LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 24 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 23 ตุลาคม 2564

เพิ่มเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษอีก 6 แห่ง อนิงสงค์หุ้นนิคม

ครม.เห็นชอบจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มอีก 6  แห่ง ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษจำนวน 1 แห่ง ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันพื้นที่รองรับการประกอบอุตสาหกรรมและการค้า 15,836 ไร่ มีการรองรับการลงทุน ได้เพียง 5 ปีเท่านั้น จึงมีการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่ม 6 แห่ง พื้นที่ EEC

1. จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการอุตสาหกรรมรูปแบบนิคมอุตสาหกรรม มีจำนวน 5 แห่ง โดยรองรับการประกอบกิจการได้ 5,098 ไร่ มีพื้นที่รวม 6,884 ไร่ สามารถรองรับการประกอบกิจการได้ 5,098 ไร่ ประกอบด้วย นิคมอุตสากรรมโรจนะแหลมฉบัง, นิมคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อันดัสเตรียล เอสเตท ระยอง, นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง,นิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่

รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบิน โลจิสติก และดิจิทัล รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมเอเชียคลีน รองรับอุตสาหกรรมอิเลกทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์สมัยใหม่การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ภายใน 10 ปี เป้าหมายการลง 3 แสนล้านบาท ระหว่างปี 2564-2573

2. เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษ จำนวน 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จ.ระยอง ภายใน 10 ปี ตั้งเป้าหมายการลงทุน20,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2564-2573

3. เปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่ออกิจการพิเศษ 1 แห่ง คือ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจรธรรมศาสตร์ พัทยา โดยเปลี่ยนแปลผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน ให้พื้นที่รวมของศูนย์585 ไร่ จากเดิม 566 ไร่ โดยเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 6 แห่งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ บริษัท สวนสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) , บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน)

 สำหรับบริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ได้ประโยชน์ 2 ใน 6 นิคม อุตสาหกรรม ได้แก่ โรจนะแหลมฉบัง 698 ไร่ โรจนะหนองใหญ่ 1,501 ไร่ ซึ่งแนวโน้มการขายที่ดินนิคมในไตรมาส 2 ปี 2564 ลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะคนจีนมาเซ็นสัญญากว่า 100 ไร่ ไตรมาส 3 ถึงปัจจุบันปรับตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 2 มาก ซึ่งงในไตรมาส 4 ยังคงดีอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศในอนาคต โดยตั้งเป้าขายที่ดิน 400-500 ไร่ต่อปี ประมาณรายได้และกำไรระหว่างปี 2564-2566 รายได้หลัก80% มาจากการขายไฟให้กับบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และโรงงานในนิคม ซึ่งมองว่ารายได้จากการขายที่ดินเป็นปัจจัยหนุน สอดคล้องกับ บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของนิคมมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง จ.ระยอง พื้นที่ 1,498 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ใหม่ หุ่นยนต์ การบิน โลจิสติก วึ่งขั้นตอนแรกต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เดิมก่อน ซึ่งรายได้จะเกิดขึ้นหลังจากที่พัฒนาแล้ว แนวโน้มรายได้ปี 2565 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยโครงการพื้นที่เตรียมไว้สำหรับนิคมใหม่ที่เพิ่งอนุมัติจะต้องรอการพัฒนาก่อน ขณะที่แนวโน้มรายได้ปีนี้เติบโตขึ้น 30% สูงสุดในประวัติการณ์ เศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวหลังจากผ่านจุดต่ำสุดคือไตรมาส 3 ปี 2564

ทั้งนี้ปัจจุบันมีบริษัท 10 นิคมอุตสาหกรรมพื้นที่ EEC รวมถึงมีพื้นที่พัฒนาและสร้างใหม่ทุกปี พร้อมเปิดขายได้ทันที ปัจจุบันบริษัทมีแลนด์แบงก์ 10,000 ไร่ พัฒนา infrastructure รองรับการขายพร้อมทั้งหมด 5,000ไร่ อี 5,000 ไร่ อยู่ระหว่างพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขออนุมัติทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

 

ขอบคุณ : ข่าวหุ้น

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยแนะติดตาม 5ปัจจัยชี้ทิศค่าเงินบาทและดัชนีหุ้นไทย

ธนาคารกสิกรไทยประเมินสัปดาห์หน้าระหว่างวันที่ 25-29ตุลาคม 2564 กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.80-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ มีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยเดือนก.ย. ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนส.ค.  ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย รายได้/รายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core Price Index เดือนก.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค. และจีดีพีไตรมาส 3 ประจำปี 2564  

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม ECB และ BOJ ข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.จีน และจีดีพีไตรมาส 3/64 ของยูโรโซน โดยในวันพฤหัสบดี 21 ต.ค. เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.38 เทียบกับระดับ 33.31 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า 5 ต.ค.

ทั้งนี้ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ย.รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ประจำปี2564 ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BoJ และ ECB ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/64 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค.ของยูโรโซน ตลอดจนกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของจีน   โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,643.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 79,001.31 ล้านบาท ลดลง 8.61% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.94% มาปิดที่ 559.65 จุด

 

ขอบคุณ : ฐานเศษฐกิจ

แบงก์ยันคุ้มครองลูกค้าทุกบัญชี ลุยจับ เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสกัดยับยั้งสะสางปัญหาโดยเร็ว ล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกำหนด 5 แนวทาง ในการเยียวยา แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงการติดตามลงโทษผู้กระทำความผิด ได้แก่

 แนวทางที่1 ธนาคารและบริษัทเจ้าของบัตรฯ คืนเงินลูกค้าภายใน 5 วันนับจากได้รับแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

แนวทางที่2 เปิดศูนย์ Hotline 1710 ประสานตำรวจ-ธนาคารรอายัดบัญชีคนร้าย ป้องกันการถ่ายเทเงินในบัญชี

แนวทางที่ 3  สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ประสานข้อมูลกับผู้ให้บริการเครือข่าย ช่วยสืบหาข้อมูลของคนร้าย

แนวทางที่ 4 กระทรวงดิจิทัล ให้ความรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับประชาชนเท่าทันพฤติกรรมคนร้าย และการแก้ไขกฎเกณฑ์ให้ทันกับรูปแบบอาชญากรรม

 แนวทางที่ 5 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ PCT  บูรณาการร่วมกับ บช.สอท., และ ศูนย์ PCT นครบาล, ภูธร 1-9 ในการรวบรวม ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินคดีจากทุกพื้นที่ ตั้งชุดสืบสวนสอบสวน Online รายจังหวัด

 ซึ่งขณะนี้เร่งประสานผู้ให้บริการเครือข่ายร้านค้าต่างประเทศ  ให้ไปไล่เบี้ยตรวจสอบร้านค้าในต่างประเทศ เป็นไปได้ว่า ร้านค้าเหล่านั้นก็อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือ

 ดร.ปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กล่าวว่า ภัยไซเบอร์จะกลายเป็น New Normal สำหรับผู้ใช้บริการดิจิทัลเซอร์วิส ที่เกิดขึ้นทุกวัน ใน 3 ภัยหลัก ได้แก่

 1. การส่งอีเมล์ หรือ SMS หลอกโอนเงิน หรือหลอกให้ส่งหมายเลขบัตรเครดิต ซึ่งเกิดขึ้นมาเป็นเวลานับ 10 ปี แต่เปลี่ยนเทคนิคไป

2. แรนซัมแวร์ ที่มุ่งการโจมตีเพื่อดูดข้อมูลไปขายในเว็บตลาดมืด 

3. การโจมตีเพื่อทำให้ระบบบริการล่ม หรือการโจมตี DDoS ยิ่งวันจะมีปริมาณและความถี่เพิ่มขึ้น และส่งผลกระทบสร้างความเสียหายในวงกว้างมากขึ้น

ดร.กิตติ โฆษะวิสุทธิ์ ประธานศูนย์ประสานงานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) กล่าวว่า  ที่ผ่านมา TB-CERT ร่วมกับธปท.และค่ายมือถือ บล็อกข้อความ SMS ที่แปลกปลอมเข้ามา ทำให้ช่วงหลังมีแนวโน้มลดลง ส่วนรูปแบบภัยไซเบอร์มีหลากหลาย หลักๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการหลอกลวงบนโซเชียล การปล่อยมัลแวร์ขู่เรียกค่าไถ่รวมถึงการส่งอีเมล์หลอกลวงหรือพวกฟิชชิ่ง โดย แฮกเกอร์ต้องการเงินเป็นหลัก แต่จะไม่ใช้วิธีขโมยเงินโดยตรง แนวโน้มข้อมูลและชื่อเสี่ยงของหน่วยงานหรือองค์กร มีความสำคัญมากขึ้น จึงถูกใช้เป็นตัวประกันในการเร่งให้หน่วยงานจ่ายเงินเรียกค่าไถ่ ส่วนใหญ่เทคนิคส่วนใหญ่จะทำควบคู่กันระหว่างการขโมยข้อมูลและสร้างมัลแวร์ เว็บไซด์หรือฟิชชิ่ง ซึ่งภัยไซเบอร์ทั่วโลกจะมีลักษณะนี้ แต่จะมีบริษัทเทคโนโลยีเป็นเป้าหมาย และกลุ่มธุรกิจเฮลธ์แคร์”

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

 

ธนาคารไทยกำไรพุ่งรวมกันกว่า 4.3 ล้านบาท

ธนาคารพาณิชย์ 10 ธนาคาร คือ  ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) และ บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) ธนาคารกรุงเทพ(BBL) ไตรมาส 3 ปี 2564 มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่  43,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.87% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

   ซึ่งทั้งปีคาดการณ์ว่ากำไรแบงก์ทั้งกลุ่มอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท และอาจมีโอกาสไปแตะ 1.72-1.73 แสนล้านบาท หรือโตราว 20% สะท้อนว่ากลุ่มแบงก์ผลการดำเนินงานดีขึ้น และพ้นจุดต่ำสุดแล้ว ส่วนสำรองทั้งปีคาดอยู่ที่ 2 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ 3.38 แสนล้านบาท และคาดลดต่อเนื่องเหลือ 1.9 แสนล้านบาทในปีหน้า ตามกลุ่มแบงก์ยังคงมีความท้าทายอยู่ หลังจากหมดมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน แบงก์อาจจะต้องมาดูใกล้ชิด เกี่ยวกับหนี้เสีย ในกลุ่มเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายย่อยที่ยังเปราะบาง ดังนั้นความเสี่ยงยังมีอยู่

 อย่างไรก็ตาม ธนาคารต้องความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ พิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตในระดับสูง และบริหารคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

ข้าวไทย รับอนิสงค์จากเงินบาทอ่อนตัวลง

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การส่งออกข้าวไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ปรับตัวมาอยู่ที่ระดับ 32 – 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของข้าวไทยในตลาดโลกสูงขึ้น สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญได้มากขึ้น โดยเฉพาะข้าวขาวและข้าวนึ่งของไทยที่ราคาได้ปรับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับข้าวจากอินเดียและเวียดนาม

ซึ่งแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ว่ามียอดคำสั่งซื้อเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่อง จากสถิติกรมศุลกากรการส่งออกข้าวไทยกลับมาขยายตัวเป็นบวกตั้งแต่เดือนมิ.ย. – ส.ค. อัตราการขยายตัว 25.27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตลาดหลักที่ไทยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น คือ จีน ฟิลิปปินส์ แคเมอรูน มาเลเซีย โมซัมบิก และสิงคโปร์

คาดว่าการส่งออกข้าวไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะยังขยายตัวดีต่อเนื่อง เห็นได้จากสถิติการขอใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศในเดือน ก.ย. ที่มีปริมาณสูงถึง 877,555 ตัน ขยายตัว 124.87% ล่าสุดเดือนต .ค.ระหว่างวันที่ 1 – 18 ต.ค. ปริมาณ 380,234 ตัน เพิ่มขึ้น 47.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งตั้งแต่เดือนม.ค. – ส.ค. 2564 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 3.18 ล้านตันคิดเป็นมูลค่า 58,685 ล้านบาท โดยข้าวไทยยังคงได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก ดังนั้น คาดว่าในปีนี้ไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าที่ปริมาณ 6 ล้านตัน

 สำหรับการส่งออกข้าวไทยที่กลับมาฟื้นตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากความสำเร็จจากการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างภาคเอกชนของไทยและกระทรวงพาณิชย์ และทูตพาณิชย์ในฐานะเซลส์แมนประเทศเร่งการเจรจาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยกับคู่ค้าสำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ซึ่งทำให้คู่ค้าเชื่อมั่นในศักยภาพในการส่งออกข้าวคุณภาพของไทยแม้ในช่วงสถานการณ์โควิดฯ และหันมาสนใจนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศ คาดการณ์ว่าจากปัจจัยบวกต่างๆ ทั้งสถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลาย ความเชื่อมั่นของผู้ซื้อในคุณภาพและมาตรฐานข้าวไทย ประกอบกับราคาข้าวไทยที่สามารถแข่งขันได้ในปัจจุบัน จะทำให้ข้าวไทยเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โตต่อเนื่องจะสามารถส่งออกข้าวได้เดือนละกว่า 7 แสนตัน และการส่งออกข้าวไทยทั้งปีจะได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 6 ล้านตัน

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 20 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 20 ตุลาคม 2564

กสิกร ระงับโฆษณาขายประกันภัย “โดนแฮกเงิน”

จากกรณีธนาคารกสิกรไทย มีการเผยแพร่กระจายภาพโฆษณาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ที่มีข้อความว่า “โดนแฮกเงินหาย”  ทางธนาคารกสิกรไทยได้ออกมาขออภัยลูกค้าและประชาชน โดย หยุดขายประกัน “ช้อปออนไลน์” ย้ำไม่ได้มีเจตนาในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ ในช่วงสถานการณ์ที่สังคมมีกระแสวิตก

โดยทางธนาคารมีการจัดทำโฆษณาเพื่อสื่อสารทางการตลาดที่สอดคล้องกับประสบการณ์ในการซื้อขายสินค้าออนไลน์ของลูกค้า 7 รูปแบบ ซึ่งข้อเสนอตามภาพเป็นการนำเสนอให้กับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ประมาณ 12,000 คนผ่าน K PLUS เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา

ก่อนจะเกิดกระแสข่าวการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของประชาชนจำนวนมาก ตามที่สื่อต่าง ๆ ได้มีการนำเสนอในช่วงนี้โดยทันที

หลังจากที่ทราบประเด็นความเดือดร้อนดังกล่าว ธนาคารจึงได้ระงับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ด้วยรูปแบบข้างต้นในทุกช่องทาง ประกันดังกล่าวธนาคารเป็นผู้เสนอขาย โดยจะให้ความคุ้มครองความเสียหาย 3 รูปแบบ ได้แก่

  1. คุ้มครองผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ กรณีผู้ขายไม่ส่งสินค้าภายใน 7 วันนับจากวันที่แจ้งว่าจะจัดส่ง, ผู้ซื้อได้รับสินค้าไม่ครบตามรายการสั่งซื้อ, สินค้าได้รับความเสียหายทางกายภาพ, สินค้าไม่เป็นไปตามที่โฆษณาประชาสัมพันธ์
  2. คุ้มครองผู้ขายจากการถูกหลอกลวงให้ส่งสินค้า และไม่ได้รับเงินภายใน 7 วัน นับจากวันที่แจ้งว่าจะจัดส่ง
  3. คุ้มครองเงินส่วนตัวที่หายจากบัตร บัญชี หรือกระเป๋าเงินออนไลน์ จากการถูกโจรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ โดยวิธีการใช้บัตรชำระเงิน , การเข้าสู่บัญชีธนาคาร , การเข้าสู่ e – Wallet ของผู้เอาประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีที่ไม่สามารถเรียกคืนได้จากผู้ออกบัตร หรือผู้ให้บริการบัญชี / กระเป๋าเงินออนไลน์

ทั้งนี้ ขอยืนยัน ว่าธนาคารไม่ได้มีเจตนาในการเสนอขายผลิตภัณฑ์หรือบริการรูปแบบนี้ ในช่วงสถานการณ์ที่สังคมมีกระแสวิตกเช่นนี้แต่อย่างใด ขออภัยลูกค้าและประชาชนอย่างสูง ที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อกรณีที่เกิดขึ้น

ขอบคุณ : เว็บไซต์ธนาคารกสิกรไทย

ธปท.และสมาคมธนาคารไทย ชี้แจงความคืบหน้า กรณีประชาชนถูกดูดเงินจากบัญชี

จากกรณีที่ประชาชนถูกตัดเงินจำนวนมากจากบัญชีธนาคาร ทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก  ธนาคารแห่งประเทศไทย  และ สมาคมธนาคารไทย ได้ออกมาชี้แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติ ผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ว่ามิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคาร โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตรและนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ ที่ไม่มีการใช้ One Time Password (OTP)

 

พบว่าตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติจากเหตุข้างต้นจำนวน 10,700 ใบ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นรายการใช้จากบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่มีจำนวนเงินต่อรายการต่ำ เช่น 1 ดอลลาร์ สรอ. และมีการใช้เป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง ทั้งนี้ ธนาคารมีระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดเพดานและเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าแตกต่างกันไป  นอกจากนี้ ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา ดังนี้

  1. ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันทีและแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ
  2. เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS
  3. กรณีที่ตรวจสอบพบว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย3ธปท. แล
  4. สมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิตสำหรับร้านค้าออนไลน์

สำหรับกรณีที่ลูกค้าพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด

สำหรับประชาชนทั่วไป ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือไม่มี OTP สำหรับบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ย้ำว่า ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารมีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป ธปท. และสถาบันการเงินจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการและประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อรายการผิดปกติ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว

 

ขอบคุณ : ธนาคารแห่งประเทศไทย

นายกสั่งตรึงราคาน้ำมันให้ได้ 30 บาท ย้ำ สถานการณ์ปัจจุบันยังติดลบ

20 ต.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า เห็นใจผู้ประกอบการขนส่งทุกคน ปัจจุบันเรามีน้ำมันอยู่หลายประเภท เช่น บี7 บี 10 บี 20 ราคา เป็นราคาที่ต่างกัน เพราะมีส่วนผสมที่แตกต่าง หากเราใช้เงินไปอุดหนุนราคาน้ำมันประเภทใดประเภทหนึ่งมากไป ก็จะทำให้น้ำมันอีกส่วนสูงขึ้นต้องดูตรงนี้ด้วย สำหรับราคาน้ำมันดีเซลพยายามตรึงให้ได้ 30 บาทต่อลิตรก่อน

ที่สำคัญต้องเข้าใจสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ยังมีความขัดแย้งในหลายส่วน หลายกลุ่มด้วยกัน สถานการณ์น้ำมันยังคงเป็นอย่างนี้อีกระยะ ซึ่งปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากราคาน้ำมันพุ่งสูงว่า รัฐบาลเข้าใจถึงความเดือดร้อน ของสมาคมขนส่งหรือสมาคมรถบรรทุก รัฐบาลได้พยายามดูแลอย่างเต็มที่ แต่สถานการณ์น้ำมันโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่

ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาทุกรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการในเรื่องนี้มาตลอด โดยการเอากองทุนน้ำมันออกไปช่วย  ทั้งที่ความจริงแล้วราคาน้ำมันสูงมากกว่านี้ โดยตรึงให้ได้ลิตรละ 30 บาท ราคานี้ต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันเดือนละประมาณ 6,000 กว่าล้านบาท รวมถึงสถานการณ์ปัจจุบันยังติดลบอยู่ก็ต้องมาพิจารณาว่าอีกสองเดือนข้างหน้าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ขอบคุณ:  ฐานเศรษฐกิจ

นับถอยหลัง 1 พ.ย. WHA ชี้แนวโน้มธุรกิจส่งสัญญาณเป็นบวก

มูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 50,440.47 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 17,066.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 58,961.30 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 92,334.85 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 9,498.40 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 4,339.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 17,744.04 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 12,585.10 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 18 ต.ค.64 พบว่า สถาบันกองทุนในประเทศ  มียอดขายสุทธิ 1,719.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 76.54 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,773.87 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 2,130.49 ล้านบาท

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

ชี้ประเทศกำลังพัฒนาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด AD เพิ่มขึ้น

นายรณรงค์   พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า  กล่าวว่า  ผู้ประกอบการไทยควรปรับตัวในเชิงรุกเพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากการถูกประเทศคู่ค้าเก็บอากร Antidumping:  หรือ  AD ซึ่งจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาสูงขึ้น และส่งผลต่อการส่งออกของไทยไปยังประเทศนั้น ๆ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคการผลิตและการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 

เนื่องจากปัจจุบันพบว่าประเทศกำลังพัฒนาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด AD เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการใช้มาตรการระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกันถึงเกือบร้อยละ 80 จากสถิติการไต่สวนการทุ่มตลาด และการใช้มาตรการ AD ของสมาชิกองค์การการค้าโลก หรือ WTO ช่วงระหว่างปี 2538 – 2563 พบว่า การเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากปี 2561 โดยในปี 2563 มีการไต่สวน 349 ครั้ง เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า เมื่อเทียบกับปี 2538 และคาดว่าการใช้มาตรการ AD ของสมาชิก WTO หลังจากปี 2563 จะมีแนวโน้มสูงขึ้นตามจำนวนการไต่สวนที่เพิ่มขึ้น

โดยไทย อยู่อันดับที่ 6 ของโลก โดย ถูกไต่สวน 250 ครั้ง และถูกใช้มาตรการ AD 167 ครั้ง  ส่วนอินเดียเป็นประเทศที่ใช้มาตรการ AD มากที่สุดใน WTO 718 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 17.64 ตามด้วย สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป นอกจากนี้ อินเดียยังเป็นประเทศที่ใช้มาตรการ AD กับไทยมากที่สุด (จำนวน 39 ครั้ง) รองลงมา ได้แก่  สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย จีนเป็นประเทศที่ถูกไต่สวนและถูกใช้มาตรการ AD มากที่สุดใน WTO ถูกไต่สวน 1,478 ครั้ง และถูกใช้มาตรการ AD 1,069 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 23.5 และ 26.26 ตามลำดับ รองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ และไต้หวัน

ทั้งนี้สินค้าที่สมาชิก WTO เปิดไต่สวน และใช้มาตรการ AD มากที่สุด ได้แก่ เหล็ก เคมีภัณฑ์ เรซิน พลาสติก และยาง ในทำนองเดียวกัน เรซิน พลาสติก และยาง ก็เป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยถูกไต่สวน และถูกใช้มาตรการ AD มากที่สุด อย่างไรก็ตามในส่วนของไทย มีการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดแล้วรวม 97 ครั้ง อยู่อันดับที่ 17 ของ WTO และอันดับที่ 3 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย  และไทยใช้มาตรการ AD แล้ว 60 ครั้ง อยู่อันดับที่ 18 ของ WTO และอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย โดยประเทศที่ถูกไทยไต่สวนการทุ่มตลาด และใช้มาตรการ AD สูงสุด ได้แก่ จีน เกาหลีใต้และไต้หวัน

 

ขอบคุณ : โพสต์ทูเดย์

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 18 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 18 ตุลาคม 2564

นายกสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับแฮกเกอร์ หลังประชาชนถูกดูกเงินผ่านธนาคารไทย

จากกรณีที่ชาวเน็ตแชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากธนาคารไทย โดยมีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมากที่โดนหักเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการผู้บัญชีออนไลน์ของบัตรเดบิต และบางส่วนมีการใช้บัญชีดังกล่าวซื้อของออนไลน์ แต่ก็มีผู้เสียหายบางส่วนที่ไม่เคยใช้บัญชีซื้อสินค้า แต่โดนหักไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้พึ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว โดยช่วงวันที่โดนหักกันถี่ๆคือ 1-2 ต.ค. ที่ผ่านมา   เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวางบนโลกออนไลน์ ทำให้ประชาชนตรวจสอบบัญชีย้อนหลังของตนเองจำนวนมากในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็มีบางส่วนที่ถูกแฮกในช่วงเวลาอื่น

ซึ่งต่อมาพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ที่หลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

 

ขณะที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สอดรับตามนโยบายรัฐบาลพร้อมกำชับสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวน จับกุม ปราบปรามภัยทางสื่อสังคมออนไลน์ทุกรูปแบบ พร้อมขยายผลถึงเครือข่ายของผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด จริงจัง เห็นผลเป็นรูปธรรม

 

โดยขอแนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตรและปฎิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์ และทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถเดินทางไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิดและนำตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 269/5 ผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อแนะนำแนวทางการป้องกันกรณีที่คนร้ายได้ข้อมูลที่อยู่ด้านหน้าบัตรและตัวเลขรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร คนร้ายจึงสามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมผ่านทางออนไลน์ที่มีมูลค่าไม่สูงได้ โดยไม่ต้องใช้ OTP ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือผ่านทางออนไลน์ที่ต้องแจ้งข้อมูลด้านหน้าบัตรและรหัส 3 ตัวที่อยู่ด้านหลังบัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องระวังการหลอกลวงให้กรอกข้อมูลบัตรเพื่อจ่ายเงินค่าภาษีของเว็บไปรษณีย์ไทยปลอม

 

ซึ่งคนร้ายจะทำหน้าเว็บไซต์มีโลโก้ไปรษณีย์ไทยเหมือนของจริง หลีกเลี่ยงการกดลิงค์ที่มีการส่งมาทางอีเมล SMS หรือ สื่อสังคมออนไลน์  หากต้องการเข้าไปที่เว็บไซต์ใด ขอให้พิมพ์ชื่อเว็บด้วยตัวเองเพื่อป้องกันเข้าไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่มีความแนบเนียนมาก

 

นอกจากนี้ยังประชาชนควรนำแผ่นสติ๊กเกอร์ทึบแสงปิดรหัส 3 ตัวด้านหลังบัตร หรือจดรหัส 3 ตัวดังกล่าวเก็บเอาไว้ แล้วใช้กระดาษทรายลบตัวเลขรหัสดังกล่าวออกจากด้านหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน และป้องกันมิจฉาชีพ มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตรเพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์  ทั้งนี้ประชาชนที่พบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ซึ่งต่อมาเมื่อทางธนาคารแห่งประเทศไทยทราบเรื่องก็ได้ได้ออกมาชี้แจ้งผ่านทางเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้แจ้งว่า  โดยเบื้องต้นพบว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว  ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้

นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป

แบงก์ชาติและสมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารพาณิชย์มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง เมื่อพบรายการที่ผิดปกติ ธนาคารจะแจ้งลูกค้าเพื่อตรวจสอบและยืนยันรายการธุรกรรม และพร้อมจะดูแลลูกค้าด้วยความรับผิดชอบเสมอ

 

ชอบคุณ :  ฐานเศรษฐกิจ, เพจธนาคารแห่งประเทศไทย

 

เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่ อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ขณะเดียวกัน ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็เริ่มทยอยออกมาดีกว่าคาด ซึ่งตลาดจะรอลุ้นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3 พร้อมกับติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ ประธานเฟด ถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและโอกาสที่เฟดจะเริ่มลดคิวอีในเดือนพฤศจิกายน

ซึ่งแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติ แต่ควรเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงภายใน อาทิ ปัญหาน้ำท่วม รวมถึง สถานการณ์ COVID ที่ยอดการระบาดยังอยู่ในระดับสูง  จากความผันผวนของราคาทองคำก็อาจส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทได้เช่นกัน โดยราคาทองคำย่อตัวลง อาจเห็นโฟลว์ซื้อทองคำในสกุลเงินดอลลาร์ กดดันเงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่หากราคาทองคำปรับตัวขึ้น อาทิ แตะแนวต้านสำคัญ อาจมีแรงขายทำกำไร หนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

นอกตากนี้ด้านมุมของแนวโน้มเงินดอลลาร์ ในสัปดาห์นี้ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด Risk-On อาจกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งเงินดอลลาร์อาจไม่อ่อนค่าไปมาก หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดยังคงหนุนการลดคิวอีในเดือนหน้าและข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมดีกว่าเศรษฐกิจอื่นๆ

ทั้งนี้ กรอบเงินบาทวันนี้ 18 ต.ค.6 4คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์ ในขณะที่สัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.10-33.60 บาท/ดอลลาร์ นอกจากนี้เชิงเทคนิคัล โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทอาจเริ่มแผ่วลงในระยะสั้นสอดคล้องกับการเกิด Bearish Divergence ซึ่ง เงินบาทยังมีแนวต้านสำคัญอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอเข้ามาทยอยขายดอลลาร์ ขณะที่ ผู้นำเข้าต่างรอซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่า โดยแนวรับของเงินบาทจะอยู่ในโซน 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์ โดยกรอบค่าเงินบาท

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

 

หุ้นเวียดนาม GDP สูงที่สุดในอาเซียน

ในปัจจุบันประเทศเวียดนามมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เติบโตในระยะยาว GDPสูงที่สุดในอาเซียน  ทำให้มีนักลงทุนเข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการลงทุนโดยตรง (FDI) และการลงทุนผ่านตลาดหุ้น ซึ่งหากดูจากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุนรวมและผลตอบแทนที่สะสมอยู่ในระดับสูง สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในกองทุนหุ้นเวียดนามที่สูงมากในปีนี้

นายศุภกร ตุลยธัญ CFAเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ พรินซิเพิลจำกัด  กล่าวว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจโดดเด่นกว่าประเทศอื่นในอาเซียน โดยก่อนที่จะมีการล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีคาดการณ์การเติบโตของ GDP เวียดนามในปี 2564 ไว้ประมาณ 6-7% ซึ่งสูงที่สุดในอาเซียน โดยมีปัจจัยสนับสนุน คือ

 1) การบริโภคภายในประเทศ

2) การส่งออก

 3) เม็ดเงินลงทุนจากบริษัทต่างชาติ (FDI)

4) เงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ คาดการณ์การเติบโตของ GDP เวียดนามในปี 2565 ไว้ที่ประมาณ 6-8% ซึ่งก็ยังเป็นตัวเลขประมาณการเติบโตที่สูงที่สุดในอาเซียน

เมื่อมองในแง่ของการแข่งขันทางเศรษฐกิจปัจจุบันไทยยังคงนำเวียดนามอยู่ด้วยเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า และรายได้เฉลี่ยต่อหัว (GDP per Capita) ที่สูงกว่า 2.6 เท่าของเวียดนาม อย่างไรก็ตาม ด้วยอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจของเวียดนามในปัจจุบัน อาจทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามสามารถเติบโต จนมีขนาดเทียบเท่ากับไทยได้ในเวลาอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งหากไทยต้องการที่จะรักษาสถานะความเป็นผู้นำไว้อาจต้องพึ่งพาความสามารถในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติให้มากขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพในการเติบโตและการขยายตัวของเศรษฐกิจ

โดยกองทุนหุ้นเวียดนามเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ดี นักลงทุนคงต้องศึกษาความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนเพราะตลาดหุ้นเวียดนามยังคงเป็นตลาดที่มีความผันผวนสูงและมีสภาพคล่องต่ำกว่าตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก

ทั้งนี้นักลงทุนควรมีความเข้าใจในความเสี่ยงเหล่านี้ก่อนเข้าลงทุน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างค่าเงินบาทและค่าเงินด่อง ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่ออัตราผลตอบแทน

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ

 

ตลาดหลักทรัพย์สั่งเบรกซื้อขายหลักทรัพย์ GRAMMY

 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY เป็นการชั่วคราวตั้งแต่เวลา 10.22 น.  ของวันที่ 18 ต.ค. 64 เป็นต้นไป เนื่องจากปรากฏวิธีบันทึกการซื้อขายรายใหญ่ (Tradereport-Big lot) จำนวน 52.05% ของทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ GRAMMYต่อตลาดหลักทรัพย์ยังไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว

โดยเช้านี้พบ 10 รายการ  จำนวน 426.77 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 14.30 บาท มูลค่า 6,102.87 ล้านบาท ซึ่งความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GRAMMY เช้านี้ เปิดตลาดที่  14.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท และปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 15.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท หรือ 6.08%  และปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 15.40 บาท  ซึ่งเป็นราคา ช่วง ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯสั่งหยุดพักการซื้อขาย

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

IRPC กำไรไตรมาส 3 โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทหลักทัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ 18ต.ค.64 ว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC คาดกำไรปกติ ไตรมาส 3/2564 ราว 2,630 ล้านบาท บวก 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งติดลบ52%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรโตเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหลักๆด้วยอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นของฝั่งโรงกลั่น ในความต้องการใช้ฟื้น และ supply ตึงตัวลดลง กว่าไตรมาสก่อนหน้าเพราะอัตรากำไรฝั่งปิโตรเคมีที่ลดลงจาก supply ใหม่เข้ามาฉุดและ demand ในจีนชะลอ โดยทั้งปี 2564 คาดกำไรที่ 1.1 หมื่นล้านบาท

โดยราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายที่ระดับ PBV ที่ 1.1 เท่า ขณะที่ ภาพธุรกิจสู่ Cycle ทำกำไร 2564-2566 แนะซื้อเป้า 4.90 บาท โดยคาด กำไรไตรมาส 3/2564 ยังคงโดดเด่นต่อเนื่องจาก spread ผลิตภัณฑ์ยังอยู่ในระดับสูง และสามารถเก็งกำไรรับการฟื้นตัวของ spread HDPE/PP (ผลิตภัณฑ์หลักฝั่งปิโตรเคมี) จากจุด bottom ในไตรมาส 3/2564 ได้

ขอบคุณ สำนักข่าวหุ้นธุรกิจ