LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 22 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 22 ตุลาคม 2564

หุ้นจีน ผันผวนหนัก เพราะปัญหารุมเร้ามาก

มนรัฐ ผดุงสิทธิ์” กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า กองทุนหุ้นจีน ถึงแม้ราคาในตลาด H-shares จะต่ำกว่าตลาด A-shares ประมาณ 20% ซึ่งมองว่าอัพไซด์ของจีนยังไม่มีมากนัก และเนื่องจากราคาที่ต่ำ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะขายออก แต่หากจะเข้าซื้อ อาจจะพอมีอัพไซด์ แต่ก็ค่อนข้างที่จะยากและมีความน่าสนใจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการลงทุนโซนสหรัฐหรือยุโรป รวมถึงการลงทุนในกลุ่มการเงิน (global financial)หรือกลุ่มเทคโนโลยี (global technology) ที่น่าจะมีอัพไซด์ที่ดีกว่ากองทุนหุ้นจีน

หากมองในภาพใหญ่คิดว่าจีนกำลังอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องของความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน ซึ่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของจีนคงจะใช้ระยะเวลานานหลายปี และจะทำให้ตลาดหุ้นจีนเกิดความผันผวนได้ตลอด ดังนั้น จากความไม่แน่นอน จึงยังทำให้ยังมีความผันผวนที่สูง แต่หากนักลงทุนสนใจลงทุนในจีน แนะให้ลงทุน H-sharesและ A-shares ในสัดส่วนการลงทุนที่เท่า ๆ กัน ประมาณ 50 : 50% แต่หากดูเรื่องอัพไซด์มองว่าการลงทุนในสหรัฐและยุโรปดูน่าสนใจกว่า เนื่องจากมองว่าจีนยังเป็นดาวน์ไซด์มากกว่าอัพไซด์

ทั้งนี้ จีนยังคงเป็นกองทุนที่น่าสนใจ ถึงแม้การเติบโตของเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง แต่จีนก็ยังคงเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่ยังเติบโตได้อีกมหาศาล แต่จีนยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังเงียบอยู่ ซึ่งทำให้ยังประเมินภาพการลงทุนในจีนได้ค่อนข้างยากในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าจีนยังคงมีความผันผวนและมีปัจจัยลบรุมเร้าค่อนข้างมากในระยะสั้น แต่ในระยะยาวหากนักลงทุนสามารถอดทนต่อความผันผวนของตลาดหุ้นจีนได้ โดยต้องขึ้นกับนักลงทุนว่าจะมองช่วงนี้เป็นโอกาสเข้าลงทุนระยะยาว หรือจะเลือกไปลงทุนในที่ที่ผันผวนน้อยกว่า

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ

 

สหรัฐ เปิดตัวกองทุน Bitcoin Future ETF อย่างเป็นทางการ

สหรัฐอเมริกาเปิดตัวกองทุน Bitcoin Future ETF  อย่างเป็นทางการ ซึ่งกองทุนดังกล่าวดำเนินการโดยบริษัทจัดการสินทรัพย์ ProShares และใช้ชื่อย่อว่า BITO ซึ่งนักลงทุนในสหรัฐอเมริกาที่มีบัญชีกับโบรกเกอร์ หรือบัญชีซื้อขายหุ้น สามารถลงทุนซื้อ-ขายกองทุน Bitcoin Future ETF ได้เลย ซึ่งเป็นกองทุน BITO ที่มีมูลค่าการซื้อขายวันแรกสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับกองทุน Bitcoin Future ETF เป็นกองทุนที่ลงทุนกับ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของราคาบิทคอยน์ มีความแตกต่างกับ Bitcoin Spot ETF ที่ไปลงทุนในบิทคอยน์มีการถือครองบิทคอยน์ไว้ในมือ

ซึ่งปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา ได้อนุมัติให้ทำได้เพียง Bitcoin Future EFT เท่านั้น แต่กองทุน Bitcoin Spot ETF ทางสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกายังไม่ได้มีการอนุมัติแต่อย่างใด

ทั้งนี้หากผู้ลงทุนคนไทยสนใจเทรด Bitcoin Future สามารถเข้าไปศึกษารายละเอียดกับ MTS Capital ภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท MTS Gold แม่ทองสุกภายหลังจากจับมือกับ “CME Group” ซึ่งก็คือตลาดซื้อขายอนุพันธ์อันดับ 1 ของโลก ที่เปิดให้คนไทยสามารถลงทุนใน “Micro Bitcoin Future” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Cryptocurrency ที่ผู้ลงทุนคนไทยสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องไปเทรดถึงตลาดต่างประเทศ

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ สินเชื่อบ้านสูงขึ้นปี 65

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า  ผลของการผ่อนคลายมาตรการ LTV คงจะเปิดโอกาสให้สินเชื่อบ้านเติบโตในกรอบที่สูงขึ้นในปี 2565 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินเบื้องต้นว่า การผ่อนปรนมาตรการ LTV จะทำให้สินเชื่อบ้านปี 2565 มีโอกาสเติบโตเพิ่มเติมได้ประมาณ 0.3-0.7% ไปอยู่กรอบ 4.8-5.2% สูงขึ้นกว่ากรอบคาดการณ์ปี 2564 ที่ 4.2-4.5% โดยยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศตลอดช่วงเวลาของมาตรการฯ จะเพิ่มขึ้นจากที่เคยคาดไว้คิดเป็นมูลค่าราว 18,000 – 30,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีมาตรการ

ซึ่งการผ่อนเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่อง หรือ  มาตรการ LTV โดยปรับเพดาน LTV เป็น 100% ชั่วคราวจนถึงสิ้นปี 2565 จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการซื้อที่อยู่อาศัย ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของตลาดที่อยู่อาศัยและการปล่อยสินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินในช่วงที่เหลือของปีนี้และในปี 2565 ที่ยังเต็มไปด้วยหลายปัจจัยท้าทาย

ทั้งนี้ประเด็นติดตามจะอยู่ที่การประเมินความพร้อมในการก่อหนี้ก้อนใหม่หรือรีไฟแนนซ์หนี้เดิม ซึ่งครอบคลุมถึงความเสี่ยงด้านเครดิตและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่อาจเผชิญปัญหาหนี้สินที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด รวมถึงสถานการณ์รายได้และการจ้างงานที่อาจยังไม่กลับสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่ อันจะมีผลต่อเงื่อนไขการอนุมัติสินเชื่อสำหรับลูกหนี้แต่ละรายในท้ายที่สุด

หลังถอนใบอนุญาต คปภ.แจ้ง SMS กับลูกค้าเอเชียประกันภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. กล่าวว่า ตามที่ได้มีคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1936/2564 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) และคำสั่งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยที่ 2/2564 แต่งตั้งให้กองทุนประกันวินาศภัยเป็นผู้ชำระบัญชี ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น สำนักงาน คปภ. ซึ่งได้รับมอบหมายจากกองทุนประกันวินาศภัย ในฐานะผู้ชำระบัญชี ได้พัฒนาเว็บแอปพลิเคชั่น (Web Application) ชื่อ “ระบบแจ้งข้อมูลและสิทธิกรณีบริษัท ประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน)” รวมถึงแจ้งข้อมูลไปยังผู้เอาประกันภัยผ่าน SMS ตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้จากระบบของบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมตามขั้นตอนและสิทธิต่าง ๆ ผ่านช่องทาง Web Application ดังนี้

กรณีที่ 1 กรมธรรม์ประกันภัยมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ให้ผู้เอาประกันภัยยื่นขอทวงหนี้ที่กองทุนประกันวินาศภัย หรือสำนักงาน คปภ.ทั่วประเทศ

กรณีที่ 2 ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกใช้สิทธิตามที่ระบุไว้

กรณีที่ 3 ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยประเภทอื่นๆ ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกใช้สิทธิตามที่ระบุไว้เช่นกัน

ทั้งนี้การส่ง SMS และการทำรายการผ่านช่องทาง Web Application ดังกล่าว จะไม่ทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียสิทธิที่พึงมีตามสัญญาประกันภัยแต่อย่างใด โดยเป็นการอำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้เอาประกันภัยเพื่อให้กระบวนการชำระหนี้รวดเร็วขึ้น ทั้งนี้หากผู้เอาประกันภัยมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วน คปภ. 1186 ซึ่งปัจจุบันมี 19 บริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยในกรณีดังกล่าวแล้ว โดยผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าไปใช้งาน Web Application ดังกล่าวผ่านช่องทางเว็บไซต์ คปภ. และ Chatbot “คปภ.รอบรู้” (LINE : @OICConnect) และสำนักงาน คปภ.จะรวบรวมข้อมูลจากผู้เอาประกันภัยที่แจ้งข้อมูลเพื่อส่งให้กองทุนประกันวินาศภัยดำเนินการต่อไป โดยกองทุนประกันวินาศภัยจะแจ้งเป็นหนังสือทางไปรษณีย์ควบคู่ไปด้วย ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

แนวทางฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิดคลี่คลายดัน GDP ปี 65

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษในการประชุม The Committee on Macroeconomic Policy, Poverty Reduction and Financing for Development ครั้งที่ 3 ที่จัดโดยคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP)  กล่าวว่า บทบาทของกระทรวงการคลังในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และ 5 แนวทางหลักในการสนับสนุนและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนี้

แนวที่ 1 นโยบายทางการเงินเพื่อเยียวยาและสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เพื่อให้สามารถฟื้นตัวอย่างมั่นคง อาทิ มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ

แนวทางที่2 การบริหารเศรษฐกิจระดับมหภาค โดยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการคลัง การบริหารระดับหนี้สาธารณะ ตลอดจนถึงการปรับปรุงระบบการเก็บภาษี และการดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

แนวทางที่3 การลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ โดยการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่คำนึงถึงการปรับปรุงระบบสวัสดิการ คุณภาพชีวิตของผู้คน และการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค

แนวทางที่4  การสร้างโครงข่ายความปลอดภัยทางสังคมที่มั่นคง โดยประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครองดูแลจากภาครัฐอย่างทั่วถึง ทั้งแบบสมัครใจและมีส่วนร่วม อาทิ กองทุนประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ และกองทุนการออมแห่งชาติ

แนวทางที่5  รัฐบาลได้วางแผนที่จะเปิดประเทศแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64 ประเทศไทยจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยทางอากาศได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยต้องมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ และนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เป็นลบ โดยต้องทำการตรวจเชื้อก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง และจะได้รับการตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย

โดยเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 63 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาด และจัดสรรเงินทุนที่จำเป็นทั้งหมด เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขและบรรเทาความเดือนร้อนให้แก่ประชาชน แรงงาน และผู้ประกอบธุรกิจ

ทั้งนี้รัฐบาลได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อนให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ต้องออกจากงานอย่างกะทันหัน หรือถูกลดค่าจ้างลง โดยผ่านโครงการให้เงินช่วยเหลือเยียวยา ในขณะเดียวกัน โครงการอื่น ๆ ของรัฐบาลอย่างโครงการคนละครึ่ง และการลดภาษีได้ช่วยรักษาระดับการบริโภคในประเทศ รวมถึงรัฐบาลได้รักษาระดับการจ้างงานผ่านโครงการให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยตรง และการดำเนินมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ของรัฐบาลจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในอนาค รวมถึงแนวโน้มคาดว่าภายในสิ้นปี 64 จะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นบวกได้ โดยภาคการส่งออกสินค้าจะเป็นกุญแจขับเคลื่อนที่สำคัญ ส่วนในปี 65 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นกลับมาขยายตัวได้แข็งแกร่งกว่าเดิม หรือขยายตัวในช่วง 4-5% ได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายลง

 

ขอบคุณ: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 16 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 16 ตุลาคม 2564

ธปท. เตือนประชาชน ระวังชักถูกชวนลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ให้ผลตอบแทนสูง

นางอลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การชักชวนให้ลงทุนซื้อขายเงินตราต่างประเทศหรือเก็งกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FOREX) ได้ผลตอบแทนที่ดี มักเป็นการหลอกลวง มีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ที่ไม่มีการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศจริง จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อการชักชวนให้ลงทุนในลักษณะดังกล่าว เพราะนอกจากธุรกิจดังกล่าวจะผิดกฎหมายแล้ว ประชาชนยังมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืนด้วย

 ตาม พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ ประชาชนจะต้องทำกับธุรกิจที่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น รวมถึงปัจจุบันยังไม่เคยให้ใบอนุญาตแก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อการลงทุนแต่อย่างใด แต่การประกอบธุรกิจหรือมีส่วนร่วมกับการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ FOREX ในประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เช่น การให้บริการรับ-ส่งเงินเพื่อให้ประชาชนทำธุรกรรมหรือเพื่อชำระเงินในธุรกรรม FOREX บนเว็บไซต์ ทั้งในและต่างประเทศ มีความผิดตาม พ.ร.บ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน

 ทั้งนี้บุคคลที่โฆษณาหรือเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามาซื้อขายเงินตราต่างประเทศ หรือ FOREX กับตนโดยไม่ได้รับอนุญาต อาจมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย  หากมีข้อสงสัย โปรดสอบถาม ฝ่ายนโยบายและกำกับการแลกเปลี่ยนเงิน ธปท. โทร 02 3567799 หรือ ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร 1213

 

ขอบคุณ : ธนาคารแห่งประเทศไทย

 

ราคาบิตคอยปรับตัวเป็นบวก61,350ดอลลาร์

วันที่ 16 ต.ค.64 เวลา 05.42 น. ราคาบิตคอยน์ เทรดที่เว็บไซต์อินเวสต์ติง ดอท คอม  การเคลื่อนไหวที่ 61,350.0 ดอลลาร์ปรับตัวในช่วงขาขึ้นของราคาบิตคอยน์เป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเมื่อวันที่15ต.ค.ที่ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 61,000 ดอลลาร์ และอยู่เหนือระดับ 2,000,000 บาท ขณะที่นักลงทุนเชื่อมั่นว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ จะอนุมัติจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟบิตคอยน์เพื่อทำการซื้อขายในตลาดล่วงหน้า

โดยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.64 เวลา 00.33 น.ตามเวลาไทย บิตคอยน์ได้ทะยานขึ้น 5.98% สู่ระดับ 61,333.62 ดอลลาร์ หรือราว 2,042,400 บาท ในการซื้อขายบนแพลตฟอร์มคอยน์เบส ซึ่งก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 64,889 ดอลลาร์ในขณะที่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา “เบน เคสลิน” หัวหน้าฝ่ายวิจัยของบริษัทเอเอเอ็กซ์  คาดการณ์ว่า การจัดตั้งกองทุนอีทีเอฟบิตคอยน์ในสหรัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้นในไตรมาส 4

ซึ่งสถิติที่ผ่านมาชี้ว่า สกุลเงินดิจิทัลมักปรับตัวได้ดีในเดือนต.ค. สามารถฟื้นตัวขึ้นหลังจากปรับตัวย่ำแย่ในเดือนก.ย. ในรูปแบบการปรับตัวของบิตคอยน์ปีนี้สอดคล้องกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพราะบิตคอยน์ดิ่งลงอย่างหนักในเดือนก.ย.ปีนี้ ใกล้หลุดระดับ 40,000 ดอลลาร์ หลังจีนสั่งกวาดล้างการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์

สำหรับธนาคารกลางจีนออกแถลงการณ์กล่าวว่า การทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบิตคอยน์ ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และจะถูกกวาดล้างอย่างหนัก นอกจากนี้ แพลตฟอร์มจากต่างประเทศที่ให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลแก่ลูกค้าในจีน ก็ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน และพนักงานที่ทำงานให้แก่แพลตฟอร์มดังกล่าวจะถูกดำเนินการสอบสวน

ในเดือนก.ค. ธนาคารกลางจีนมีคำสั่งห้ามสถาบันการเงิน รวมทั้งอาลีเพย์ ซึ่งเป็นบริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ในเครือของบริษัทแอนท์กรุ๊ปของอาลีบาบา ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต ขณะที่รัฐบาลจีนสั่งกวาดล้างเหมืองขุดบิตคอยน์

 ทั้งนี้บิตคอยน์ยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า กองทุนของ”จอร์จ โซรอส” เจ้าของฉายาพ่อมดการเงิน ได้เข้าลงทุนในบิตคอยน์

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ

 

นักวิเคราะห์คาดเศรษฐกิจจีนขยายตัว 5%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจพบว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 5% ในไตรมาส 3 จากระดับ 7.9% ในไตรมาส 2 ในขณะที่ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จากวิกฤตหนี้ของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ รวมทั้งการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า, ความเชื่อมั่นที่อ่อนแอของผู้บริโภค และต้นทุนวัตถุดิบที่พุ่งขึ้นในภาคการผลิต

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการลงทุนที่ซบเซา การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอในเดือนก.ย.ที่ผ่านมายอดค้าปลีกอาจฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (เอ็นบีเอส) รายงานว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.9% ในไตรมาส 2 ทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 5 ไตรมาส โดยได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ด้านจีดีพีประจำไตรมาส 2 ของจีนชะลอตัวลงจากไตรมาสแรกที่มีการขยายตัวเป็นประวัติการณ์ถึง 18.3% นอกจากนี้จีดีพีในไตรมาส 2 ยังขยายตัวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวราว 8.0-8.1%ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัว 12.7%

 

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

เฮิร์บ เทรเชอร์ จับมือสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ปลูกกัญชงตั้งเป้าปีละพันล้าน

นางสาวรมย์ชลี จันทร์ประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการปลูกกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ บริษัท เฮิร์บ เทรเซอร์  ได้เห็นความสำคัญในการส่งเสริมให้เกษตรกรและกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ทดสอบสายพันธุ์กัญชงเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ตั้งแต่การเพาะปลูก การบำรุงรักษา ตลอดจนเก็บเกี่ยวผลผลิต และการแปรรูปจำหน่ายในเชิงพาณิชย์  โดยที่ผ่านมาร่วมลงนามความร่วมมือกับ การยาสูบแห่งประเทศไทย  ว่าด้วยความร่วมมือโครงการส่งเสริมการปลูกกัญชงเพื่อเสริมสร้างอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกร และ สมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบเชียงราย-พะเยา เพื่อเสริมสร้างอาชีพและส่งเสริมรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบ  ยังเปิดโอกาสให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการประสานมายังบริษัทฯได้ รวมถึงผู้ที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและถูกต้องตามกฏหมาย

ซึ่งในปัจจุบันบริษัท มีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหาร อาหารเสริม เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ในประเทศทั้งฝั่งเอเชีย และ ยุโรป ติดต่อเข้ามาเพื่อซื้อสารสกัด CBD อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่บริษัทฯ มีพันธมิตรที่แข็งแรง จะสามารถขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าผลผลิตแรกจะเริ่มออกในช่วงปลายปีนี้ และจะทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายภาคิณ ปุณณเกษมกิจ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ  ROJNA กล่าวว่า บริษัทได้ร่วมลงทุนกับบริษัท เฮิร์บ เทรเชอร์ จำกัด ด้วยการเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นสามัญเป็น จำนวนหุ้น 255,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ 51% ในระยะแรกให้ความสำคัญและการเติบโตของธุรกิจกัญชงแบบครบวงจรที่เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ในอนาคต รวมถึงให้ความสำคัญเรื่องผลิตสายพันธุ์ การปลูก สกัด จากการปลูกใน 300 โรงเรือนอัจฉริยะ บนพื้นที่ 100 ไร่ ซึ่งสามารถผลิตสาร CBD Isolateได้ประมาณ 9 ตันต่อปี  เพื่อตอบสนองความการเติบโตของตลาดของสาร CBD เชิงพาณิชย์หลายด้านในอนาคต เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมอาหารเสริม เป็นต้น  โดยในระยะแรกบอร์ดอนุมัติลงทุน 250 ล้านบาท สำหรับเดินหน้าก่อสร้างโรงงานสกัดสาร CBD ระยะที่หนึ่ง และมีแผนเพิ่มทุนระยะที่2 ในระยะเวลาอันใกล้เพื่อให้เสร็จภายในปี 2565 

สำหรับการลงทุนแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติเงินลงทุนจำนวน 250 ล้านบาทเพื่อตอบสนองอุปสงค์ของกลุ่มลูกค้าที่ได้ส่งเอกสารแสดงความต้องการจะซื้อผลิตภัณฑ์ของทางบริษัท ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเตรียมการเพื่อขยายกำลังการผลิตและรองรับความต้องการของตลาดที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นอีกในระยะเวลา 2 ปี  โดยเฮิร์บ เทรเชอร์ ยังเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตส่งออก และคาดการณ์ว่าการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมกัญชงแบบครบวงจรครั้งนี้ จะทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจกัญชงตั้งแต่ปี 2565  ตั้งเป้าปีละ 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เหตุผลหลักในการตัดสินใจเข้าลงทุนในธุรกิจกัญชงครบวงจร เนื่องจากผู้บริหาร ROJNA จำเป็นต้องมองหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งมูลค่าผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาวเพื่อพิจารณาถึงธุรกิจที่มีความเป็นไปได้จริงและสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนซึ่งเฮิร์บ เทรเชอร์  เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีประสบการณ์จริง ที่สำคัญมีผู้บริหารที่มีความสามารถ อีกทั้งยังมีนโยบายและหลักการในการบริหารธุรกิจเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในตลาด

 

 ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ

 

 

ลูกค้า เอเชียประกันภัย เตรียมโอมกรมธรรม์ไปบริษัทในเครือ คปภ.13 บริษัท หลัง บริษัทเอเชียประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต

จากกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1936/2564 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยของบริษัทเอเชียประกันภัย 1950 จำกัด(มหาชน)โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564เป็นต้นไป

ซึ่งคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่มีคำสั่งนายทะเบียนที่ 51/2564 ตามความเห็นคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ให้บมจ.เอเชียประกันภัย 1950 จำกัดหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราวเมื่อวันที่23ก.ย.2564เพิ่มทุนหรือแก้ไขสถานะให้มีค่าCAR ตามที่กฎหมายกำหนดตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 30 วัน และแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายโดยประจำการที่ทำการของบริษัทพร้อมได้เร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยคืบหน้ากว่า 13,000 รายวงเงินกว่า 800 ล้านบาท

 ในขณะที่สินไหมค้างจ่ายทดแทนคงเหลือ 29,560 กรมธรรม์จำนวนเงิน 1,792.78 ล้านบาท โดยทรัพย์สินของบริษัทยังไม่เพียงพอที่จะดูแลค่าเคลมที่ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่บริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะทางการเงินและมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน-327.40%

จาก ข้อมูลจากการตรวจสอบ “บมจ.เอเชียประกันภัย 1950 โดยข้อมูลทางการเงินของบริษัทที่ยังไม่ได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ณเดือนกันยายน 2564 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 3,713.48 ล้านบาทหนี้สินรวม 5,256.54ล้านบาท หนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน -1,543.06ล้านบาท สินทรัพย์สภาพคล่อง 1,366.05 ล้านบาท จึงเป็นเหตุต้องเพิกถอนใบอนุญาตเพื่อให้กองทุนประกันวินาศภัยเข้าดูแลโดยใช้เงินกองทุนเยียวยาผู้เอาประกันภัย  

ต่อมาทาง คปภ.ได้ร่วมมือกับกองทุนประกันวินาศภัยและบริษัทประกันวินาศภัยรวม 13 บริษัทเพื่อรับโอนกรมธรรม์ประกันภัยที่ยังไม่หมดอายุความคุ้มครองแบ่งเป็น 2 กลุ่มได้แก่ 1.กรมธรรม์ประกันโควิด 8 แสนฉบับ ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ 2แสนบาทและประกันรถยนต์ภาคบังคับและอื่นๆมากกว่า 1 ล้านฉบับ  สำหรับผู้เอาประกันภัยโควิคที่ต้องการความคุ้มครองอยู่ คปภ.ร่วมกับบมจ.ทิพยประกันภัยเสนอแพ็คเกจกรมธรรม์คุ้มครองโควิชกรณีภาวะโคม่าด้วยทุนประกันภัย 300,000 บาทเบี้ยประกันภัย 300 บาท

ทั้งนี้  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มีคำสั่งถอนใบอนุญาติประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย เช่น บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย ตั้งแต่วันที่ 7กันยายน 2561 ซึ่งคปภ.ได้รับความร่วมมือจากบริษัทประกันวินาศภัย 26บริษัทรับโอนกรรมสิทธิกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ยังมีผลผูกพันของผู้เอาประกันภัยทั้งภาคสมัครใจและประเภทอื่น ๆและมีกองทุนประกันวินาศภัยเพื่อช่วยเหลือเจ้าหนี้กรณีบริษัทถูกถอนใบอนุญาต

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ