LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 25 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 25 ตุลาคม 2564

เผยราคาบิตคอยน์วันนี้ 25 ต.ค. 64 ปรับลง -2.23%

   ราคาบิตคอยน์วันนี้ 25 ต.ค. 64  ปรับลง -2.23% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน อยู่ที่ 63,239.40 เหรียญสหรัฐ หรือราว 2,106,504.41 บาท  โดยมีมูลค่าซื้อขายรวมกันคือ  43.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อเวลา 7:34 น.

   สำหรับเหรียญดิจิทัลอื่นๆ Ethereum ปรับลง .47% Binance Coin ปรับลง .47% และ Dogecoin ปรับลง .01% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

  • Bitcoin (BTC) ราคา 63,239.40 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.23%
  • Binance Coin (BNB) ราคา 488.42 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.47%
  • Cardano (ADA) ราคา 2.20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.80%
  • Dogecoin (DOGE) ราคา .25 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -1.63%
  • Ethereum (ETH) ราคา 4,142.64 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.47%
  • Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
  • XRP (XRP) ราคา 1.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.50%
  • XRP (XRP) ราคา 1.11 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.50%
  • USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
  • Polkadot (DOT) ราคา 45.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.62%
  • Terra (LUNA) ราคา 44.14 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +6.30%

   หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขายผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ยังคงแข็งค่า เงินดอร์ล่ามีแนวโน้มแกว่งตัว

   นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า วันนี้ 25 ต.ค. 64ดอลลาร์  และค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ คือ 25-29 ต.ค.64 อยู่ที่ระดับ 33.00-33.45 บาท/ดอลลาร์  โดยค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ตามฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงแรงขายทำกำไรทองคำ หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์  เงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมาก โดยเริ่มเห็นผู้นำเข้าทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน โดยแนวรับเงินบาทยังคงอยู่ในโซน 33.00-33.10 บาทต่อ

   ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทยังมีแนวต้านสำคัญอยู่ในโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่บรรดาผู้ส่งออกต่างรอเข้ามาทยอยขายดอลลาร์ สำหรับค่าเงินบาทระยะสั้นยังมีความผันผวนอยู่สูง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองที่เชื่อว่า เงินบาทยังสามารถอ่อนค่าแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้อยู่ ทำให้ผู้เล่นกลุ่มนี้ยังคงรอจังหวะเข้ามา Short เงินบาท หากเงินบาทแข็งค่าทะลุระดับดังกล่าว ก็อาจทำให้เห็นโฟลว์ cover short ซึ่งจะยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าได้เร็วในระยะสั้นได้เช่นกัน

   เงินดอลลาร์มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways แต่อาจอ่อนค่าลงตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดได้ ปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเร็วกว่าคาด จะช่วยพยุงให้เงินดอลลาร์ไม่อ่อนค่าไปมาก นอกจากนี้ หาก ECB ยังไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งรีบใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดก็อาจกดดัน.เงินยูโร (EUR) และช่วยพยุงเงินดอลลาร์ได้

   ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์นี้ระหว่างวันที่  25-29 ต.ค.64  ตลาดจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป โดยเฉพาะแนวโน้มการปรับมาตรการคิวอี และยังคงติดตามรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั่วโลก

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

เผยหุ้นที่ได้รับอนิสงค์จากโครงการรัฐบาลช่วยเหลือประชาชน

   จากกรณีรัฐบาลได้เดินหน้าเปิดโครงการช่วยเหลือประชาชน จากผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ประกอบการมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดยอนุมัติบประมาณอีก 5.4 หมื่นล้านบาท โดยมาตรการที่ออกมา คาดว่าจะมีหุ้นหลายตัวที่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการดังกล่าว

   บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที  จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้น TNP เป็นหนึ่งในร้านค้าธงฟ้าได้รับประโยชน์จากมาตรการเพิ่มกำลังซื้อของรัฐ โดยเฉพาะโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ปรับตัวเพิ่มวงเงินเป็น 500 บาทต่อเดือน จากเดิมที่ 400 บาทต่อเดือน ในช่วงเดือน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ 4Q64 ให้เติบโต QoQ

   บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า มาตรการต่างๆช่วยเสริมภาพการฟื้นตัวหุ้นกลุ่มค้าปลีกจาก จุดต่ำสุดใน 3Q64 และจะดีขึ้นใน 4Q64 ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 ซึ่งบางหุ้นได้ปรับตัวขึ้นสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกไปบ้างแล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนปัจจุบันเทียบช่วงวันที่เริ่ม Lockdown 12 ก.ค. 2564 พบว่า หุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกประกอบด้วย MAKRO (+32.8%), COM7 (+9.4%), CPALL (+7.9%), CRC (+5.23%) ในกลุ่มดังกล่าว ฝ่ายวิจัยยังชื่นชอบ CPALL ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 70.50 บาท จากแนวโน้มกำไรปี 2565 ฟื้นตัว 65% สูงเป็นลำดับต้นของกลุ่ม เพิ่มขึ้นอีก 18% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ยังมีหุ้นค้าปลีก บางส่วนที่ราคายัง Laggard เช่น HMPRO (+2.2%), BJC (-1.5%), SPVI (-4.8%), DOHOME (-8.8%) มีความน่าสนใจในเรื่องการฟื้นตัวเช่นกัน โดยปัจจัยขับเคลื่อนที่ มีดังนี้

   BJC ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 38.70 บาท และ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 40.50 บาท ระยะสั้นอาจเน้นการเก็งกำไร แม้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) 3Q64 มีแนวโน้มทำได้ดี ประเมินลดลงราว 5%-10%yoy เทียบกับ 1H64 ลดลงราว 18%yoy แต่มีความเสี่ยงหักล้างจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติในบรรจุภัณฑ์แก้ว และอลูมิเนียมในบรรจุภัณฑ์กระป๋อง โดยฝ่ายวิจัยอยู่ระหว่างติดตามความชัดเจนแนวทางการบริหารต้นทุนของ BJC เพื่อประเมิน Downside ทั้งนี้ ถ้าผลกระทบต้นทุนจำกัด แนวโน้มการฟื้นตัวกำไรปี 2565 ของ BJC จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ค่อนข้างเด่นลำดับต้นๆ ของกลุ่มที่ 44%

   DOHOME ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 30.70 บาท หุ้นสะท้อนแนวโน้มกำไร 3Q64 ที่อาจต่ำกว่าที่ตลาด แต่จะฟื้นตัวกลับมาใน 4Q64 หลังยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวเร็วระดับเกิน 30% ในช่วง MTD ต.ค. 2564 และน่าจะได้อานิสงส์ เช่นเดียวกับ HMPRO หากรัฐออกมาตรการช้อปดีมีคืน

   HMPRO ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 16.00 บาท แนวโน้มการฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว ยอดขายสาขาเดิม MTD ต.ค. 2564 กลับมาเติบโตได้ในระดับ 10%yoy ขณะที่การฟื้นตัวต่อเนื่อง 16.4% และ 14.1% ปี 2565-2566 มาจากทุกแรงหนุนทั้งยอดขาย, ธุรกิจพื้นที่เช่าและมาร์จิ้น รวมถึง ระยะถัดไปจะได้ผลบวก หากรัฐพิจารณานำนโยบายช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้ง

   SPVI ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 8.08 บาท และ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 8.80 บาท ยอดขายหลังจาก iPhone 13 เปิดตัวเติบโตชัดเจน ขณะที่การขายสินค้า iPad ในสาขา U Store ยังเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนยอดขาย MTD ต.ค. 2564 ที่สูงกว่าช่วง ต.ค. 2563 ทั้งเดือน และเช่นกันระยะถัดไปจะได้ผลบวกชัดเจนหากรัฐพิจารณานโยบายช้อปดีมีคืนอีกครั้ง

   ทั้งนี้ในขณะที่ภาพรวมแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และการเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ รวมถึงความคาดหวังโครงการใหม่ๆ ที่ยังมีอยู่สูง จะช่วยหนุนให้หุ้นค้าปลีกฟื้นตัวได้ต่อ โดยฝ่ายวิจัยเลือก CPALL และ HMPRO เป็นส่วนหนึ่งของหุ้น Top Pick ในพอร์ตจำลองของฝ่ายวิจัย

 

ขอบคุณ : กรุงเทพธรกิจ

หุ้นไทยลุ้นแตะ 1,660 จุด

    บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า 25-29 ต.ค.64  จะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับ 1,610-1,630 จุด แนวต้าน 1,650 – 1,660 จุด โดยได้รับอานิสงส์หลังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี สอดรับแผนเปิดประเทศ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐดีกว่าคาด สร้าง sentiment บวกต่อการลงทุน จากรายงานงบ 3Q64 ภาค real sector ของบริษัทจดทะเบียนใน SET อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนช่วงสั้น รวมทั้งยังมีความกังวลเงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ HMPRO ราคาเป้าหมาย 17.50 บาท,SPALI ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท, BEM ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท

   บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,630-1,660 จุด ตอบรับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินต่างชาติ ทั้งนี้ ต้องรอติดตามการประชุม ECB และ BOJ, ตัวเลข GDP สหรัฐ และ ยุโรป ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินอาจกลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนได้ โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ PTTEP ราคาเป้าหมาย 135.00 บาท,SIRI ราคาเป้าหมาย 1.45 บาท,HMPRO ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท

   บริษัทหลักทรัพย์.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน)  มีกรอบที่ 1,625-1,660 จุด มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวมาตรการคนละครึ่งเฟสใหม่ที่จะเติมเงินในเดือน พ.ย.นี้หนุนการบริโภค รวมทั้งการปลดล็อค LTV ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีหุ้น Top Picks แนะนำ คือ BDMS ราคาเป้าหมาย 24.60 บาท ,  SPALI ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท

   ทั้งนี้ตลาดอาจถูกกดดันจากสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่เริ่มกลับมาน่าเป็นห่วงอีกครั้ง และแนวโน้มราคาพลังงานและเงินเฟ้อที่อาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาด

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ

บิ๊กการเงิน เร่งประสานความร่วมมือ รองรับการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

   นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ได้ไปหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการกำกับสินทรัพย์ดิจิทัล  คริปโทเคอร์เรนซี่  เงินสกุลดิจิทัลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายกำกับดูแลแล้ว แต่ยังมีหลายฝ่ายตั้งประเด็นสงสัยเกี่ยวกับบทบาทการกำกับดูแล ดังนั้นจึงต้องการให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

   ขณะนี้มีผู้ประกอบการรายหลายมาขอใบอนุญาตทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แล้ว รวมถึงการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซี่เป็นไปตามเศรษฐกิจโลก แต่สำหรับประเทศไทย จะเติบโตแค่ไหนอย่างไ ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศด้วย ซึ่งไทยไม่ได้ปิดกั้นการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องระมัดระวังในการลงทุน เพราะเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นเรื่องใหม่ การกำกับดูแลก็ต้องชัดเจนด้วย แม้ว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และธนาคารแห่งประเทศไทยจะเคยคุยกันเรื่องบทบาทหน้าที่การกำกับดูแล้ว แต่กระทรวงการคลัง อยากให้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพื่อกำหนดแนวทางและบทบาทการดูแลผู้ลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

   ทั้งนี้ได้เร่งให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชน ผู้ลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินสกุลดิจิทัลด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่และเป็นเรื่องจำเป็น เพราะทั่วโลกกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การใช้เงินสกุลดิจิทัล  ซึ่งในขณะเดียวกันการลงทุนด้วยเงินดิจิทัล ก็มีข้อควรระวัง คือ เรื่องการหลอกหลวง เพราะเงินสกุลดิจิทัล จะเห็นเพียงตัวเลข แต่ไม่เห็นเงินจริง ดังนั้นต้องระมัดระวังและเตือนนักลงทุนเพื่อมิให้ถูกหลอกในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ 14 ตุลาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 14 ตุลาคม 2564

สรรพสามิต แจง ภาษีสรรพสามิต ไม่เกี่ยวกับน้ำมันแพง

จากกรณีที่ราคาน้ำมันปรับราคาสูงขึ้น ไม่ได้เกิดจากการเก็บสรรพสามิตน้ำมันเพิ่ม แต่เป็นการปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ขณะที่โครงสร้างภาษีน้ำมันเป็นการเก็บในอัตราแบบตายตัว ที่เก็บตามปริมาณ คิดตามจำนวนลิตร  ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน แม้ว่าจะราคาแพงขึ้นหรือจะถูกลง อัตราการจัดเก็บภาษีน้ำมันก็เท่าเดิม ดังนั้นการที่น้ำมันแพงไม่ได้เกี่ยวข้องกับภาษีสรรพสามิตน้ำมัน

 นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในการทบทวนโครงสร้างภาษีน้ำมัน ไม่ได้กำหนดช่วงเวลาที่ตายตัว แต่ฝ่ายนโยบายพบว่าโครงสร้างภาษีที่ใช้อยู่ไม่เหมาะสม ก็สามารถทำการทบทวนได้ ขณะเดียวกัน กองทุนน้ำมันก็ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อบริหารในเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะขาดสภาพคล่อง ซึ่งสามารถใช้เงินในกองทุนเพื่ออุดหนุนราคาน้ำมันได้จนติดลบ

ซึ่งในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงทางคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ออกมติไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นแนวทางที่ดี เหมาะสม และเห็นแล้วว่าราคาน้ำมันเริ่มลดลงมาและทรงตัว โดยมีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ทำหน้าที่  เพื่อบริหารจัดการเรื่องต่างๆที่เกิดจากปัญหาน้ำมัน  โดยเฉพาะการรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ไม่ให้ ถูกหรือแพงจนเกินไป

ทั้งนี้ทางกรมสรรพสามิต มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วน 40% ของรายได้ภาษีทั้งหมดของกรม  จึงถือว่าเป็นรายได้หลักดังนั้นการที่ไม่พิจารณาลดภาษีน้ำมันจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บรายได้แต่อย่างใดรวมถึงทางกระทรวงการคลัง ก็มีหน้าที่ต้องติดตามดูสถานการณ์น้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

น่าจับตาอินเดีย ไทยพาณิชย์แนะปรับพอร์ต

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า อินเดียกำลังเข้าสู่วัฏจักรการลงทุนครั้งใหม่ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจอินเดียสามารถเติบโตได้ในระยะยาว  ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียน่าสนใจ บริษัทฯจึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นอินเดีย แอคทีฟ (SCB India Active Equity : SCBINDEQ) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท  เริ่มเสนอขายครั้งแรก วันที่ 12 – 19  ตุลาคม 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

สำหรับกองทุน SCBINDEQ เน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ กองทุน UTI India Dynamic Equity Fund (กองทุนหลัก) Institutional Accumulating Class สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักยังจัดเป็นกองทุน 5 ดาว ประเภท India Equity ของมอร์นิ่งสตาร์ ซึ่งมีการบริหารเชิงรุก (Active Fund) ไม่อิงดัชนี พร้อมมี Track Record ผลตอบแทนการลงทุนที่โดดเด่น

ในการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในปี 2040 คาดว่า จะมาจากประเทศเกิดใหม่เป็นสำคัญโดยมีส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจถึง 63% (ข้อมูลจาก IMF) และคาดว่าอินเดียจะกลายเป็นประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจของโลก สำหรับเศรษฐกิจของประเทศอินเดียได้เติบโตอย่างรวดเร็วจาก 3 แสนล้านดอลลาร์ ในปี 1990  เป็นกว่า  2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2015  และคาดว่าจะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี  2030  จากการเติบโตของชนชั้นกลาง และประชากรที่กำลังอยู่ในวัยแรงงานทำงานที่คาดว่าจะสูงถึง 1,000 ล้านคนในปี 2050

การลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 22% เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติการผ่อนคลายกฎหมายแรงงานเพื่อลดขั้นตอนการทำธุรกิจ การปฏิรูปการเกษตรเพื่อลดตัวกลาง เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และการควบคุมสถาบันการเงินเพื่อลดหนี้เสียในระบบ เป็นต้น  ทำให้อินเดียเป็นแหล่งผลิต Start-up ระดับยูนิคอร์น (Start-up ที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งในปัจจุบันมีกว่า 50 บริษัท เป็นอันดับ 3 รองจากอเมริกาและจีน ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วและมีปัจจัยด้านผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ต้องยอมรับว่าตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดที่มีการซื้อขายด้วยราคา (P/E) ที่แพง จึงแนะนำให้ลงทุนในกองทุนประเภท Active Fund ที่ผู้จัดการกองทุนจะมีการคัดเลือกหุ้นที่มีความน่าสนใจและมูลค่าเหมาะสม

ทั้งนี้ กองทุน SCBINDEQ บริหารโดย UTI International (Singapore) Private Limited จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์ อยู่ภายใต้ UCITS มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทอินเดียที่มีคุณภาพและศักยภาพในการเติบโตสูงรวมถึงมีเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตของเงินลงทุนในระยะยาว สำหรับกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

เปิดประเทศ คาดดันดัชนี หุ้นไทยแตะ 1,700 จุด

ตลาดหุ้นไทยตอบสนองทางบวก ดัชนีมีโอกาสแกว่งขึ้นทดสอบระดับ 1,650-1,660 จุด เป้าแรก และ 1,680-1,700 จุด เป็นเป้าถัดไป โดยหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จาก Re-opening คือ กลุ่มการบิน, กลุ่มโรงแรม, กลุ่มขนส่ง, กลุ่มห้างและร้านอาหาร, กลุ่มค้าปลีก, กลุ่มนิคม, กลุ่มสื่อ และกลุ่มโรงพยาบาล

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า  1 พฤศจิกายน 2564 ผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่งผลให้มีกลุ่มหุ้นที่จะได้รับประโยชน์คือ กลุ่มโรงแรม คาดว่า จะเห็นผลบวกในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาแต่ยังต้องขึ้นกับนโยบายของประเทศคู่ค้าว่า เอื้อให้เกิดการเดินทางมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะจีน แต่การมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนจะสร้างความเชื่อมั่นและการวางแผนเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งเร็วกว่าสมมติฐานที่มองไว้ว่า จะเกิดขึ้นช่วงครึ่งปีหลังปี 2565

บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด  กล่าวว่า ในการปรับแผนเปิดประเทศเชิงรุกแบบไม่ต้องกักตัว ถือเป็นความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการเปิดประเทศภายใน 120 วัน หลังจากการฉีดวัคซีนมีความคืบหน้ามากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้การแพร่ระบาดดีขึ้น ลดการสูญเสียชีวิตลง โดยมองเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด มหาชน า การเตรียมเปิดประเทศถือเป็นปัจจัยบวกที่เร่งการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวไทยสอดรับกับการเข้าสู่ไฮซีซั่นปลายปี หนุนเก็งกำไรในหุ้นกลุ่ม Reopening Play เช่น สนามบิน, โรงแรม, ค้าปลีก, ธนาคาร, สื่อสารและโรงพยาบาล

ทั้งนี้สำหรับกลุ่มค้าปลีกคาดว่า กลุ่มผู้ขายแอลกอฮอล์จะได้ประโยชน์ เช่น ร้านสะดวกซื้อ รวมถึงหุ้นผู้นำธุรกิจค้าปลีก โดยมองว่า หุ้นบริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) มีปัจจัยหนุน นำโดยจากการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจที่เริ่มทยอยกลับมา หลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้น หากเริ่มยกเลิกเคอร์ฟิว กลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศและเปิดประเทศ ในไตรมาส 4 อาจเห็นการหักล้างผลกระทบช่วงรอยต่อการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกขยับ CPRD (Lotus’s) ไปอยู่ภายใต้ MAKRO ผ่านการแลกหุ้นกับผู้ถือหุ้นเดิม

 

ขอบคุณ: ฐานเศรษฐกิจ

ส่งออกดี ภาษีงบ ปี64 ทะลุ 1 แสนล้านบาท

ภาษีศุลกากร มีแนวโน้มดีมาตั้งแต่เดือนมี.ค.64 โดยมียอดจัดเก็บเกิน 8 พันล้านบาททุกเดือน ทำให้ตลอดทั้งปี สามารถเก็บภาษีได้เกินเป้าหมายถึง 4 เดือน เฉพาะในเดือนมิ.ย.64 จัดเก็บรายได้ 8,988 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 188 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปีเมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ช่วงก่อนหน้า ขณะที่ยอดเก็บภาษีเดือนสุดท้าย ก.ย.64 เก็บได้ 8,809 ล้านบาท เกินเป้าหมาย

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของศุลกากรปีงบประมาณ 64 (เดือนต.ค.63-ก.ย.64) สามารถทำได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเก็บได้ทั้งสิ้น 102,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,497 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่เก็บได้ 93,897 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าประมาณการณ์เพียง 2.3% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการค้าโลกขยายตัวทำให้มีสินค้าส่งออก และนำเข้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับกรมศุลฯ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในพิธีศุลกากรทำให้การตรวจปล่อยสินค้าได้สะดวกรวดเร็ว นวมถึงการเก็บภาษีที่สูงขึ้นมาจากการส่งออกรถยนต์ที่ขยายตัวมาก เช่นเดียวกับสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ฮาร์ดดิสอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนสินค้านำเข้าก็มีทั้งกลุ่มรถยนต์ และสินค้าทุนวัตถุดิบสำหรับใช้ในภาคการผลิต

 

สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการค้าโลก ทำให้ภาคการส่งออกและนำเข้าของไทยกลับมาขยายตัวดีนอกจากนี้ กรมศุลกากร ยังนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความสะดวกในการนำเข้าส่งออกสินค้า เช่น การตรวจปล่อย การเอ็กซเรย์ รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเนชันแนล ซิงเกิล วินโดว์กับ 37 หน่วยงาน ซึ่งช่วยประหยัดเวลา  ลดภาระผู้ประกอบการในการกรอกข้อมูลซ้ำซ้อน ลดการใช้เอกสารกระดาษทั้งแบบฟอร์มคำขอต่างๆให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าส่งออกได้กว่า 1 แสนราย

ทั้งนี้ในส่วนของผลการปราบปรามการลักลอบ และหลีกเลี่ยงนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2560 เข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งสินค้าเกษตร น้ำมัน ยาเสพติด  และสินค้าละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (ไซเตส) ในปีงบ 64  พบการกระทำผิด 26,304 คดี คิดเป็นมูลค่า 3,203 ล้านบาท อาทิ กลุ่มยาเสพติด 171 คดี  มูลค่า 2,141 ล้านบาท  กลุ่มสินค้าเกษตร 655 คดี คิดเป็น 33 ล้านบาท  บุหรี่ 740 คดี มูลค่า 189 ล้านบาท และบารากู่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์  499 คดี มูลค่า 12.85 ล้านบาท

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ

 

 

 

5. ผู้ว่าภูเก็ต เดินหน้ายุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ ทดแทนรายได้ท่องเที่ยว

นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตพยายามควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดและฟื้นฟูเศรษฐกิจไปพร้อมกันใช้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเป็นบอร์ดในการจัดการออกมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภูเก็ต ต้องเดินต่อไปข้างหน้ามีเป้าหมายพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2565 ในวิสัยทัศน์ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรมบริการในระดับนานาชาติ และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมุ่งสู่จังหวัดที่พัฒนาแล้วภายในปี 2579

สำหรับการเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวในไฮซีซั่นนี้ เมื่อระดับประเทศได้ผ่อนคลายลง มั่นใจว่าจะมีคนเข้ามามากขึ้นกว่าปัจจุบันเครื่องบินมามากขึ้น คนมามากขึ้นในประเทศจะเป็นผลบวกการฟื้นเศรษฐกิจ ในฐานะต้องรับผิดชอบตรงนี้ ต้องเตรียมการอย่างไม่ประมาท สถานการณ์ รอบข้างยังมี

ซึ่งภูเก็ตมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 มากขึ้น ไม่แพร่เชื้อ ถ้ารักษาความเชื่อมั่นไปได้ตลอดเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ได้เน้นกลุ่ม 608เป็นวาระจังหวัดบูรณาการดูแลให้มากขึ้น เอาหมู่บ้านชุมชนเป็นตัวตั้งกลุ่มอสม.ที่เข้าถึงต้องเข้าไปดูแลค้นหากลุ่ม608 เป็นจุดแตกหักในระบบสาธารณสุขของภูเก็ต ทางรพ.สต.ต้องยกระดับมาตรฐานดูแลประชาชนมากขึ้นถ้ารพ.สต.ดูแลได้จะดูแลนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น

สำหรับสมาร์ทซิตี้ ภูเก็ต มีระบบการฉีดวัคซีนที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับที่อื่นสามารถวางระบบการฉีดได้วันละ 15,000คน นำระบบเทคโนโลยีของกระทรวงดีอีเอสที่เข้ามาทำให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลจากที่ต่างๆไปยังศูนย์ควบคุมอย่างเป็นระบบมากขึ้น ในด้านเมดิคอลฮับ จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เสนอเป็นเจ้าภาพจัดงานEXPO ในปี 2028 อยู่ในขั้นตอนหารือกับทีเส็บถ้าจัดได้เป็นธีมสุขภาพต้องเตรียมการพอสมควรจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในแบบสุขภาพหรือwellness เชื่อมโยงเรื่องไมซ์ ( Mice )ถ้า จัดงานEXPOได้ มาเพื่อกิจกรรมเสริมรายได้ให้ภูเก็ตต่อไปนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะพูดว่า Work from Phuket และจะส่งเสริมมารีน่าฮับให้เป็นจุดเด่นมากขึ้น นำความมั่งคั่งมาสู่ภูเก็ต เรื่องทูน่าฮับ ภาคการประมงกับธุรกิจกำลังหารือกัน อยากให้มาช่วยกันคิดเราต้องอยู่กับโควิดให้ได้และเดินหน้าต่อไปได้ มีผู้รู้ได้คาดการณ์ว่าประมาณกลางปีหน้าปัญหาโควิดน่าจะเป็นปกติไปแต่กว่าจะถึงในช่วงนั้นเราจะต้องเดินต่อไปข้างหน้าให้ภูเก็ตกลับมาแข็งแรงสดใสยั่งยืน

โดยผ่านภูเก็ตรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยวเพียงเสาเดียว เมื่อเสาพังลงมา จึงต้องเพิ่มให้มีหลายเสา หลายประเด็นอยู่ในยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด เศรษฐกิจฐานรากและการเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้นให้มีรายได้เพิ่มขึ้น อาทิ ประมงมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่สำคัญ ใหัประมงพื้นบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น การทำเกษตรในพื้นที่แคบ ปลูกผักคอนโด ปลูกเห็ดทำแบบฟิวชั่นฟาร์ม พืชเศรษฐกิจ เช่น มะพร้าว ทุเรียน เป็นต้น จะแปรรูปได้มาก ให้หน่วยงานไปคิดวางแผนขึ้นมาภูเก็ตยังมีโรงเรียนนานาชาติ ระดับประถมและมัธยม จะต่อยอดให้คนมาอยู่นานขึ้นเศรษฐกิจขยายตัวได้มากขึ้นและไม่ทอดทิ้งเด็กที่ลำบาก ในเรื่องกีฬาจะทำสปอร์ตทัวริสซึ่ม นำการแข่งขันระดับโลกประเภทวอลเล่ย์บอล รักบี้ มวย เข้ามาจัดที่ภูเก็ตจะทำให้เป็นเมืองการกีฬาที่สำคัญ

รวมถึงเชื่อมั่นว่าถ้าทำอย่างเป็นระบบเราจะทำการตลาดท่องเที่ยวในอนาคตเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญสร้างความมั่นใจว่าวิกฤตที่ตั้งรับจะเป็นเชิงรุกสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวภูเก็ตอยู่ในวิสัยดูแลกันได้จะวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใกล้ชิดเชื่อว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ทุกภาคส่วนร่วมกันเชื่อมั่นว่าเราเดินไปได้

ในส่วนการทำหนังสือขอเรื่องเงินเยียวยาประกันสังคม ไปยังส่วนกลาง สภาพัฒน์ กำลังพิจารณา และทางจังหวัดไดัทำหนังสือขอทราบคำตอบตามไปแล้วรวมทั้งทำหนังสือถึงส.ส.ภูเก็ต ให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ให้ด้วย เพื่อจะได้มีการเยียวยาผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่เดือดร้อนกันต่อไป

ทั้งนี้จากข้อมูล ปี 2562 ภูเก็ตมีรายได้การท่องเที่ยว 442,891 ล้านบาท นักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านคน ในปี 2563 เริ่มมีการติดเชื้อในประเทศไทย นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตลดลง เหลือ 4 ล้านคน รายได้การท่องเที่ยว ประมาณ 2แสนล้านบาท ปี 2564 เดือนมกราคมถึงมิถุนายน นักท่องเที่ยว กว่า4แสนคน รายได้ 4,905 ล้านบาท จากนั้นเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน นักท่องเที่ยว จำนวน 70,229 คน แยกเป็นนักท่องเที่ยวแซนด์บอกซ์ 46,423 คน รายได้ 2,147 ล้านบาท ยังไม่ถึงสิ้นปี 2564 มีรายได้รวมประมาณ 7,000 ล้านบาท”

 

ขอบคุณ: ประชาชาติธุรกิจ