ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 (รอบเช้า)
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ก่อนหน้านี้ บริษัท Apple ทำสถิติเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ และ 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในโลกแซงหน้าบริษัทซาอุดี อารามโคในปีที่แล้ว ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2564 ที่ผ่านมาพบว่า ราคาหุ้นของ บริษัท Appleดิ่งลงกว่า 3% หลังจากเปิดเผยรายได้ประจำไตรมาส 4 ตามปีงบการเงินของบริษัท ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2560และเปิดเผยยอดขาย I phone เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์
นอกจากนี้ยังพบว่าบริษัท Microsoft มีมูลค่าตลาด 2.45 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่า บริษัท Apple โดยมีมูลค่าตลาด 2.42 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนราคาหุ้น Microsoft ดีดตัวขึ้น 0.5% ในวันนี้ หลังจากเปิดเผยรายได้ประจำไตรมาส 1 ตามปีงบการเงินของบริษัท พุ่งขึ้น 22% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2561
ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ
สัญญาทองคำในตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันที่ 29 ต.ค.2564 โดยถูกกดดันจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ทำให้สัญญาทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้น และไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ซึ่งสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 18.7 ดอลลาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 1,783.9 ดอลลาร์/ออนซ์ และปรับตัวลงราว 0.7% ในสัปดาห์นี้ แต่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนต.ค. โดยสัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 17.1 เซนต์ หรือ 0.71% ปิดที่ 23.949 ดอลลาร์/ออนซ์ , สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,020.7 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 9.10 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,980.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.82% แตะที่ 94.1169
สำหรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างไร้ทิศทางกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. แต่ชะลอตัวจากระดับ 1.0% ในเดือนส.ค. ขณะที่รายได้ส่วนบุคคล ลดลง 1.0% ในเดือนก.ย.โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป พุ่งขึ้น 4.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2534 โดยดัชนี PCE ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาอาหารและพลังงานรวมถึงดัชนี PCE พื้นฐาน ไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับเดือนส.ค.
ทั้งนี้ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 71.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 72.8 ในเดือนก.ย.
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ
ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยค่าเงินบาทในเดือนต.ค.2564 ปรับอ่อนค่าตามเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น หลังตลาดกังวลอัตราเงินเฟ้อดันบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เร่งตัว และเงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นตามข่าวการเปิดประเทศ ระบุดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลน้อยลงอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ จากดุลการค้าเพิ่มขึ้น ยันเงินเฟ้อไทยยังไม่น่าห่วง แรงกดดันต่อนโยบายการเงินน้อยกว่าต่างประเทศไทย
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวว่า แนวโน้มค่าเงินบาท ช่วงต้นเดือนมีทิศทางอ่อนค่าลงตามดอลลาร์ที่ปรับแข็งค่าขึ้น เป็นผลมาจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ บอนด์ยีลด์ ที่ปรับเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้น และหลังจากนั้นจะเห็นว่าค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นจากปัจจัยในประเทศ โดยมีเรื่องการเปิดประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว ทำให้บรรยากาศ กลับมา ส่งผลให้เงินบาทกลับมาแข็งค่า
สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลน้อยกว่าเดือนก่อนตามดุลการค้าที่เกินดุลมากขึ้น โดยเดือนก.ย.ขาดดุลอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ จากเดือนก่อนขาดดุล 2.5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับลดลง เนื่องจากสหรัฐฯ และอังกฤษ ประกาศไทยเป็นประเทศมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากมีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า แต่หลังจากนั้นสัญญาณก็ปรับดีขึ้นตามจำนวนผู้ติดเชื้อและการฉีดวัคซีน โดยมีการปลดชื่อไทยออกจากกลุ่มเสี่ยงสูง
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับเพิ่มขึ้น หลังจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของภาครัฐสิ้นสุดลง ประกอบกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยคาดการณ์ว่าปีนี้เงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 1% อยู่ในขอบล่างของกรอบเงินเฟ้อ ซึ่งยังไม่ได้สูงมาก ประกอบการกับฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยช้ากว่าประเทศอื่น เป็นการฟื้นตัวในลักษณะ K ขาล่าง ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อต่อนโยบายการเงินน้อยกว่าประเทศอื่น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย กล่าวว่า เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยสอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ ขาดแรงหนุนหลังข้อมูลจีดีพีไตรมาสสามออกมาต่ำกว่าที่คาด ประกอบกับนักลงทุนยังคงรอติดตามผลการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์หน้า ระหว่างวันที่ 1-5 พ.ย. 2564 คาดไว้ที่ 32.70-33.70 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางอังกฤษ ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนต.ค. ของจีน ยูโรโซน อังกฤษด้วยเช่นกัน
ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ, ฐานเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2564 ตลากหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนในแดนลบเรับแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่ 2-3 พ.ย.2564 ที่คาดว่าจะเริ่มลดการใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงิน (QE) ลง ทําให้กระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติผันผวน รวมถึงไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสนับสนุน หลังตอบรับการยกเลิกเคอร์ฟิว 17 จังหวัด และคลายล็อกวงเงินกู้บ้านLTV ไปก่อนแล้ว ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,623.43 จุด ลดลง 0.88 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.05% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 66,747.49 ล้านบาท ขณะที่ ดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,629.25 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,619.14 จุด
หลักทรัพย์ที่กดดัชนีมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
ทั้งนี้หุ้นไทยได้ปิดลบไปที่ 0.88 จุด รับแรงขายลดความเสี่ยงก่อนประชุมเฟด หลังคาดจะลดใช้มาตรการQE กระทบเงินทุนต่างชาติผันผวน และไร้ปัจจัยใหม่หนุน ตอบรับยกเลิกเคอร์ฟิว และคลายล็อก LTV ไปแล้ว
ขอบคุณ : ขอบคุณเศรษฐกิจ
บริษัทที่ปรึกษา เอลิกซ์พาร์ตเนอร์ส กล่าวว่า ราคารถมือสองพุ่งสูงขึ้นเป็นเพราะการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยทำให้การผลิตรถยนต์น้อยลงเกือบ 4 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างหนักโดยคาดว่าการผลิตรถยนต์ปริมาณในสต็อกจะกลับสู่ระดับปกติได้ในปี 2566 ขณะที่เวลานี้กำลังจะขาดแคลนรถมือสองด้วย เนื่องจากความต้องการของตลาดทำให้ราคารถมือสองพุ่งสูงขึ้นตามมา ทำให้ปีหน้าเป็นเรื่องยากมากที่ผู้บริโภคจะซื้อรถยนต์ไม่ว่าคันใหม่หรือมือสองเช่นกัน
สำหรับราคารถยนต์มือสองในตลาดค้าส่งทั่วสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของเดือน ก.ย. และพุ่งสูงขึ้น 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจนแตะระดับสูงสุด ส่วนราคารถยนต์คันใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเกือบ 24% เมื่อเทียบจากปี 2562
ขอบคุณ : เนชั่น
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 30 มกราคม 2566 ตลาดจับตาเฟดแถลงผลการประชุมวันพุธนี้ คาดขึ้นดอกเบี้ย
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 24 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ยูโรแข็งเทียบดอลล์ ร
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 มกราคม 2566 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $16.90 เ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 21 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $27.7 ด
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบบ่าย) ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อ
ข่าว หุ้น ธุรกิจ เศรษฐกิจ วันที่ 20 ธันวาคม 2565 (รอบเช้า) ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดลบ $2.5 บอนด