LOGO Goo Invest
Categories
ข่าวหุ้น

ข่าว หุ้น ธุรกิจ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564

ข่าวหุ้น เศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน Goo Invest Trade

ข่าวหุ้นล่าสุด ข่าวเด่นวันนี้ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564

ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway ถึง Sideway up หลังเฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว

      นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up หลังคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ย.เมื่อคืนที่ผ่านมาระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะเร่งเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว และตัวเลขการจ้างงานก็ดีขึ้นเป็นตัวสนับสนุนด้วย โดยตลาดคาดเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.65

        ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลงหลังจากที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ช่วงหลังมานี้ได้เห็น Fund Flow ไหลเข้ามาในตลาดในกลุ่ม TIP เป็นผลจากการมองเศรษฐกิจในปี 65 จะฟื้นตัว พร้อมให้ติดตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) จะเป็นอย่างไร และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในยุโรป รวมถึงในเอเชียด้วย

      สำหรับบ้านเรายังต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ในวันพรุ่งนี้ เกี่ยวกับการเปิดสถานบันเทิง จะออกมาอย่างไร เนื่องจากมีผลต่อการสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศในช่วงปีใหม่จะมีอะไรบ้าง พร้อมให้แนวรับ 1,643-1,636 จุด ส่วนแนวต้าน 1,658-1,666 จุด

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้น หลังได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสาร

     ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ  24 พ.ย. 64 ที่ผ่านมาโดยฟื้นตัวขึ้นหลังติดลบ 4 วันติดต่อกัน หลังได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมที่พุ่งขึ้น แต่ตลาดปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่ลงในยุโรป และแนวโน้มที่จะมีการดำเนินมาตรการจำกัดอย่างรุนแรงเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
     – ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 479.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.09%
     – ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,042.23 จุด ลดลง 2.39 จุด หรือ -0.03%,
     – ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,878.39 จุด ลดลง 58.61 จุด หรือ -0.37% และ
     – ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,286.32 จุด เพิ่มขึ้น 19.63 จุด หรือ +0.27%

      ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคมที่พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากหุ้นเทเลคอม อิตาเลีย ทะยานขึ้น 15.6% ขานรับข่าวที่ว่า กองทุนเคเคอาร์ของสหรัฐกำลังพิจารณาเพิ่มข้อเสนอซื้อหุ้นของบริษัท หลังจากที่วิวองดิซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ระบุว่า ข้อเสนอเริ่มแรกนั้นต่ำเกินไป

       หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงานบวกขึ้นด้วย เนื่องจากราคาทองแดงและราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

       ท้้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นไม่มากนัก และมีแนวโน้มติดลบในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโควิด, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และภาวะเงินเฟ้อ หุ้นกลุ่มเดินทางร่วงลงกว่า 1.0% โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 7 ติดต่อกันแล้ว

 

ขอบคุณ : สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นักลงทุนแห่ช้อนซื้อ หลังราคาทองคำตลาดนิวยอร์กร่วงหนัก

      ราคาทองคำตลาดนิวยอร์ก เมื่อวานนี้ 24 พ.ย. 64 ปิดบวกเล็กน้อย  ได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อเก็งกำไรหลังสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 4 วันทำการ โดยสัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

      สัญญาทองคำตลาด COMEX  ได้ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,784.3 ดอลลาร์/ออนซ์

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 6.1 เซนต์ หรือ 0.26% ปิดที่ 23.496 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 11.1 ดอลลาร์ หรือ 1.15% ปิดที่ 975.3 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 2.40 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 1,847.90 ดอลลาร์/ออนซ์         
         ทั้งนี้สัญญาทองคำปิดตลาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 ที่ขยายตัว 2.1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0% ซึ่งขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 71,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2512 ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2533
 
 
ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 9.42 จุด

      ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 9.42 จุด หรือ – 0.03% ปิดที่ 35,804.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 10.76 จุด หรือ 0.23% ปิดที่ 4,710.46 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 70.09 จุด หรือ 0.44% ปิดที่ 15,845.23 จุด

     นักวิเคราะห์จากบริษัท AXS Investments ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งความวิตกเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดรอบใหม่ในยุโรป และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุด

     โดยคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ย.เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า เฟดมีความพร้อมที่จะเร่งเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากตัวเลขเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง

     สำหรับหุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 29.03% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 39 เซนต์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 56 เซนต์ นอกจากนี้ นอร์ดสตรอมระบุว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาห่วงโซ่อุปทานในช่วงก่อนเทศกาลชอปปิงในวันหยุด รวมถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

     โดยหุ้นแก๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 24.05% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 27 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 50 เซนต์ ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 3.94 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 4.44 พันล้านดอลลาร์ สวนทางกับหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ พุ่งขึ้น 1.64% หุ้นซีบีอาร์อี กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 0.39% หุ้นซีทีโอ เรียลตี้ โกร้ธ บวก 0.11%

        ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.92% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดีดขึ้น 1.13% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.34% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 0.94%  หุ้นเอชพี อิงค์ พุ่งขึ้น 10.10% และหุ้นเดล เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 4.81% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 3 ขานรับความต้องการคอมพิวเตอร์พีซีที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
          หุ้นเทสลา ดีดตัวขึ้น 0.63% แม้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า นายอีลอน มัสก์ ได้เทขายหุ้นเทสลาอีก 934,000 หุ้นในวันอังคาร (23 พ.ย.) คิดเป็นมูลค่าราว 1.05 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดรวมการขายหุ้นในเดือนนี้ของนายมัสก์อยู่ที่ระดับ 9.85 พันล้านดอลลาร์

         ทั้งนี้ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2564 ที่ขยายตัว 2.1% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 2.0% ในขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 71,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2512 ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 5.0% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี

      ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2533 ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.5% ในเดือนต.ค. หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. สำหรับตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันนี้ (25 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) และจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. 

 

 

ขอบคุณ : ฐานเศรษฐกิจ

 

 

เดอะมอลล์รวมมือกับบิทคับ เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคชำระเงินผ่านคริปโทเคอร์เรนซี เริ่ม  30 พ.ย.64 นี้

     กลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป เตรียมประกาศความร่วมมือกับ บิทคับ (BITKRUB) แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือ “BITKUB X The Mall Group Partnership Announcement” โดยทางเดอะมอลล์จะเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วยการรับชำระเงินด้วยคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ภายใต้ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ซึ่งมีศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น เดอะมอลล์, ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มดิสทริค, สยาม พารากอน, บลูพอร์ต โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ 30 พ.ย.64 นี้

    นายสกลกรย์ สระกวี หนึ่งในผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ภายใต้แบรนด์บิทคับ (Bitkub) กล่าว ว่า  ในเดือนนี้จะได้เห็นความร่วมมือระหว่างบิทคับกับพันธมิตรรายใหญ่ในประเทศไทยจากหลากหลายวงการ เพื่อช่วยกันสร้างอีโคซิสเท็มสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย 

ทั้งนี้สิ่งที่บิทคับพยายามทำ คือ การทำให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลใหญ่ขึ้น ด้วยการพยายามทำให้การเทรดคริปโทเคอร์เรนซีเป็นแมส แต่เน้นการขยายฐานไปยังกลุ่มคนทั่วไป เพราะเมื่อตลาดใหญ่ขึ้น มูลค่าตลาดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

 

ขอบคุณ : ประชาชาติธุรกิจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *