LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 8 ธันวาคม 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 8 ธันวาคม 2564

หุ้นเด่นวันนี้

     M (ฟินันเซีย ไซรัส) ซื้อเป้า 62 บาท คาดพลิกมีกำไรแข็งแกร่ง Q4/64 ราว 350-400 ลบ. ซึ่งโตได้เล็กน้อย Y-Y หลังกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ โดยยอดขายฟื้นต่อเนื่องในเดือน ต.ค.-พ.ย. ตามการคลาย Lockdown และจะดีสุดในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็น High Season พร้อมคาดจบปี 64 มีกำไร 113 ลบ. และจะเร่งขึ้นเป็น 2.2 พันลบ.ในปี 65 จากสมมติฐานสถานการณ์ปกติไม่มี Lockdown ขณะที่การฟื้นตัวของราคายัง Laggard เทียบกับรอบก่อนๆ โดยให้แนวรับ 51.50-50 บาท แนวต้าน 53.50-54 บาท

     PTTEP (กรุงศรี) ซื้อเป้า 150 บาท ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นบวกโดยตรง เนื่องจากมีสูตรราคาเป็น Oil link แนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/64 คาดสูงขึ้น qoq และ yoy ตามปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้นและจะไม่มี Hedging loss  Q2/64 และ Q3/64

     AOT (กสิกรไทย) เป้า 64.46 บาท เห็นโอกาสลงทุนหลังหุ้นปรับตัวลงมามากกว่าหุ้นสนามบินต่างประเทศในสหรัฐฯหรือยุโรป Sentiment บวกหลังตลาดเริ่มคลายความกังวลจากโอมิครอนจะช่วยสนับสนุนการปรับตัวขึ้น

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ 

นักลงทุนคลายกังวลโอมิครอน ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 492 จุด

          ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,719.43 จุด เพิ่มขึ้น 492.40 จุด หรือ +1.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,686.75 จุด เพิ่มขึ้น 95.08 จุด หรือ +2.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,686.92 จุด เพิ่มขึ้น 461.76 จุด หรือ +3.03%

      ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อคืนนี้ วันที่ 7 ธ.ค. 64 เพิ่มขึ้นติดต่อกันวันที่สอง หลังจากนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวได้แสดงความเห็นกับสื่อมวลชนว่า นับจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ก่อให้เกิดอาการป่วยที่รุนแรง และการหาข้อมูลเพิ่มเติมยังคงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะทำให้ภาพรวมความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีความชัดเจนมากขึ้น

      หุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวกทั้งหมด นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 3.51% 

       หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.45% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.72% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.12% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.48% 

        ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลง 17.6% สู่ระดับ 6.71 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.68 หมื่นล้านดอลลาร์

          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
          ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนต.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ขอบคุณ :  ฐานเศรษฐกิจ

ธุรกิจใจชื้น โควิดสายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน ไม่รุนแรงเหมือนที่คาด

         ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ นักวิชาการค้าปลีก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเมินว่าสถานการณ์ของโควิดโอไมครอนในประเทศไทยขณะนี้ ไม่น่าส่งผลกระทบต่อภาพรวมกำลังการจับจ่าย และมู้ดของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่มากนัก

        เนื่องจากที่ผ่านมาตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสเกิดขึ้นถึงขณะนี้ คนไทยยังตั้งการ์ดป้องกันโควิดสูงอยู่ ทั้งเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมถึงด้านสุขอนามัยต่าง ๆ ที่เข้มงวดอยู่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้ประกอบการในหลายภาคธุรกิจ ทั้งค้าปลีก ร้านค้า ร้านอาหาร ต้องประเมินสถานการณ์ และติดตามอย่างใกล้ชิด

    เชื่อว่าช่วงปลายปีใหม่การจับจ่ายของประชาชนจะยังคงอยู่ เนื่องจากคนไทยเริ่มชินกับการระบาด รวมถึงมีการป้องกันเข้มงวด ส่วนหนึ่งก็ต้องการบรรยากาศเฉลิมฉลองปลายปี หากการระบาดของไวรัสโอไมครอนในไทยยังสามารถควบคุมได้ และไม่ทวีความรุนแรงมากกว่านี้ เชื่อว่าภาพรวมกำลังซื้อ บรรยากาศช่วงปลายปีจะยังคงอยู่แน่นอน  

    ส่วนกิจกรรมช่วงปลายปีของธุรกิจค้าปลีกที่มีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากการระบาดไม่ได้เลวร้ายลง การจัดงานอีเวนต์แต่ละแห่งจะยังคงเดินหน้าปกติ เบื้องต้นขณะนี้หลายแห่งยังคงจัดกิจกรรมภายใต้มาตรการที่เข้มงวดอยู่แล้ว จะมีเพิ่มการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์มากขึ้น

      นาวสาวธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) ผู้บริหารศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ที่ประเมินว่าการพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในประเทศไทยจะทำให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศลดน้อยลง ส่วนการท่องเที่ยวในประเทศ แม้จะมีการเดินทางท่องเที่ยวอยู่บ้าง แต่เชื่อว่ายังมีประชาชนและคนกรุงเทพฯอีกไม่น้อยที่เลือกจะใช้เวลาเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ในกรุงเทพฯ ผ่านแลนด์มาร์กต่าง ๆ ที่มีการจัดงาน

      สำหรับสามย่านมิตรทาวน์เตรียมกิจกรรมในช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ธ.ค. ซึ่งถือเป็นช่วงเพรสทีจซีซั่น โดยวางแผนทำอีเวนต์ลานนม ซึ่งเป็นไฮไลต์ของทางศูนย์ นอกเหนือจากการตกแต่งต้นคริสต์มาส และบรรยากาศปีใหม่ต่าง ๆ

      ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ และอยู่ในขั้นตอนทำตามระเบียบของศูนย์บริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) และข้อกำหนดของกรุงเทพมหานคร โดยจะมีมาตรการป้องกันเข้มงวด และลดจำนวนคนที่สามารถเข้าร่วมงานได้ตามมาตรการรัฐ

      นางสาวนรินติยา เสาวณีย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ กล่าวว่า แม้พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในไทย แต่พฤติกรรมการใช้บริการและมูลค่าการจับจ่ายของผู้บริโภคยังไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ในระดับ 200-400 คนต่อวัน และ 200-250 บาทต่อคน เท่ากับช่วงที่ผ่านมา คาดว่าเป็นเพราะความเชื่อมั่นในการรับมือของรัฐบาล และความเข้มงวดของร้าน

        บริษัทได้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคให้เข้มงวดขึ้น ทั้งในส่วนของพนักงาน การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในร้าน ด้านแผนจัดการงานฉลองเปิดสาขาใหม่ก็ยังเดินหน้าตามเดิม และพร้อมปรับตัวหากรัฐมีมาตรการควบคุมโรคโดยนำประสบการณ์ช่วงล็อกดาวน์มาปรับใช้

        นายกิตติ กันทรวิชัยวัฒน์ เลขาธิการสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี กล่าว

ว่า การไม่อนุญาตให้ 8 ประเทศกลุ่มเสี่ยงสูงในทวีปแอฟริกาใต้เข้าไทย กระทบต่อธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับใน จ.จันทบุรี เนื่องจากวัตถุดิบพลอยแดงมากกว่า 50% นำเข้าจากโมซัมบิก และอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกา ทั้งแทนซาเนีย ไนจีเรีย มาดากัสการ์ ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบพลอย 60-70%

         แม้ตอนนี้ผลกระทบยังไม่ชัดเจน ต้องรอประเมินสถานการณ์อีก 2 สัปดาห์ หากมาตรการห้ามเข้าประเทศเป็นระยะสั้นจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ระยะยาวมีผลกระทบแน่นอน เพราะการสต๊อกสินค้ามีมูลค่าสูง มีผลกระทบต่อการผลิต เพราะปกติผู้ซื้อวัตถุดิบพลอยจะเดินทางไปดูสินค้าด้วยตัวเอง

        ตอนนี้ห้ามเฉพาะคนเข้า-ออก ยังขนส่งวัตถุดิบพลอยมาได้ตามออร์เดอร์ และมีการนำพลอยมาจัดประมูลใน กทม. ช่วงโควิด-19 ระบาดต่อเนื่อง 2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าพลอยลดลงเหลือเพียง 20-30% จากข้อจำกัดในการเดินทางเข้าไทย และการประกาศปิดตลาดพลอยหลายครั้ง เนื่องจากสินค้าอัญมณีต้องดูด้วยสายตาและสัมผัสจริง ช่วงไตรมาส 3 ตลาดการซื้อขายพลอยฟื้นตัวดีขึ้น 40-50%

          กลุ่มลูกค้าหลักคือ จีน อเมริกา ยุโรป โดยเฉพาะจีนประมาณ 60% จากที่โควิดคลี่คลาย และนโยบายเปิดประเทศของไทยตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 มีชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาซื้อ-ขายพลอยในรูปแบบ test and go ที่น่าเป็นห่วงคือแรงงานที่ลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เดือน ก.พ. 2565 สถาบัน GIT จะจัดงานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรี ถ้าโควิดไม่รุนแรงลูกค้าต่างประเทศน่าจะเข้ามาซื้อขายไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

         

นายชายพงษ์ นิยมกิจ ประธานหอการค้า จ.จันทบุรี และอุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีและเครื่องประดับจันทบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า โมซัมบิกเป็นแหล่งวัตถุดิบพลอยมากกว่า 70% การปิดกั้นการเดินทางจึงกระทบการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวขึ้น 40% จากปี 2563 ลดลงถึง 70-80% ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับค่อนข้างอ่อนไหวตามสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกับการท่องเที่ยว

        ถ้าปี 2565 สถานการณ์ยังยืดเยื้อ เดินทางไปซื้อวัตถุดิบหรือนำพลอยดิบเข้ามาขายไม่ได้ จะมีปัญหาด้านซัพพลาย เดิมคาดว่าปี 2565 ธุรกิจนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่ถ้ามีมาตรการคุมการเข้า-ออกประเทศเข้มข้น กว่าตลาดจะกลับมาปกติจะใช้เวลา 2 ปี แต่งานเทศกาลนานาชาติพลอยและเครื่องประดับจันทบุรีที่จะมีขึ้นเดือน ก.พ. 2565 ไม่น่ากระทบ เพราะจะมีมาตรการควบคุมป้องกันเต็มที่ และเตรียมการผลิตรวมทั้งประสานประเทศคู่ค้าแล้ว ขอแค่รัฐบาลอย่าล็อกดาวน์ปิดประเทศ
          นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า การพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนในไทย และห้ามประเทศเสี่ยงในแอฟริกาเดินทางเข้าประเทศ ทำให้การนำเข้าพลอยล่าช้าหรือชะงักบ้าง แต่เฉพาะในกลุ่มพลอยเนื้ออ่อนซึ่งมีสัดส่วนนำเข้าเฉลี่ย 28-30%
        ส่วนพลอยเนื้อแข็งซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักมีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วน 60% ไม่กระทบ เพราะใช้วิธีการประมูลโดยมีตัวแทนของบริษัทอยู่แล้ว ส่วนพลอยชนิดอื่นที่เหลือ ไทยก็สามารถนำเข้าจากหลายประเทศ ไม่ได้นำเข้าเฉพาะจากแอฟริกา เชื่อว่าผลกระทบจะเป็นระยะสั้น เพราะเชื่อว่าผู้ผลิต ผู้ประกอบการไทย น่าจะปรับตัวและซื้อ-ขายผ่านระบบออนไลน์ได้
        ส่วนการจัดเทศกาล “พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่าง 3-7 ก.พ. 2565 ยังคงดำเนินการต่อแน่นอน เป้าหมายเพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
        สำหรับการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยช่วง 10 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่า 8,177.09 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 51.56% เป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 5 คิดเป็นสัดส่วน 3.67% ของสินค้าส่งออกโดยรวมของไทย แต่หากหักทองคำที่ยังมิได้ขึ้นรูป ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนออก การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่แท้จริง มีมูลค่า 4,931.69 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 26.87%
          สำหรับสินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น เครื่องประดับเงิน เพิ่ม 20.51% เครื่องประดับทอง เพิ่ม 33.93% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน เพิ่ม 35.69% เพชรเจียระไน เพิ่ม 35.26% เป็นต้น ส่วนตลาดส่งออกที่ขยายตัวดีขึ้น เช่น สหรัฐ เพิ่ม 54.64% อินเดีย เพิ่ม 67.76% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 138.40% ญี่ปุ่น เพิ่ม 7.73% เบลเยียม เพิ่ม 16.41% ออสเตรเลีย เพิ่ม 20.07% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 35.37% สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 77.33% แต่ฮ่องกง ลด 0.55% เยอรมนี ลด 4.24%
      สถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ล่าสุดหลายประเทศระบุว่าแม้จะติดเชื้อได้ง่าย แต่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ทำให้ทั่วโลกคลายความวิตกกังวลลง ขณะเดียวกันก็ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะได้รับการยืนยันทางวิชาการหรือทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ สถานการณ์ขณะนี้ความไม่แน่นอนยังมีสูง และหวั่นเกรงว่าโควิดโอไมครอนจะเป็นปัจจัยเสี่ยงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้บวกเช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ-ยุโรปปรับขึ้นได้ดี

       นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปที่ปรับตัวขึ้นได้ดี จากคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนหลังสหรัฐฯว่าไม่รุนแรง แม้จะมีการแพร่ระบาดสูง

        ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากคลายกังวลเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้มองเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนนี้ไม่น่าจะกระทบความต้องการใช้น้ำมัน ส่วนบ้านเราจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ลดลง ทำให้มองว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นได้ โดยคาดว่าหุ้นในกลุ่มเปิดเมืองน่าจะขึ้นนำตลาดฯ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มโรงแรม, ท่องเที่ยว เป็นต้น และกลุ่มพลังงานก็น่าจะกลับมาด้วย อีกทั้งเงินบาทขณะนี้ได้แข็งค่าขึ้นทำให้น่าจะได้เห็นแรงซื้อของนักลงทุน

        ทั้งนี้ยังต้องติดตาม FTSE Rebalance ซึ่งจะมีผลวันที่ 20 ธ.ค.64, ติดตามประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค., ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 16 ธ.ค., ติดตามองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่จะประกาศสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะเป็นอย่างไร รวมถึงติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญ พร้อมให้แนวรับ 1,595-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,624 จุด

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ราคาทองประจำวันนี้ครั้งที่ 1 ลดลง 50 บาท

         ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2564 ครั้งที่ 1  เมื่อเวลา 09.23 น. ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,300.00 บาท ขายออกบาทละ 28,400.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,788.28 บาท ขายออกบาทละ 28,900.00 บาท

      โดยราคาทองเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขาย 4 ครั้ง ลดลง 150 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,350.00 บาท ขายออกบาทละ 28,450.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,833.76 บาท ขายออกบาทละ 28,950.00 บาท

      ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 5.2 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,784.7 ดอลลาร์/ออนซ์

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *