
ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 4 มกราคม 2565
หุ้นเด่นวันนี้
- EPG (เมย์แบงก์) เป้าเชิงกลยุทธ์ 15 บาท คาดกำไร ต.ค.-ธ.ค.64 ที่ 443 ล้านบาท (+8%QoQ,+3%YoY) จาก Covid-19 ผ่อนคลาย ปัญหาเรือขาดแคลนดีขึ้น และแนวโน้มปี 65 จะเติบโตดี และ ทำสถิติสูงสุดใหม่ แรงหนุนการเติบโตทั้งสามธุรกิจ AeroFlex, AeroKlas และ EPP และมีปันผลราว 3.7%ต่อปี
- ITEL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 6.20 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/64 และทั้งปี 64 และ 65 จะพุ่งทำ New high จากการรับรู้รายได้ของงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่กว่า 3,300 ล้านบาท เบื้องต้นคาดกำไรสุทธิ Q4/64 ที่ 91 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 40%qoq และ 153%yoy คาดกำไรสุทธิปี 64 และ 65 ที่ 248 และ 324 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 35%yoy และ 32%yoy
- JMART (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 62 บาท ประเมินรายได้ J Group โตทุกธุรกิจ Platform Blockchain พร้อมทำงานเพื่อรองรับทุกกิจกรรมในกลุ่มและพันธมิตร คาด Transaction แน่น คาดความสามารถในการทำกำไรจะสูงขึ้นหลังผนึก Big Partner ทั้ง BTS Group และ KBANK ต่อยอดการขายสินค้าและบริการรูปแบบใหม่ พร้อมฐานลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 1.2 พัน ลบ. และ 1.9 พัน ลบ. +52%YoY, +59%YoY ตามลำดับ
ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ราคาทองวันนี้ ลดลง 200 บาท
ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 4 ม.ค. 65 ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.27 น. ลดลง 200 บาททองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,400.00 บาท ขายออกบาทละ 28,500.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,894.40 บาท ขายออกบาทละ 29,000.00 บาท
ราคาทอง ประจำวันที่ 3 ม.ค. 65 สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขาย 4 ครั้ง ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 28,600.00 บาท ขายออกบาทละ 28,700.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 28,091.48 บาท ขายออกบาทละ 29,200.00 บาท
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันจันทร์ ที่ 3 ม.ค. 65 โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 1.6% และจากการที่นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง และหันเข้าซื้อหุ้น หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ลดลง 28.5 ดอลลาร์ หรือ 1.56% ปิดที่ 1,800.1 ดอลลาร์/ออนซ์
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
บิตคอยน์วันนี้ปรับลงปรับลง 1.31%
ราคาบิตคอยน์ประจำวันที่ 4 ม.ค. 65 ปรับลง -1.31% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มาอยู่ที่ 46,440.60 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,543,360.46 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 33.27 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อ 7.36 น.
โดยเหรียญดิจิทัลอื่นๆ Ethereum ปรับลง 1.78% Binance Coin ปรับลง 2.94% และ Dogecoin ขยับขึ้น 2.63% ในช่วง 24 ชั่วโมง
สรุปราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี
1. Bitcoin (BTC) ราคา 46,440.60 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -1.31%
2. Ethereum (ETH) ราคา 3,762.67 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -1.78%
3. Binance Coin (BNB) ราคา 512.21 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.94%
4. Tether (USDT) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
5. Solana (SOL) ราคา 169.98 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -3.62%
6. Avalanche (AVAX) ราคา 108.10 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -3.98%
7. USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.03%
8. XRP (XRP) ราคา .83 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.27%
9. Terra (LUNA) ราคา 89.03 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.63%
10. Polkadot (DOT) ราคา 30.46 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.63%
ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ
อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท 33.24 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า สัปดาห์ส่งท้ายปี 2021 ที่ผ่านมา ตลาดการเงินยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดต่างคลายกังวลปัญหาการระบาดของโอมิครอน ควรติดตามรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ โดยเฉพาะ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls: NFP) ไปพร้อมกับการติดตาม สถานการณ์การระบาดของโอมิครอนทั่วโลก
โดยในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจมีดังนี้
ฝั่งสหรัฐฯ : แม้ว่า สถานการณ์การระบาดของโอมิครอนในสหรัฐฯ จะพบผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ทว่า โดยรวมข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังคงออกมาสะท้อนแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่อง โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการจะสามารถขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการโดย ISM (Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนธันวาคม ที่ระดับ 60.2 จุด และ 67 จุด ตามลำดับ (ดัชนีเกิน 50 จุด หมายถึง ภาวะขยายตัว)
นอกจากนี้ ตลาดจะรอลุ้นการฟื้นตัวของตลาดแรงงานซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ไม่มากนัก ดังจะเห็นได้จากการที่ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนธันวาคม อาจเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4 แสนราย ดีขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันอัตราการว่างงานก็จะลดลงเหลือ 4.1% อนึ่ง การฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดและอาจทำให้เฟดใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เร็วกว่าคาด หากเฟดประเมินว่าตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะสามารถกลับสู่สภาวะก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 ได้เร็ว
ฝั่งยุโรป : ตลาดประเมินว่า ปัญหาการระบาดของโอมิครอนในยุโรปอาจกดดันให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของยูโรโซน ในเดือนธันวาคม อาจหดตัวลงกว่า -0.5% จากเดือนก่อนหน้า สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนธันวาคม ที่จะปรับตัวลดลงสู่ระดับ -9.0 จุด เช่นกัน ซึ่งภาพเศรษฐกิจยุโรปที่ชะลอตัวลงในระยะสั้นอาจกดดันให้ สกุลเงินยูโร (EUR) แกว่งตัวในกรอบ sideways ต่อในช่วงนี้
ฝั่งเอเชีย : ตลาดจะรอติดตามสถานการณ์การระบาดของโอมิครอน โดยเฉพาะในประเทศจีน หลังเริ่มมีการรายงานยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ การระบาดระลอกใหม่ในจีนอาจกดดันให้เศรษฐกิจชะลอลงได้ในระยะสั้น เนื่องจากทางการจีนยังคงใช้นโยบาย Zero COVID ทำให้ยังคงมีการใช้มาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด นอกจากนี้ จีนยังไม่ได้เริ่มใช้วัคซีน mRNA ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรับมือการระบาดของโอมิครอน ทำให้สถานการณ์การระบาดในจีนอาจแตกต่างกับฝั่งประเทศพัฒนาแล้วที่เน้นใช้วัคซีน mRNA เป็นหลัก
ฝั่งไทย : ตลาดจะยังคงจับตาสถานการณ์การระบาดของโอมิครอน หลังยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นและอาจมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหลังเทศกาลปีใหม่ ซึ่ง เราประเมินว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการระบาดระลอกใหม่อาจไม่มากนัก หากรัฐบาลสามารถเร่งแจกจ่ายวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งข้อมูลงานวิจัยล่าสุดในต่างประเทศต่างชี้ว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการป่วยหนัก/เสียชีวิตได้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดประเมินว่า ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทยจะมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น
สะท้อนผ่านดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรม เดือนธันวาคมที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51 จุด นอกจากนี้ ตลาดยังมองว่า แนวโน้มการทยอยฟื้นตัวเศรษฐกิจจะช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) เดือนธันวาคม ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 49 จุด และที่สำคัญการทยอยฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ รวมถึงระดับราคาสินค้าพลังงานที่อยู่ในระดับสูง จะช่วยหนุนให้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนธันวาคม ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 2.8% ทั้งนี้ เงินเฟ้อทั่วไปจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จากระดับฐานราคาสินค้าพลังงานที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้า และภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อยังไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่าเงินบาทจะได้แรงหนุนในฝั่งแข็งค่าตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด (เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและนักลงทุนต่างชาติเดินหน้าซื้อหุ้นไทย) แต่สถานการณ์การระบาดในประเทศ จะทำให้เงินบาทไม่สามารถแข็งค่าไปได้มากนัก ทั้งนี้ ต้องจับตาโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำย่อตัวลงจากแตะแนวต้านสำคัญใกล้ 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง
ส่วนเงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหวย่อตัวลงได้บ้าง โดยภาวะตลาดการเงินเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) อาจกดดันเงินดอลลาร์ได้ แต่เรามองว่าเงินดอลลาร์ยังพอมีแรงหนุนอยู่หากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งดีกว่าคาด จนทำให้ตลาดประเมินว่าเฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เร็ว อาทิ ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมีนาคม
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.00-33.50 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.15-33.30 บาท/ดอลลาร์
ทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่าทดสอบแนว 33.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะลดช่วงบวกกลับมาเคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 33.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ โดยยังคงเป็นระดับที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดปลายปี 2564 ที่ 33.41 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับภาพรวมสกุลเงินและสินทรัพย์เสี่ยงในฝั่งเอเชีย ท่ามกลางความเชื่อว่า ผลกระทบจากโอมิครอนอาจจะไม่กดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากนัก อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทถูกจำกัดไว้บางส่วน เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ ยังคงมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มการเตรียมคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 33.20-33.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โอมิครอนที่จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในไทยสูงกว่าจำนวนผู้หายป่วยกลับบ้าน รวมถึงตัวเลข ISM ภาคการผลิต และข้อมูลการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
นักลงทุนคลายกังวลโอมิครอน ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดแดนบวกเช้านี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮในวันจันทร์ (3 ม.ค.) ขานรับมุมมองบวกที่ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์ และหุ้นบริษัทเทสลา มอเตอร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,098.41 จุด เพิ่มขึ้น 306.7 จุด หรือ +1.07%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,400.62 จุด เพิ่มขึ้น 125.87 จุด หรือ +0.54% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,649.15 จุด เพิ่มขึ้น 9.37 จุด หรือ +0.26%
นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากผลการวิจัยบ่งชี้ว่า แม้ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้รัฐบาลของหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นแอปเปิลที่พุ่งขึ้น 2.5% และปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 182.01 ดอลลาร์ ส่งผลให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทจดทะเบียนรายแรกของสหรัฐที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเทสลา ทะยานขึ้นกว่า 13.53% หลังจากบริษัทรายงานว่าสามารถส่งมอบรถยนต์จำนวน 308,600 คันในไตรมาส 4/2564 ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจภูมิภาควันนี้ นักลงทุนยังจับตาการรายงานอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ของเกาหลีใต้ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค. ของจีนจากไฉซิน
คุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด