแนวต้านสำคัญในโซน 33.80-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ส่งออกบางรายยังรอขายเงินดอลลาร์ รวมถึงผู้เล่นต่างชาติอาจรอจังหวะกลับเข้ามาเก็งกำไรเงินบาทอีกรอบได้ หากสัญญาณเชิงเทคนิคัลเงินบาทเริ่มเปลี่ยนทิศหรือเกิด Divergence ส่วนแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.40 บาทต่อดอลลาร์ จากแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้นำเข้าบางส่วน
ดังนั้น ในระยะนี้ เราประเมินว่า ตลาดค่าเงินยังมีแนวโน้มผันผวนสูงอยู่ ผู้ประกอบการควรเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและควรใช้เครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น ในกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.80 บาท/ดอลลาร์
ขออบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
นักลงทุนกังวลโอไมครอนกระทบเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วง
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผันผวนอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดและความรุนแรงของไวรัสโอไมครอน รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันในการป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงมากที่สุดในยุโรป โดยหุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ อาทิ อินฟิเนียน เทคโนโลยีส์, เอเอ็มเอส และเอเอสเอ็มแอล ร่วงลงราว 4.4-5.7% จากรายงานที่ว่า แอปเปิล อิงค์ เตือนเกี่ยวกับความต้องการที่ลดลงสำหรับ iPhone 13
หุ้นแอร์เมสและหุ้นริชมอนท์ ร่วง 3.1% และ 2.1% ตามลำดับ แม้ได้รับการรวมในการคำนวณดัชนี Euro STOXX 50 ก็ตาม
ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด