ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
นายคเณศร์ อรรถไพศาลกุล รองผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ ( SUNVENDING) และนายเคลวิน เหลียง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด ผู้ให้บริการ (Rabbit Card) จับมือ เพิ่มช่องทางการชำระค่าสินค้า ผ่านบัตรแรบบิท ที่เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติของ SUN Vending เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ยุค New Normal ในจุดบริการต่างๆ เช่น สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส, ห้างสรรพสินค้าและตามแหล่งชุมชน
พร้อมตอบโจทย์ความสะดวกสบาย ความรวดเร็วและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน รวมถึงการสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินสด โดยเฉพาะช่วงที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 การใช้บัตรแรบบิทแทนเงินสด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดความเสี่ยง เลี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19
นายคเณศร์ กล่าวว่า การใช้ Rabbit Card เพื่อชำระสินค้าผ่านเครื่อง SUN Vending ไม่เพียงเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ให้กับผู้บริโภค แต่ยังเป็นการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันแบบไร้สัมผัส เพื่อรองรับการใช้จ่ายในยุค New Normal ได้เป็นอย่างดี เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้บริโภค โดย SVT ขอยืนหยัดในการคัดสรรนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าตลอดไป
สำหรับ SUNVENDING เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ทั้งหมด 4 รูปแบบ ประกอบด้วย 1.เครื่องจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องดื่ม (Can & Bottle) 2.เครื่องจำหน่ายสินค้าแบบบานกระจก (Glass Front) 3.เครื่องจำหน่ายสินค้าประเภทถ้วยแบบร้อนเย็น (Cup Hot and Cold) 4.เครื่องสำหรับขายอาหารกึ่งสำเร็จรูป (Noodle) สินค้าที่จำหน่ายผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น เครื่องดื่ม, ขนมขบเคี้ยว, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ขนมปังเบอเกอรี, อุปกรณ์เสริมสำหรับมือถือ และหน้ากากอนามัย เป็นต้น
ในการร่วมมือทางธุรกิจช่วยตอกย้ำกลยุทธ์มุ่งผสานศักยภาพความร่วมมือระหว่างกัน และเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทฯ เนื่องจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการบัตรแรบบิทในปัจจุบัน มีมากกว่า 15.5 ล้านใบ ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 มีผู้บริโภคชำระค่าสินค้าผ่านเครื่อง SUN Vending ด้วยบัตรแรบบิท เติบโตขึ้นจากปี 2563 ถึง 400% และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะเติบโต 600%
ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตทางบริษัทวางเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ที่สามารถรองรับการชำระเงินและจุดเติมเงินผ่าน Rabbit Card มากกว่า 1,000 ตู้ภายใน 5 ปี ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และตามหัวเมืองใหญ่จังหวัดต่างๆ โดยวางเป้าเพิ่มจำนวนตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รองรับจุดชำระเงินและเติมเงินผ่าน Rabbit Card มากกว่า 1,000 ตู้ ภายใน 5 ปี
ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ
นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ กล่าวว่า บริษัทกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ สำหรับหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 8 เดือน ไว้ที่ 4.00% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน หุ้นกู้ชุดนี้มีแผนเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 64
สำหรับนักลงทุนแสวงหาการลงทุนในตราสารหนี้ที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนน่าพอใจ รวมถึงมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ ‘ลงทุนได้’ (Investment grade) สำหรับหุ้นกู้ UNIQ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB และอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทอยู่ที่ BBB+ แนวโน้ม Negative จัดอันดับโดยบริษัท ทริส เรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 20 กันยายน 64 พิจารณาถึงโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทสามารถชนะการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจได้อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น
UNIQ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่เน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ เช่น งานโยธาสถานีกลางบางซื่อของการรถไฟแห่งประเทศไทย และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดินทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน
ล่าสุด กิจการร่วมค้า ยูเอ็น-ซีซี ชนะการประมูลก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 1 จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มูลค่า 7,350 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของ UNIQ 70% หรือมูลค่า 5,145 ล้านบาท และสัดส่วนของ “CCSP” 30% คิดเป็นมูลค่า 2,205 ล้านบาท โดยได้ลงนามสัญญาในวันที่ 11 ตุลาคม 64 เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทมีรายได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ลูกค้าของบริษัทจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมทางหลวง การไฟฟ้านครหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ กล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนกันยายน 64 อยู่ที่ระดับ 79.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 76.8 ในเดือนสิงหาคม 64 โดยค่าดัชนี ปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 64
โดยมีปัจจัยที่ส่งผลด้านบวกต่อค่าดัชนี ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเริ่มลดลง ส่งผลให้ภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พร้อมทั้งอนุญาตให้กิจการบางประเภทรวมถึงห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางดีขึ้น นอกจากนี้จำนวนผู้ติดเชื้อในโรงงานอุตสาหกรรมลดลงจากการใช้มาตรการ Bubble and Seal ขณะที่ภาคการผลิตขยายตัวจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีมีปัจจัยลบจากต้นทุนประกอบการปรับตัวสูงขึ้นทั้งราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมันและ ค่าขนส่ง รวมถึงปัญหาน้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอาหารและทำให้การขนส่งล่าช้า
นอกจากนี้ ปัญหาความล่าช้าของเรือสินค้าทำให้การส่งออกสินค้าไม่ได้ตามกำหนด ขณะที่ปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และอัตราค่าระวางเรือที่ทรงตัวในระดับสูง รวมถึงปัญหาขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ฯ ยังไม่คลี่คลาย
สำหรับดัชนี คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 93.0 จากระดับ 90.9 ในเดือนสิงหาคม 64 โดยมีผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน รวมถึงมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องของภาครัฐ ทั้งนโยบายการเปิดประเทศจะช่วยให้เศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวค่อยๆ ฟื้นตัว นอกจากนี้ผู้ประกอบการเห็นว่าภาครัฐควรเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด19
โดยมีข้อเสนอให้ภาครัฐคือ ให้ภาครัฐขยายมาตรการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี ให้กับสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐ รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อ เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงเร่งออกมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังซื้อภายในประเทศและ เสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ โดยดำเนินนโยบายที่มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้นและบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้ ซึ่ง ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมรวมทั้งประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าและวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงให้ภาครัฐดูแลราคาพลังงาน และราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อลดภาระด้านต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ
ทั้งนี้สภาอุตสาหกรรม ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยงานต่างๆ ย้อนหลัง 3 ปีดทำเป็น Dashboard เผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม Industry Data Space (iDS) ของสภาอุตสาหกรรม
ขอบคุณ: เนชั่น
แกะเศรษฐกิจเกาหลี จากกระแสนิยม Squid Game
“ Squid Game “ เล่นเกมส์ลุ้นตาย ซีรีส์เกาหลีที่กำลังฉายผ่าน Netflix ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกในปัจจุบัน มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการลงเล่นเกมเด็กๆ ที่กติกาง่ายสุดๆ แถมมีรางวัลมูลค่ามหาศาลรออยู่ ทว่าต้องแลกด้วยชีวิต หากว่าผู้เล่นรายนั้นๆ ตกรอบ
ซี่รี่ย์เรื่องดังกล่าวได้รับความนิยมในหลายประเทศ และถูกพูดถึงเป็นกระแสสังคมในหลายๆ มิติ โดยเนื้อหาที่มีการสอดแทรกเกมพื้นบ้านของคนเกาหลีซึ่งวง BTS และ Blackpink รวมถึงภาพยนตร์ Parasite ได้สร้างประวัติศาสตร์ในสังคมโลกในช่วงรอบปีที่ผ่านมา เพราะผู้คนที่รับชมคอนเทนท์เหล่านี้ต่างก็ต้องซึบซับกับวัฒนธรรมเกาหลีอย่างเลี่ยงไม่ได้
โดยเมื่อเร็วนี้ๆ ทาง Netflix ประเทศฝรั่งเศส ได้จัดคาเฟ่ Squid Game ที่กรุงปารีส โดยแฟนซีรีส์สามารถเข้ามาเล่นเกมแกะน้ำตาล ซึ่งเป็นเกมในซีรีส์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รวมถึงเมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีใต้ในกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ได้ตอบสนองกระแสด้วยการจัดการแข่งขัน Squid Game ของจริง แต่ไม่มีเงินรางวัลและไม่มีการเสี่ยงอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งมีการเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันจัดงานขึ้นเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่ผ่านมา
นอกจากการทำให้คนจำนวนมากรู้จักเกาหลีใต้ในแผนที่โลก แต่ Soft Power ในนามคลื่นเกาหลี ยังสร้างผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่น่าพึงพอใจให้กับเกาหลีใต้ แม้จะต้องเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ความนิยม “คลื่นเกาหลี” ที่เพิ่มขึ้นในสังคมโลก เกิดจากการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลีไปยังต่างประเทศ ผ่านคอนเทนท์ในรูปแบบต่างๆ อาทิ เพลง ซีรี่ส์ หนัง หรือรูปแบบอื่นที่มีการสอดแทรกวัฒนธรรมเกาหลี ซึ่งถูกเรียกรวมเป็นอุตสาหกรรมคอนเทนท์
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจาก “คลื่นเกาหลี” แม้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้ก็ต้องพบเจอกับการหดตัวทางเศรษฐกิจจากการวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ต่างจากประเทศอื่นทั่วโลก แต่จากข้อมูลในเว็บไซต์ The Straits Times พบว่า ในปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้มีการส่งออกคอนเทนต์ มูลค่าทั้งหมดรวม 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปี 2019 กว่า 610 ล้านดอลาร์ หรือประมาณ 6% โดยทาง Netflix มีส่วนสร้างมูลค่าให้กับเศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้ถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นอุตสาหกรรมคอนเทนท์ของเกาหลีใต้สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤติฯ ครั้งนี้ไปได้
นอกจากนั้น ผลพลอยได้ทางเศรษฐกิจจากการส่งออกคอนเทนท์ ยังมาในรูปของสินค้าและบริการที่มีอยู่หรือแฝงมาในคอนเทนท์ ซึ่งสร้างผลประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น
การส่งออกสินค้า ข้อมูลจาก Yonhap News Agency ระบุว่า ในปี 2019 เกาหลีใต้ส่งออกสินค้าวัฒนธรรม อาทิ เกมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมทัวร์ และเครื่องสำอาง มูลค่ารวม 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงขึ้นกว่า 22.4% จากปีก่อนหน้า
ด้านการท่องเที่ยว เปิดเผยข้อมูลก่อนช่วงวิกฤติฯ มีการประเมินว่า 13% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดของเกาหลีใต้ในปี 2019 เข้ามาด้วยจุดประสงค์เพื่อสัมผัสประสบการณ์ Pop culture และเข้าร่วมงานที่จัดขึ้นสำหรับแฟนคลับเหล่านักแสดงหรือศิลปินเกาหลี โดยมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ รวมแล้วสูงถึง 2.7 พันล้านดอลลาร์
การสร้างงาน สร้างสรรค์ผลงานนั้นเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากปี 2009 ถึง 2019 จำนวนคนทำงานด้าน Creative และ Artist service เพิ่มขึ้น 27% และจากการเปิดเผยโดย Netflix ระบุว่า ช่วงปี 2016 ถึง 2020 มีการจ้างพนังงานประจำถึง 16,000 ตำแหน่ง โดยคาดว่าได้สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ มูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ แม้อุตสาหกรรมคอนเทนท์จะเติบโตและสร้างมูลค่าให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้ในมูลค่ามหาศาล
ทั้งนี้ช่วงวิกฤติฯ ที่เกิดขึ้นก็ได้ส่งผลกระทบให้การเติบโตของมูลค่าไม่สามารถทำได้ในลักษณะเช่นเดิม อาทิ รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่จะหายไป การจัดคอนเสิร์ตหรืองาน Fan Meeting ที่ต้องจัดการเปลี่ยนรูปแบบ ความยุ่งยากที่เกิดขึ้นแม้จะไม่ได้ทำให้มูลค่าของคลื่นเกาหลีลดลงไป แต่การมีกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นจากซีรีส์ Squid Game หรือคอนเทนท์อื่นๆ ก็จะเป็นตัวช่วยหล่อเลี้ยงให้ความนิยมและมูลค่าทางเศรษฐกิจแบบนี้ยังคงอยู่ต่อไปได้
ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า จากการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ ประกาศเตรียมพร้อม เปิดประเทศ 1 พฤศจิกายน 64 คาดจะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว โดยกลุ่มโรงแรมที่ได้ประโยชน์ทางตรง ได้แก่ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) คาดว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด จากสัดส่วนพอร์ตโรงแรม 90% ที่อยู่ในไทย รองลงมา บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) และ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ตามลำดับ
สำหรับส่วนหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจลงทุน ได้แก่ กลุ่มขนส่ง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) กลุ่มค้าปลีก บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL ) และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ เลือกหุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป็นหุ้นเด่น จากที่มีพอร์ตลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวมากที่สุด โดยแนะ 5 หุ้นเด่นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ และราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้า ประกอบด้วย
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด