LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 19 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 19 ตุลาคม 2564

ม็อบรถ10ล้อ กดดันรัฐบาลหลังได้รับผลกระทบราคาน้ำมันพุ่ง

วันนี้ 19 ต.ค. 64 ตั้งแต่ เวลา 10.00 – 16.00 น.  ม็อบคาราวานสิบล้อนัดเคลื่อนพลกันครั้งใหญ่โดยวิ่งไปในเส้นทางสายหลัก เหนือ ใต้ อีสาน ตะวันออกและตัววันตก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาทต่อลิตร ลดภาษีสรรพสามิตลง 5 บาทต่อลิตร ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุนพลังงาน เป็นระยะเวลา 1 ปี เพราะเกิดวิกฤติน้ำมันดีเชล ได้ปรับราคาขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง​ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอัตราค่าขนส่ง​ ส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภค​ และ​บริโภค​ขึ้นตามราคาน้ำมันไปด้วย​ ภาคการขนส่ง​ และประชาชนได้รับความเดือดร้อน

 

นายทองอยู่ คงขันธ์ ประธานที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของพลังของคนรถบรรทุก เป็นการเรียกร้องให้ภาครัฐได้รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชนและอาชีพขนส่งที่บริโภคน้ำมัน ประเด็นราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งซ้ำเติมประชาชน และผู้ประกอบการภาคขนส่งช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด ซึ่งในปัจจุบันมีรถบรรทุกที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ประมาณ 1.4 ล้านคัน  ทำให้ขณะนี้รถบรรทุกมีการขนส่งแค่ 30-40% เท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทสินค้าอุปโภค-บริโภค ปิโตรเลียม น้ำมัน ส่วนสินค้าประเภทภาคการเกษตร และอุตสาหกรรมมีการหยุดชะงัก เพราะภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และประสบปัญหาอุทกภัยในขณะนี้

 

โดยไม่เห็นด้วยกับมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานของกระทรวงพลังงาน ซึ่งข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันดีเซลที่มีราคาสูงตามหนังสือของสหพันธ์ ที่ได้เรียกร้องไปก่อนหน้านี้

 1.ให้ตรึงราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับสูตรใหม่ชนิด บี 6 ในราคา 25 บาท/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี เริ่ม 11 ต.ค.เป็นต้นไป

 2.ลดภาษีสรรพสามิตลง ลิตรละ 5 บาท/ลิตร เป็นเวลา 1 ปี หรือนำเงินกองทุนพลังงานมารักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันให้อยู่ระดับ 25 บาท/ลิตร

 3.กำหนดผลิตภัณฑ์หรือชนิดน้ำมันดีเซลเป็นชนิดบี 6 ชนิดเดียว เพื่อลดผลกระทบผู้บริโภคช่วงโควิด

แต่ปัจจุบันยังไม่มีการตอบรับแต่ประการใด สำหรับเส้นทางที่จะเคลื่อนพลไปคือ  เส้นทางที่ 1️ ถนนพระรามสองเชื่อมต่อกาญจนาภิเษก, เส้นทางที่ 2️ ถนนบรมราชชนนี ถนนกาญจนาภิเษก, เส้นทางที่ 3️ ถนนสายเอเชียเชื่อมต่อบางปะอินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา(ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ), เส้นทางที่ 4️ ถนนบางนาตราด เชื่อมต่อกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันตก (บางพลี) จ.สมุทรปราการ (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ), เส้นทางที่ 5️ ถนนสุขุมวิท อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เชื่อมต่อ ถนนหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ แหลมฉบัง (ไม่เข้าเขตกรุงเทพฯ),เส้นทางที่ 6️ ถนนรอบเมือง จ.อุบลราชธานี

 

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ,เดลินิวส์

 

Elon Musk โกยกำไรพุ่งกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

Coinmarketcap รายงานว่า บริษัท Elon Musk ได้เพิ่ม BTC มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในงบดุล ซึ่งผลตอบแทนในปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาของ BTC ปรับตัวขึ้นในเดือนตุลาคมแตะระดับ 58,000 ดอลลาร์ในวันที่ 14 ตุลาคม โดยราคาล่าสุดของ Bitcoin มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 2,069,000 บาท

  โดย Tesla เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ว่ามีการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า 241,300 คันในไตรมาสที่ 3 เทียบกับ 201,250 คันในไตรมาสก่อนหน้า เมื่อรวมกับผลกำไร Bitcoin ของ Tesla ความคาดหวังสูงสำหรับรายได้บล็อกบัสเตอร์ที่จะเปิดตัวหลังจากตลาดปิดในวันที่ 19 ต.ค.

สำหรับ Tesla  ถือครองเหรียญคริปโต Bitcoin  อยู่ประมาณ 43,200 เหรียญ โดยประเมินมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ณ ราคาปัจจุบัน ตามข้อมูลการตรวจสอบออนไลน์ของ Bitcoin Treasuries ซึ่งมากกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์จ่ายไปในเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 65% หรือ 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งไตรมาส 2 Tesla ขายการถือครอง Bitcoin 10% หรือประมาณ 46,000 BTC ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 50,000 ดอลลาร์ต่อโทเค็น ในรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 บริษัทแจ้งว่าได้บันทึกกำไรมูลค่า 128 ล้านดอลลาร์จากการขาย Bitcoin

ทั้งนี้หลังจากการฟื้นตัวของราคา Bitcoin ล่าสุด กำไรสุทธิของ Tesla จากการถือครอง crypto มากพอ ๆ กับรายได้ Q2 ซึ่งรายละเอียด Tesla ระบุถึงกำไรสุทธิ คือ 1.14 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 2 ถือว่าเป็นครั้งแรกผ่านระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ โดยรายรับนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของรายรับ 11.96 พันล้านดอลลาร์ ที่ Tesla ทำส่วนใหญ่ด้วยการขายรถยนต์ มูลค่าประมาณ 10.21 พันล้านดอลลาร์ ในส่วนที่เหลือ 354 ล้านดอลลาร์ มาจากการขายสินเชื่อด้านกฎระเบียบ

 

ขอบคุณ : มติชนออนไลน์

3 หุ้นน้องใหม่ IPO เตรียมลงสนามเทรด เล็งต่อยอดขยายธุรกิจ

3 หุ้นน้องใหม่IPO เตรียมลงสนามเทรด  มั่นใจหลังระดมทุน เล็งต่อยอดธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการขยายธุรกิจ พร้อมวางเป้าขยายยอดขาย

TFM  เปิดจอง 19-21 ต.ค.นี้ ราคาขายหุ้นละ 13.50 บ.โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก IPOจำนวน 109.3 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน 90 ล้านหุ้น ซึ่งหุ้นสามัญเดิมเสนอขายโดย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จํากัด มหาชน จำนวน 19.3 ล้านหุ้น รวมทั้งหมดไม่เกินร้อยละ 21.9 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ชำระคืนเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต

นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM กล่าวว่า ใน 3 ปีข้างหน้า มองการเติบโตของยอดขายในไทยโตปีละ 5-10% การโตในระดับนี้ บริษัทจึงอยากจะไปโตในต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องไปลงทุนในอินโดนีเซียและปากีสถาน โดยตั้งเป้ารายได้ในต่างประเทศปี 65-67 เติบโตระดับ 10%,15% และ 25% ในอนาคตจะเติบโตในต่างประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้การเข้าระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจของ TFM ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะตลาดในประเทศไทยเท่านั้น บริษัทฯ ยังได้มีการขยายธุรกิจไปยังประเทศที่อุตสาหกรรมสัตว์น้ำมีศักยภาพในการเติบโตสูง ผ่าน Model ธุรกิจที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ

นางจารีรัตน์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT กล่าวว่า กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก IPO  จำนวน 53.25 ล้านหุ้น ที่ราคา 7.50 บาท/หุ้น โดยเปิดให้จองซื้อในวันที่ 19 – 21 ต.ค.นี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI 28 ต.ค. นี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้างในชื่อหลักทรัพย์ว่า “DPAINT”

โดยราคาหุ้นสามัญเสนอขายหุ้นละ 7.50 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 32.80 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ระหว่างวันที่1 ก.ค. 63 – 30 มิ.ย.64 ถือว่ามีส่วนลด จากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเฉลี่ยของกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมือนกันทั้งในและต่างประเทศ มองว่า DPAINT มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สีทาอาคารรายที่ 3 ในตลาดทุน ที่โดดเด่นทางด้านนวัตกรรม และผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ เป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จำนวนประมาณ 373.16 ล้านบาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง จะนำไปใช้ลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน เครื่องจักร และระบบการผลิตที่โรงงานสุวินทวงศ์ จำนวนประมาณ 150 ล้านบาท ระยะเวลาการใช้เงินภายในปี 68 เพื่อเพิ่มความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนในการซื้อเครื่องผสมสีจำนวน 440 เครื่อง จำนวนประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 68 เพื่อขยายจำนวนร้านค้าปลีกและร้านค้าปลีกสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น และเพิ่มโอกาสในการขยายผลิตภัณฑ์สีกลุ่มที่อัตรากำไรดี นอกจากนี้จะนำเงินไปใช้ลงทุนในการทำระบบ ERP จำนวนประมาณ 10 ล้านบาท และใช้ลงทุนสร้างห้อง LAB จำนวนประมาณ 5 ล้านบาทภายในปี 65,ใช้ชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 25 ล้านบาทภายในปี64 และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 83.20 ล้านบาท

ทั้งนี้ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 เติบโตตามแผน แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 DPAINT มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5%

นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY เปิดเผยว่า นำหุ้นซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 25 ต.ค.นี้ ในใช้ชื่อหุ้น “GLORY” การซื้อขายหลักทรัพย์ หลังจากเปิดจองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 12 , 14 และ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 2.80 บาท จำนวนทั้งสิ้น 70 ล้านหุ้น ได้กระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มนักลงทุนจำนวนมาก ทำให้บริษัทสามารถขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก IPO หมดจำนวน สะท้อนถึงศักยภาพธุรกิจความเชื่อมั่นในฐานะผู้ประกอบการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่บริการดำเนินธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์มรวมถึงเป็นสื่อกลางการจัดจำหน่ายวรรณกรรมแปลลิขสิทธิ์ต่างประเทศ นิยาย การ์ตูน และหนังสือ ออนไลน์ ผ่านช่องทาง Kawebook  แพลตฟอร์ม เพื่อรองรับการขยายตัวของวงการหนังสือในตลาดอีคอมเมิร์ช

โดยเงินจากการระดมทุนหลังหักค่าใช้จ่าย189 ล้านบาท เตรียมซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรม นิยายและการ์ตูนจากต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของวรรณกรรมให้ตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าให้ได้ครบทุกกลุ่มเป้าหมาย พัฒนาแพลตฟอร์ม Kawebook เพื่อขยายการเติบโตของฐานลูกค้าในกลุ่มเป้าหมายผู้หญิง รวมไปถึงพัฒนาแพลตฟอร์มให้รองรับการใช้งานภาษาต่างประเทศ เพื่อขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้อัตราการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ในช่วงปี 61 – ปี 63 เทียบเป็นจำนวน 42.52 ล้านบาท 73.43 ล้านบาท และ 78.24 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปี CAGR 35.81% ขณะรายได้การจำหน่ายและบริการในช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 อยู่ที่ 45.43 ล้านบาท อัตราการเติบโต 19.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลความเชื่อมั่นได้ว่า GLORY เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งตามภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต สำหรับนักลงทุนมั่นใจในศักยภาพและปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่มีศักยภาพ ประกอบกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและการให้บริการด้าน Digital Technology Platforms เพื่อรองรับการขยายตัวของวงการหนังสือในตลาด E-Commerce  ซึ่งหุ้นของ GLORY เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์MAIในหมวด เชื่อมั่นว่า การระดมทุนของ GLORY ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถต่อยอดและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอนาคตให้มีศักยภาพและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

 

ขอบคุณ: มติชนออนไลน์

เดือนตุลา ยอดซื้อหุ้นต่างชาติพุ่ง

มูลค่าการซื้อขายสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค. – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 50,440.47 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 17,066.92 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 58,961.30 ล้านบาท และรายย่อย ซื้อสุทธิ 92,334.85 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายสะสมในช่วง 1 – 18 ต.ค. กองทุน ขายสุทธิ 9,498.40 ล้านบาท โบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 4,339.46 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 17,744.04 ล้านบาท และรายย่อย ขายสุทธิ 12,585.10 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สรุปมูลค่าการซื้อขายตามกลุ่มนักลงทุนวันที่ 18 ต.ค.64 พบว่า สถาบันกองทุนในประเทศ  มียอดขายสุทธิ 1,719.93 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 76.54 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,773.87 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 2,130.49 ล้านบาท

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

 

ออสเตรเลีย ร่างกฎหมาย สั่งยึดเหรียญ Crypto

Karen Andrews รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของออสเตรเลีย กล่าวว่า มาตรการใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อขัดขวางการกำหนดเป้าหมายของธุรกิจในออสเตรเลียโดยแฮ็กเกอร์ระหว่างประเทศ กฎหมายใหม่ ที่เข้มงวดจะกำหนดเป้าหมายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ และโจมตีอาชญากรไซเบอร์ที่ซึ่งมันจะสร้างความเจ็บปวดที่สุดในการกระทำของพวกเขา โดยฝ่ายบังคับใช้กฎหมายจะทำการยึดไม่ให้มียอดคงเหลือในธนาคาร โดยกฏหมายดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ด้านการจัดการกับข้อมูลที่ถูกขโมยและการซื้อและขายมัลแวร์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีประเภทแรนซัมแวร์ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก็จะถูกลงโทษด้วย

สำหรับหน่วยงานเฉพาะกิจจากหลายองค์กรที่เรียกว่า Operation Orcus ถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนกรกฎาคมเพื่อจัดการกับการโจมตีของแรนซัมแวร์ การโจมตีส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดในรัสเซียโดยใช้มัลแวร์ เช่น REvil หรือ DarkSide ซึ่งเข้ารหัสหรือขโมยข้อมูล จากนั้นจึงเรียกค่าไถ่ในสกุลเงินดิจิทัล

ทั้งนี้ฝ่ายนิติบัญญัติในสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มความพยายามในการจัดการกับแรนซัมแวร์ เมื่อต้นเดือนต.ค.64 ว่าวุฒิสมาชิกต่อต้านการคริปโต Elizabeth Warren ได้แนะนำพระราชบัญญัติการเปิดเผยค่าไถ่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบทบาทของสกุลเงินดิจิทัลในการโจมตีแรนซัมแวร์ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 ต.ค. บริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน Chainalysis ได้ซื้อบริษัทสืบสวนอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต Excygent เพื่อสนับสนุนคลังแสงในการทำสงครามกับแรนซัมแวร์อย่างต่อเนื่อง

 

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 12 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 12 ตุลาคม 2564

เคอรี่ จับมือ เบทาโกร คลอดธุรกิจ ขนส่งควบคุมอุณหภูมิครบวงจร ตั้งเป้า เบอร์1 ของไทย

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  จับมือกับ เครือเบทาโกร ผนึกกำลังทางธุรกิจจัดตั้งบริษัทใหม่ “Kerry Betagro Company Limited” คลอดธุรกิจ” KERRY COOL” ที่แรกของไทยที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยแพลตฟอร์มการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Delivery Platform) gxHoเทคโนโลยีและบริการที่มีคุณภาพระดับโลก และราคาที่เข้าถึงได้ โดยบริการของ KERRY COOL ได้นำหลักการของวิธีการขนส่งแบบ Hub-and-Spoke มาปรับใช้อย่างเหมาะสมและครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสดแช่เย็น ไปจนถึงเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์แช่แข็งต่างๆ

นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศของเราต้องการคุณภาพที่ดีสำหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง ซึ่งมีความต้องการอยู่ทั่วประเทศ โดยผู้ให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิส่วนใหญ่เป็นรายเล็กหลายรายในตลาดและยังดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิม รวมถึงการบริการยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ซึ่งรถขนส่งเย็นของเราสามารถเชื่อมต่อข้อมูลของรถทุกคันผ่านระบบดาวเทียมซึ่งทำให้ทราบถึงสถานะการขนส่งแบบเรียลไทม์ และคงอุณหภูมิที่แน่นอนตลอดเส้นทาง ถือเป็นเทคโนโลยีล่าสุดที่เราพร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าและสร้างความโดดเด่นแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในตลาด คาดว่าบริษัทจะสามารถครองใจลูกค้าด้วยคุณภาพที่เป็นเลิศเสมือนกับมาตรฐานการให้บริการธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนของเรา

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร  กล่าวว่า การผนึกกำลังระหว่างเครือเบทาโกร และ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เป็นการพัฒนาธุรกิจ “KERRY COOL” บริการขนส่งสินค้าด้วยแพลตฟอร์มแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Delivery Platform) ที่ได้มาตรฐานคุณภาพระดับสากล เพื่อให้ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่ และ รายย่อย ได้มีทางเลือก ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันในการดำเนินธุรกิจ ส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสู่มือลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ความต้องการด้วยราคาที่เข้าถึงได้

สำหรับ KERRY COOL เป็น บริษัท เคอรี่ เบทาโกร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมทุนจดทะเบียนขั้นต้น 1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนจากเคอรี่ ร้อยละ 60 และ เบทาโกร ร้อยละ 40 และมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ให้บริการของจะครอบคลุมทั้งลูกค้า Walk-In ที่สาขาของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส และ ร้านในเครือเบทาโกร รวมถึงช่องทาง D2D booking ซึ่งเป็นบริการเข้ารับพัสดุที่หน้าบ้าน ลูกค้าสามารถจองรถเข้ารับพัสดุได้ด้วยตนเองผ่านทั้งทางแอปพลิเคชั่นมือถือและเว็บไซต์

ทั้งนี้จะเปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 ตั้งเป้าหมายยกระดับมาตรฐานการให้บริการขนส่งพัสดุแบบควบคุมอุณหภูมิให้เหมือนกับที่ได้เข้ามาสร้างปรากฎการณ์ในธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนพร้อมกับมอบคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการระดับแนวหน้าและเป็นสากล ในราคาที่คนไทยทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้

ขอบคุณ : Hooninside,ข่าวหุ้น

DPAINT จัดโรดโชว์ออนไลน์ นำเสนอขายหุ้น IPO

DPAINT จัดโรดโชว์ออนไลน์ แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นหนึ่งในผู้นำนวัตกรรมสี นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อแนะนำธุรกิจ และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน

นายรณฤทธิ์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สีเดลต้า จำกัด (มหาชน) หรือ DPAINT กล่าวว่า  บริษัทได้เตรียมนำเสนอข้อมูลธุรกิจในงานโรดโชว์ออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 64 ที่ผ่านมา โดยให้นักลงทุนได้รับทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของการดำเนินธุรกิจ จุดเด่น และโอกาสการเติบโตของบริษัทในอนาคต ก่อนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ภายในเดือนตุลาคมนี้

ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยภายหลังสถานการณ์โควิด-19 มีทิศทางที่ดีขึ้น งานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เริ่มขับเคลื่อนเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้ความต้องการสีทาอาคารเติบโตตามมา จึงมองว่า DPAINT จะเป็นหุ้นคุณภาพสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาบริษัทซึ่งมีเส้นทางและปัจจัยส่งเสริมการเติบโตที่มั่นคง

โดยผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่องทุกปี แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 โดยปี 2563 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 596.2 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 41.9 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้น 41.9% อัตรากำไรสุทธิ 7.0% ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 64 มีรายได้จากการขายและบริการ 387.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน 31.7% กำไรสุทธิ 32.9 ล้านบาท เติบโต 48.2% อัตรากำไรขั้นต้น 43.3% อัตรากำไรสุทธิ 8.5%.

ทั้งนี้ DPAINT ถิอเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคารที่มีคุณสูง ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดสีทาอาคารในประเทศไทยที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 20,000 ล้านบาท โดยการระดมทุนครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขีดความสามารถทางการแข่งขัน และเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำตลาดสีด้านนวัตกรรมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดย DPAINT อยู่ระหว่างเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 53.25 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 23.15% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

ขอบคุณ: ข่าวออนไลน์RYT9

MAKRO เดินหน้าขอไฟลิ่งขาย PO ต่อ หวังเพิ่มฟรีโฟลทเป็น 15% ดันมาร์เก็ตแคปเข้าดัชนี SET50 วางแผนลงทุน 5 ปีใช้งบ 130,000 ล้านบาท

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ MAKRO กล่าวว่า หลังเสนอขาย PO จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นในมือของรายย่อย (ฟรีโฟลท) เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 15% จากปัจจุบัน 7%  และช่วยให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้น สามารถเข้าไปอยู่ในดัชนี SET50 ได้แน่นอน และแม้รวมกิจการของกลุ่มโลตัสส์เข้ามาในบริษัท แต่ยังคงยึดมั่นการทำธุรกิจที่เป็นคู่คิดทางธุรกิจทุกกลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าและร้านค้าปลีกรายย่อย ตลอดจนให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงจำหน่ายสินค้าในราคาที่เป็นธรรม

ในการเข้าถือหุ้นและรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จะเพิ่มโอกาสการเติบโตจากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีประชากรจำนวนมาก เพื่อรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

โดยเตรียมงบลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าสำหรับธุรกิจของ MAKRO และกลุ่มโลตัสส์ 1.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจกลุ่ม MAKRO6 หมื่นล้านบาท และกลุ่มโลตัสส์ 7 หมื่นล้านบาท ใช้พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ซึ่งนอกจากการขยายสาขาแล้ว จะหันมาเน้นการลงทุนด้านดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ตั้งเป้าจะขยายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 10% ของรายได้รวมภายในช่วง 5 ปีหรือในปี 2568 จากปัจจุบัน 5% ส่วนหนึ่งจะมีการรับรู้รายได้จากสาขาในประเทศมาเลเซียรวมถึงมีแผนขยายสาขาทั้ง MAKRO และโลตัสส์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากเดิม MAKRO มี 7 สาขาในต่างประเทศ โดยปัจจุบันได้เริ่มศึกษารูปแบบของตลาดทั้งแบบ B2B และ B2C และการลงทุนแบบก่อสร้างใหม่เอง หรือไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่อยู่ในประเทศนั้นด้วย

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโครสายงาน Group Shared Service กล่าวว่า การรับโอนกิจการของกลุ่มโลตัสส์ครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีมาร์เก็ตที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของผลการดำเนินงานของบริษัทที่สามารถรับรู้รายได้ของกลุ่มโลตัสส์ รวมถึงรายได้จากพื้นที่เช่าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ที่มีผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

หากได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทเตรียมยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เพื่อเสนอขายหุ้น PO คาดว่า จะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมคือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL), บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ที่ได้รับหุ้น PP จากการรับโอนกิจการดังกล่าว จะร่วมเสนอขายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ในบริษัทด้วยบางส่วน พร้อมกับการทำ PO ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย

ทั้งนี้หลังประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกครั้งใหญ่ของ “เครือซีพี” ให้บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO) รับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัทซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) ที่ถือหุ้นในบริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (CPRD) ในสัดส่วน 99.99% และ CPRD ถือหุ้นสัดส่วน 99.99% ในบริษัท โลตัสส์สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ Lotus’s ในประเทศไทย และถือหุ้นสัดส่วน 100% ใน Lotuss Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้ชื่อ Lotus’s ในประเทศมาเลเซียด้ว

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

“เถ้าแก่น้อย” โมเดลโรงงานต้นแบบป้องกันโควิด19 เดินหน้าขยายกิจการในจีน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านมามีผลกระทบทุกบริษัทหนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)    ทำให้ทางกระทรวงสาธารณสุขออกมตราการต่างๆมา ทำให้ทุกบริษัทต้องดำเนินการตามแนวทางปฎิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ โดยจัดหาที่พักให้กับพนักงานทั้งในและนอกโรงงาน จัดทำทะเบียนพนักงาน พัฒนาโปรแกรมในโทรศัพท์มือถือมาใช้ในการกำกับดูแลพนักงาน สามารถระบุสถานที่หรือเวลาพนักงานทำงานอยู่ รวมถึงระบุที่นั่งบนรถรับ-ส่งพนักงาน และจำกัดที่นั่งไม่เกิน 50%

               สำหรับบริษัทเถ้าแก่น้อย  ได้ปรับมาตรการเชิงรุกและให้ความสำคัญการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จนได้รับเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาอยุธยาโมเดล ถือเป็นโรงงานต้นแบบมาตรฐานในการจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ภายใต้ “เศรษฐกิจเดินหน้า อยุธยาปลอดภัย ทุกภาคส่วนร่วมใจ ห่างไกลโควิด” จากหน่วยงานราชการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

               นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าจากการปรับมาตรการเชิงรุกในการบริหารจัดการภายในโรงงานผลิต ส่งผลดีต่อกระบวนการผลิตสินค้าในโรงงานและความสามารถการผลิตสินค้า ล่าสุดได้ทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต รองรับคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบัน TKN มียอดคำสั่งซื้อจากจีนเฉลี่ย 150-170 ตู้คอนเทนเนอร์ และได้ร่วมกับคู่ค้าวางแผนบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อแก้ไขปัญหาค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือและตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 500%

ซึ่งแนวโน้มตลาดในไตรมาสสุดท้ายนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทเร่งปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายในประเทศจีน เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัว ส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อทยอยกลับมาตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 

 ทั้งนี้ในการปรับกลยุทธ์การขายในประเทศจีนโดยการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้า ปัจจุบันเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดี เห็นได้จากออเดอร์ที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งปีหลัง 2564 แต่บริษัทไม่สามารถตอบสนอง Supply สินค้าได้ทันตามออเดอร์ที่เข้ามา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 หลังจากได้วางมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ภายในโรงงาน ส่งผลให้แนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 4/64 ประกอบกับบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม ทำให้สามารถเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้ทันกับความต้องการของลูกค้าในจีนได้

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ